ในทุกๆ วันเราต้องมีโอกาสเดินทางเข้าสู่เส้นทางแห่งการตัดสินใจ บางเรื่องก็เล็กน้อยไม่สำคัญ บางเรื่องก็มีผลกระทบต่อชีวิตของเราในระยะยาว เช่น เราควรที่จะทำตามกระแสเพื่อเป็นที่ยอมรับของสังคมดีไหม การลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งเลือกใครดี หรือทำงานอย่างเดียวหรือเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยดี เราจะถูกล้อมไปด้วยการตัดสินใจที่มากมาย ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตัดสินใจได้ถูกต้องสมบูรณ์แบบได้ทุกครั้ง แต่ในความไม่สมบูรณ์แบบนี้มันก็สามารถที่จะปรับปรุงการตัดสินใจของเราให้ดีขึ้นได้ Future Trends จึงอยากนำเสนอเทคนิคหนึ่ง ที่ช่วยให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มันคือเทคนิค ‘Critical Thinking’ หรือ ‘การคิดอย่างมีเหตุผล’ มันคือวิธีการคิด อาศัยการตั้งคำถามที่ช่วยให้เราสามารถแยกแยะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรอบคอบ เปิดเผยประเด็นที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจ เช่น อคติ ความไม่ชอบ และการถูกควบคุม เทคนิคนี้มักจะถูกมองว่าเป็น ‘ลบ’ เพราะมันต้องละทิ้งความคิดหลายๆ อย่าง [ 4 เทคนิคการพัฒนา ‘Critical ...
ในวันที่เราหัวตัน คิดงานไม่ออก ไอเดียไม่มา แต่ละคนก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันไปในการแก้ปัญหานั้นๆ บางคนอาจจะหยุดการทำงานเอาไว้ก่อนและหันไปทำสิ่งอื่น บางคนอาจจะฝืนนั่งคิดต่อไปจนกว่าจะมีไอเดียออกมา และมีวิธีหนึ่งที่หลายคนอาจจะทำอยู่บ่อยๆ แต่ไม่รู้ตัว นั่นก็คือ ‘การเดิน’ นั่นเอง ‘การเดินเป็นสิ่งที่ช่วยให้สมองของเราโลดแล่นไปในห้วงความคิดได้อย่างดีเยี่ยม’ นักวิทยาศาสตร์ด้านพฤติกรรมและการเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Standford) แมริลี ออพเพซโซ่ (Marily Oppezzo) ก็มีแนวคิดเดียวกันกับประโยคข้างต้น โดยเธอได้มีโอกาสกล่าวสุนทรพจน์ใน TED Talk กับหัวข้อ “Want to be more creative? Go for a walk” หรือแปลได้ว่า “ต้องการความคิดสร้างสรรค์เพิ่มเหรอ ออกไปเดินซะ” ...
ณ เวลา 5 โมงเย็น คุณเพิ่งรู้สึกตัวว่ายังไม่ได้ทำรายงานที่มีกำหนดส่งในวันพรุ่งนี้ สงสัยว่ามันคงได้เวลาแล้วที่จะเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แต่เดี๋ยวนะคุณมองไปเห็นโทรศัพท์ว่ามีแจ้งเตือนขอเปิดดูสักหน่อยแล้วกัน ไหนๆ ก็หยิบมันขึ้นมาแล้ว เช็คช่อง YouTube ที่กดติดตามก่อนดีกว่าว่ามีอะไรอัปเดตไหม อืม… แต่นี่มันก็เย็นแล้วนะทำอาหารกินก่อนกีไหมนะ ไหนๆ คุณก็ชอบทำอาหารอยู่แล้ว โอ้ไม่นะ! 3 ทุ่มแล้วหรอ รายงานยังไม่ได้เริ่มทำเลย เอาเป็นว่าค่อยไปทำพรุ่งนี้เช้าแล้วกันนะ นี่คือสัญญาณของการติดอยู่ในวงจรของการ ‘ผัดวันประกันพรุ่ง’ Future Trends เชื่อว่าทุกคนต้องเคยประสบพบเจอมาก่อน แต่เพราะอะไรกันนะทั้งๆ ที่มันรู้สึกแย่แต่เราก็ทำอยู่ดี [ ผลกระทบต่อความรู้สึกเมื่อเรา ‘ผัดวันประกันพรุ่ง’ ] พวกเราทุกคนล้วนที่จะรู้ว่า การผัดวันประกันพรุ่งเป็นสิ่งไม่ดี แต่ขอบอกให้ชัดเจนก่อนเลยว่า ...
“ผู้นำ คือคนที่ต้องดูแล บริหาร และจัดการทีม แต่คำว่า ‘ผู้นำ’ ในบริบทนี้ไม่ได้หมายถึงว่าคุณจะต้องอยู่ข้างหน้าแถวเสมอไป ในบางครั้ง ‘ผู้นำ’ ก็สามารถนำทางให้ทีมจากข้างหลังได้” วันนี้ Future Trends มีแนวคิดการเป็นผู้นำมาเล่าให้ผู้อ่านทุกคนได้ศึกษากัน กับแนวคิด ‘Wolves’ ผู้นำแบบหมาป่า [🐺 หมาป่า สอนอะไรเราเกี่ยวกับการเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีม? ] “เราไม่ทิ้งคนเก่าแก่ เราไม่จำเป็นต้องแข็งแรง เพียงแต่เราต้องจัดการทีมให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่” นี่คือ สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการบริหารทีมของหมาป่า 🐺 1.จัดให้เพื่อนร่วมทีมสูงอายุ และคนป่วย อยู่ข้างหน้าสุด “ในฝูงหมาป่า แถวแรกจะประกอบด้วยคนสูงอายุ และคนป่วย เนื่องจากถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ข้างหน้า ...
‘แค่อยากจะรู้ว่าตรงที่เธอยืนนั้นมีฝนตกไหม สบายดีไหม เธอกลัวฟ้าร้องหรือเปล่า~’ เพลงเศร้าเคล้าอารมณ์อย่าง ‘ฝนตกไหม’ ของวง Three Man Down น่าจะเป็นหนึ่งในเพลงยอดฮิตที่คลื่นวิทยุต่างๆ เปิดให้ผู้ฟังอยู่บ่อยๆ ในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าฤดูนี้คงไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าใครก็คงไม่อยากเดินตัวเปียกเข้าออฟฟิศ ฟ้าครึ้ม อากาศชื้นแฉะ รองเท้าที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำขัง ชุดทำงานที่เปียกมะล่อกมะแล่ก รวมไปถึงการจราจรที่ติดขัดมักเชิญชวนให้ผู้คนรู้สึกหม่นหมองไปกับบรรยากาศรอบตัว มองดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าภิรมย์ บางคนอาจจะรู้สึกว่า ‘ทำไมต้องมาทำงานในวันฝนตกด้วยนะ’ ‘อากาศแบบนี้น่านอนอยู่ห้อง’ หรือ ‘เบื่อโว้ยยยยยย’ แม้ว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายจะนำทางเราไปยังอารมณ์ที่ติดลบกับทุกสิ่ง แต่รู้ไหมว่า ‘ฝน’ นี่แหละที่ช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ฟันธงได้ด้วยงานวิจัยจาก Harvard Business School ซึ่งอธิบายเอาไว้ว่า ...
‘แค่อยากจะรู้ว่าตรงที่เธอยืนนั้นมีฝนตกไหม สบายดีไหม เธอกลัวฟ้าร้องหรือเปล่า~’ เพลงเศร้าเคล้าอารมณ์ ‘ฝนตกไหม’ ของวง Three Man Down น่าจะเป็นหนึ่งในเพลงยอดฮิตที่คลื่นวิทยุต่างๆ เปิดให้ผู้ฟังอยู่บ่อยๆ ในช่วงนี้ อาจเป็นเพราะประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าฤดูนี้คงไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากเดินตัวเปียกเข้าออฟฟิศหรอก ฟ้าครึ้ม อากาศชื้นแฉะ รองเท้าที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำขัง ชุดทำงานที่เปียกมะล่อกมะแล่ก รวมไปถึงการจราจรที่ติดขัดมักเชิญชวนให้ผู้คนรู้สึกหม่นหมองไปกับบรรยากาศรอบตัว มองดูแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าภิรมย์ บางคนอาจจะรู้สึกว่า ‘ทำไมต้องมาทำงานในวันฝนตกด้วยนะ’ ‘อากาศแบบนี้น่านอนอยู่ห้อง’ หรือ ‘เบื่อโว้ยยยยยย’ แม้ว่าสภาพอากาศที่เลวร้ายจะนำทางเราไปยังอารมณ์ที่ติดลบกับทุกสิ่ง แต่รู้ไหมว่า ‘ฝน’ นี่แหละที่ช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ฟันธงได้ด้วยงานวิจัยจาก Harvard Business School ซึ่งอธิบายเอาไว้ว่า ...
“Now I am become Death, the destroyer of worlds.” “ในตอนนี้ผมได้กลายมาเป็นความตาย ที่ทำลายโลกใบนี้” คำพูดของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ บิดาแห่งระเบิดปรมาณู ที่เหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างความรู้สึกผิดให้เขาไปจนวันสุดท้ายของชีวิต เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) หรือชื่อเต็ม จูเรียส โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ แต่ผู้คนมักเรียกเขาด้วยฉายา ว่า ‘The Father of Atomic ...
กุญแจแห่งความสำเร็จคือการฝึกฝนให้ ‘คิด’ เป็น ไม่ว่าจะเติบโตไปทางไหนการคิดให้เป็น ก็คือเรื่องที่สำคัญที่สุดในการไขประตูไปสู่การเติบโต “หากบุคลากรมีความสามารถที่มากขึ้นการทำงานโดยรวมของบริษัทก็จะดีขึ้นตาม ทำให้ผลประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้น และในเมื่อบุคลากร คือ ผู้ผลิตสิ่งของ หรือ ผู้ให้บริการ หัวหน้าจึงจำเป็นต้องผลิตบุคลากรให้มีความสามารถมาก่อนเป็นอันดับแรก” บทความนี้ Future Trends จะมานำเสนอแนวคิดดีๆ 5 ข้อที่ได้รับจากการอ่านหนังสือ ‘วิธีปั้นคนแบบโตโยต้า’ กับการเป็นผู้นำที่ดีที่มองว่าการเติบโตทางการความของพนักงานเป็นเรื่องที่ A Must [ 5 แนวคิดของผู้นำ “ที่มองว่าการเติบโตทางความคิดของพนักงาน” เป็นเรื่องที่ A Must ] การเติบโตทางความคิดของพนักงาน ถือเป็นกุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จของบริษัท หากบริษัทไหนมีพนักงานที่ต้องการเติบโตอยู่มาก จะส่งผลดีต่อบริษัท ...
‘ก็เมื่อฉันรักใคร ฉันต้องเป็นคนผิดหวัง สุดท้ายเมื่อรักไป หัวใจต้องแตกทุกครั้ง ทำไมต้องเป็นฉัน ผู้ถูกเลือกให้ผิดหวัง’ เสียงเพลงบรรเลงเนิบนาบผสานเข้ากับเนื้อหาอันแสนเศร้า ใครที่ได้ฟังอาจจะสงสัยว่าทำไมชีวิตของคนๆ หนึ่งถึงน่าสงสารได้ขนาดนี้กัน แต่ไม่ได้มีแค่เรื่องของความรักหรอกนะที่ทำให้เรารู้สึก ‘ผิดหวัง’ เพราะเมื่อเราสร้าง ‘ความคาดหวัง’ พร้อมตีตรามันลงไปในทุกสิ่งและทุกการกระทำ สิ่งนั้นๆ อาจหวนกลับมาทำให้เรารู้สึก ‘ผิดหวัง’ได้ทุกเมื่อ และไม่ว่าใครก็คงพูดได้ไม่เต็มปากหรอกว่าตั้งแต่เกิดมาชีวิตนี้ ‘ไม่เคยผิดหวัง’ แม้แต่ครั้งเดียว เมื่อเรามีความหวัง จุดหมายปลายทางมีได้ 2 แบบ คือ การสมหวัง และการผิดหวัง แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากให้ปลายทางของเรานั้นมีแต่ความสุขสมหวังดั่งใจปรารถนา แต่ก็ใช่ว่ามันจะสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทั้งความผิดหวังยังนำมาซึ่งความเจ็บปวดต่อผู้คาดหวัง นอกจากนี้ เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าใครแย่หรือน่าสงสารกว่า เพราะแต่ละคนต่างมีภูมิต้านทานทางจิตใจที่ไม่เท่ากัน แม้ว่าจะเป็นการผิดหวังในเรื่องเดียวกันก็ตาม ...
“หลักการสื่อสารที่ถูกต้อง คือ การเดินเข้าไปสร้างบทสนทนา ไม่ใช่สร้างสัญลักษณ์ให้ผู้รับสารตีความเอาเอง” จะเป็นหัวหน้าที่ดีในการพัฒนาบุคคลหรือไม่? ขึ้นอยู่กับว่าสื่อสารได้ดีเพียงใด วันนี้ Future Trends จะมานำเสนอ 10 วิธีการสื่อสาร ที่จะทำให้ทีมงาน และพนักงานของบริษัทเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กัน เป็นแนวทางที่ช่วยในการเป็นผู้นำที่ดีได้ [ 10 วิธีการสื่อสาร “ให้ทีมและพนักงานในบริษัทเติบโต” ] 1.เดินตรวจงาน พร้อมไม้กวาด และที่ตักขยะ หากกล่าวถึงการสื่อสารเรื่องการทำงาน คนส่วนมากมักจะใช้ช่วงเวลาในการสังสรรค์เป็นการพูดคุยสนทนากัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป วัฒนธรรมการสังสรรค์อาจจะไม่เข้ากับคนรุ่นใหม่ ทำให้วิธีการสื่อสารของหัวหน้าต้องเปลี่ยนแปลงไป จากช่วงเวลาสังสรรค์ มาเป็นช่วงเวลาการทำงานแทน ช่วงเวลาการทำงาน เป็นช่วงเวลาแห่งการสื่อสารที่ดีที่สุด เพราะคนรุ่นใหม่ไม่ชอบพูดคุยเรื่องงานในเวลาอื่นๆ กันแล้ว ...