Work-life Balance หรือสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว เป็นสิ่งที่หลายๆ คนออกตามหา เพื่อให้ได้มาซึ่งความลงตัวในการจัดสรรเวลาหาความสุขให้กับชีวิต แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังดั่งที่ใจปรารถนา ยิ่งในประเทศไทยที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจและมีการแข่งขันที่สูงอยู่เสมอยิ่งแล้วไปกันใหญ่ รู้ไหมว่ากรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 ใน 5 เมืองที่มีปัญหาเรื่อง Work-Life Balance มากที่สุดในปี 2022 เลยนะ โดยวัดจาก Work-Life Balance Index ที่จัดทำขึ้นโดย Kisi บริษัทเทคโนโลยีให้คำปรึกษาด้านการทำงานที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับสมดุลชีวิต แน่นอนว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะการที่เราขาดสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว จะทำให้เกิดผลเสียตามมาไม่ใช่น้อยเลยล่ะ เพราะคำว่า Work-Life Balance ไม่ได้เกี่ยวข้องแค่กับเวลาอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับด้านอื่นๆ อีก ...
“มนุษย์เป็นสัตว์สังคม (Human being is social animal)” อริสโตเติล (Aristotle) นักวิทยาศาสตร์และนักปราชญ์กรีกโบราณได้กล่าวเอาไว้ เราดำรงชีวิตร่วมอยู่กับผู้อื่นในการทำกิจกรรมต่างๆ อยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่การทำงาน ดังนั้นการทำงานเป็นทีมเป็นจึงเป็นสิ่งที่หลายๆ คนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แน่นอนว่าการทำงานเป็นทีมมีข้อดีจำนวนไม่น้อย อย่างการมีคนช่วยคิดหรือให้คำปรึกษาในเรื่องยากๆ บางครั้งก็อาจทำให้งานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วงได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งประสิทธิภาพของชิ้นงานก็จะมีคุณภาพเพราะทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน แต่ก็ใช่ว่าการทำงานเป็นทีมจะราบรื่นเสมอไป เคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่า ว่าทำไมบางทีทีมของเรามักมีข้อผิดพลาดอยู่บ่อยๆ คนในทีมก็ดูไม่ค่อยเข้าท่า งานที่ออกมาก็ไปคนละทาง คุณภาพก็ไม่เห็นปังเหมือนทีมอื่น บอกได้เลยว่านี่เป็นสัญญาณเตือนของความวินาศสันตะโรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า หากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้รับการแก้ไขให้ทันท่วงที โดยเหตุการณ์ทั้งหมดมาจากสิ่งที่หลายๆ คนคิดไม่ถึง นั่นก็คือมาจาก ‘พฤติกรรม’ ของคนในทีมนั่นเอง พฤติกรรมเล็กๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันระวังนั้นอาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่จนสายเกินแก้อย่าง ‘ทีมแตก’ ได้ ...
ปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 นั้นมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายบริษัทเริ่มมีการให้เหล่าพนักงานกลับมาเจอหน้าและทำกิจกรรมร่วมกัน (Outing) หลังจากมีนโยบายการทำงานแบบ Work Anywhere ไปในช่วงที่มีการแพร่ระบาดที่รุนแรง ‘Outing’ คือ การทำกิจกรรมร่วมกันขององค์กรสำหรับพนักงาน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กร หรือช่วยให้พนักงานผ่อนคลายจากความตึงเครียดจากการทำงาน เพื่อจะได้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การ Outing ยังช่วยส่งเสริมศักยภาพในการทำงานให้กับเหล่าพนักงาน ได้เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรไปพร้อมๆ กัน ในบางครั้งก็ช่วยให้อีโก้ของแต่ละคนลดลงจนสามารถทำงานด้วยกันได้ง่ายขึ้น เพราะต่างคนต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน การ Outing มีประโยชน์อย่างมากสำหรับใช้ในการสร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้น ร่วมไปถึงสามารถสร้างชิ้นงานที่มีประสิทธิภาพได้ในอนาคต แต่ก็ใช่ว่าการ Outing จะส่งผลดีกับทุกคนเสมอไป วันนี้ Future Trends จะขอยกตัวอย่างจากสำนักข่าว ...
ในทุกๆ วันเราต้องมีโอกาสเดินทางเข้าสู่เส้นทางแห่งการตัดสินใจ บางเรื่องก็เล็กน้อยไม่สำคัญ บางเรื่องก็มีผลกระทบต่อชีวิตของเราในระยะยาว เช่น เราควรที่จะทำตามกระแสเพื่อเป็นที่ยอมรับของสังคมดีไหม การลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งเลือกใครดี หรือทำงานอย่างเดียวหรือเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยดี เราจะถูกล้อมไปด้วยการตัดสินใจที่มากมาย ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตัดสินใจได้ถูกต้องสมบูรณ์แบบได้ทุกครั้ง แต่ในความไม่สมบูรณ์แบบนี้มันก็สามารถที่จะปรับปรุงการตัดสินใจของเราให้ดีขึ้นได้ Future Trends จึงอยากนำเสนอเทคนิคหนึ่ง ที่ช่วยให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มันคือเทคนิค ‘Critical Thinking’ หรือ ‘การคิดอย่างมีเหตุผล’ มันคือวิธีการคิด อาศัยการตั้งคำถามที่ช่วยให้เราสามารถแยกแยะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรอบคอบ เปิดเผยประเด็นที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ เช่น อคติ ความไม่ชอบ และการถูกควบคุม เทคนิคนี้มักจะถูกมองว่าเป็น ‘ลบ’ เพราะมันต้องละทิ้งความคิดหลายๆ อย่าง [ 4 เทคนิคการพัฒนา ‘Critical ...
ในวันที่เราหัวตัน คิดงานไม่ออก ไอเดียไม่มา แต่ละคนก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันไปในการแก้ปัญหานั้นๆ บางคนอาจจะหยุดการทำงานเอาไว้ก่อนและหันไปทำสิ่งอื่น บางคนอาจจะฝืนนั่งคิดต่อไปจนกว่าจะมีไอเดียออกมา และมีวิธีหนึ่งที่หลายคนอาจจะทำอยู่บ่อยๆ แต่ไม่รู้ตัว นั่นก็คือ ‘การเดิน’ นั่นเอง ‘การเดินเป็นสิ่งที่ช่วยให้สมองของเราโลดแล่นไปในห้วงความคิดได้อย่างดีเยี่ยม’ นักวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรมและการเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Standford) แมริลี ออพเพซโซ่ (Marily Oppezzo) ก็มีแนวคิดเดียวกันกับประโยคข้างต้น โดยเธอได้มีโอกาสกล่าวสุนทรพจน์ใน TED Talk กับหัวข้อ “Want to be more creative? Go for a walk” หรือแปลได้ว่า “ต้องการความคิดสร้างสรรค์เพิ่มเหรอ ออกไปเดินซะ” ...
ณ เวลา 5 โมงเย็น คุณเพิ่งรู้สึกตัวว่ายังไม่ได้ทำรายงานที่มีกำหนดส่งในวันพรุ่งนี้ สงสัยว่ามันคงได้เวลาแล้วที่จะเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แต่เดี๋ยวนะคุณมองไปเห็นโทรศัพท์ว่ามีแจ้งเตือนขอเปิดดูสักหน่อยแล้วกัน ไหนๆ ก็หยิบมันขึ้นมาแล้ว เช็คช่อง YouTube ที่กดติดตามก่อนดีกว่าว่ามีอะไรอัปเดตไหม อืม… แต่นี่มันก็เย็นแล้วนะทำอาหารกินก่อนกีไหมนะ ไหนๆ คุณก็ชอบทำอาหารอยู่แล้ว โอ้ไม่นะ! 3 ทุ่มแล้วหรอ รายงานยังไม่ได้เริ่มทำเลย เอาเป็นว่าค่อยไปทำพรุ่งนี้เช้าแล้วกันนะ นี่คือสัญญาณของการติดอยู่ในวงจรของการ ‘ผัดวันประกันพรุ่ง’ Future Trends เชื่อว่าทุกคนต้องเคยประสบพบเจอมาก่อน แต่เพราะอะไรกันนะทั้งๆ ที่มันรู้สึกแย่แต่เราก็ทำอยู่ดี [ ผลกระทบต่อความรู้สึกเมื่อเรา ‘ผัดวันประกันพรุ่ง’ ] พวกเราทุกคนล้วนที่จะรู้ว่า การผัดวันประกันพรุ่งเป็นสิ่งไม่ดี แต่ขอบอกให้ชัดเจนก่อนเลยว่า ...
“ผู้นำ คือคนที่ต้องดูแล บริหาร และจัดการทีม แต่คำว่า ‘ผู้นำ’ ในบริบทนี้ไม่ได้หมายถึงว่าคุณจะต้องอยู่ข้างหน้าแถวเสมอไป ในบางครั้ง ‘ผู้นำ’ ก็สามารถนำทางให้ทีมจากข้างหลังได้” วันนี้ Future Trends มีแนวคิดการเป็นผู้นำมาเล่าให้ผู้อ่านทุกคนได้ศึกษากัน กับแนวคิด ‘Wolves’ ผู้นำแบบหมาป่า [🐺 หมาป่า สอนอะไรเราเกี่ยวกับการเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีม? ] “เราไม่ทิ้งคนเก่าแก่ เราไม่จำเป็นต้องแข็งแรง เพียงแต่เราต้องจัดการทีมให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่” นี่คือ สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการบริหารทีมของหมาป่า 🐺 1.จัดให้เพื่อนร่วมทีมสูงอายุ และคนป่วย อยู่ข้างหน้าสุด “ในฝูงหมาป่า แถวแรกจะประกอบด้วยคนสูงอายุ และคนป่วย เนื่องจากถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ข้างหน้า ...
‘แค่อยากจะรู้ว่าตรงที่เธอยืนนั้นมีฝนตกไหม สบายดีไหม เธอกลัวฟ้าร้องหรือเปล่า~’ เพลงเศร้าเคล้าอารมณ์อย่าง ‘ฝนตกไหม’ ของวง Three Man Down น่าจะเป็นหนึ่งในเพลงยอดฮิตที่คลื่นวิทยุต่างๆ เปิดให้ผู้ฟังอยู่บ่อยๆ ในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าฤดูนี้คงไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าใครก็คงไม่อยากเดินตัวเปียกเข้าออฟฟิศ ฟ้าครึ้ม อากาศชื้นแฉะ รองเท้าที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำขัง ชุดทำงานที่เปียกมะล่อกมะแล่ก รวมไปถึงการจราจรที่ติดขัดมักเชิญชวนให้ผู้คนรู้สึกหม่นหมองไปกับบรรยากาศรอบตัว มองดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าภิรมย์ บางคนอาจจะรู้สึกว่า ‘ทำไมต้องมาทำงานในวันฝนตกด้วยนะ’ ‘อากาศแบบนี้น่านอนอยู่ห้อง’ หรือ ‘เบื่อโว้ยยยยยย’ แม้ว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายจะนำทางเราไปยังอารมณ์ที่ติดลบกับทุกสิ่ง แต่รู้ไหมว่า ‘ฝน’ นี่แหละที่ช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ฟันธงได้ด้วยงานวิจัยจาก Harvard Business School ซึ่งอธิบายเอาไว้ว่า ...
‘แค่อยากจะรู้ว่าตรงที่เธอยืนนั้นมีฝนตกไหม สบายดีไหม เธอกลัวฟ้าร้องหรือเปล่า~’ เพลงเศร้าเคล้าอารมณ์ ‘ฝนตกไหม’ ของวง Three Man Down น่าจะเป็นหนึ่งในเพลงยอดฮิตที่คลื่นวิทยุต่างๆ เปิดให้ผู้ฟังอยู่บ่อยๆ ในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าฤดูนี้คงไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากเดินตัวเปียกเข้าออฟฟิศหรอก ฟ้าครึ้ม อากาศชื้นแฉะ รองเท้าที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำขัง ชุดทำงานที่เปียกมะล่อกมะแล่ก รวมไปถึงการจราจรที่ติดขัดมักเชิญชวนให้ผู้คนรู้สึกหม่นหมองไปกับบรรยากาศรอบตัว มองดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าภิรมย์ บางคนอาจจะรู้สึกว่า ‘ทำไมต้องมาทำงานในวันฝนตกด้วยนะ’ ‘อากาศแบบนี้น่านอนอยู่ห้อง’ หรือ ‘เบื่อโว้ยยยยยย’ แม้ว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายจะนำทางเราไปยังอารมณ์ที่ติดลบกับทุกสิ่ง แต่รู้ไหมว่า ‘ฝน’ นี่แหละที่ช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ฟันธงได้ด้วยงานวิจัยจาก Harvard Business School ซึ่งอธิบายเอาไว้ว่า ...
“Now I am become Death, the destroyer of worlds.” “ในตอนนี้ผมได้กลายมาเป็นความตาย ที่ทำลายโลกใบนี้” คำพูดของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ บิดาแห่งระเบิดปรมาณู ที่เหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างความรู้สึกผิดให้เขาไปจนวันสุดท้ายของชีวิต เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) หรือชื่อเต็ม จูเรียส โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ แต่ผู้คนมักเรียกเขาด้วยฉายา ว่า ‘The Father of Atomic ...