ในความเป็นจริงมีสิ่งหนึ่งที่ ‘โหดร้าย’ มาก และใครหลายๆ คนเลือกที่จะปฏิเสธมัน มันคือ ‘ความสามารถในการควบคุม’ แล้วมันโหดร้ายอย่างไร? ก็เพราะว่าเมื่อมีสิ่งที่ควบคุมได้คุณก็จะรู้สึกว่ามีอำนาจในการควบคุมเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตคุณ แต่เมื่อคุณเจอตอกับสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้มันจะสร้างความเครียดให้คุณอย่างมาก วันนี้ Future Trends จะมานำเสนอ 6 วิธีในการหยุดความเครียดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้ แต่ก่อนอื่นผู้อ่านอาจจะต้องยอมรับในจุดที่ว่า “เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่าง” ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นทั้ง 6 ข้อจะไม่มีความหมายอะไรเลย [ 1. กำหนดสิ่งที่คุณสามารถควบคุมได้ ] ในความเป็นจริง มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่คุณควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ฝนตกที่ผลพยากรณ์อากาศไม่เคยจะแม่นยำเลย หรือ คุณไม่สามารถบังคับให้ผู้อื่นเปลี่ยนแปลงไปเป็นในสิ่งที่คุณชอบได้ คุณไม่สามารถกำหนดไม่ให้พายุเกิดขึ้นได้ และคุณไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของคนอื่นได้ ...
นอกเหนือจากภาพจำของการเป็นผู้นำ ‘หมาป่า’ ยังถูกยึดโยงกับวัฒนธรรมองค์กรอีกด้วย โดยมาจากความดุร้ายของพวกมัน ทำให้ผู้ประกอบการในประเทศจีนหลายๆ แห่ง นิยามคำว่า ‘Wolf Culture’ หรือ ‘วัฒนธรรมหมาป่า’ ขึ้นมา เป็นคุณสมบัติที่ผู้ประสบความสำเร็จต้องมี องค์กรใหญ่ระดับโลกอย่าง ‘Huawei’ ก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่มีแนวคิดวัฒนธรรมองค์กรแบบหมาป่า แล้ว Wolf Culture แท้จริงแล้วมันมีลักษณะแบบใดกันแน่ แค่ความดุร้ายอย่างเดียวคงไม่สามารถขับเคลื่อนองค์กรได้หรอก [ Wolf Culture คืออะไร? ] หากผู้อ่านยังจำกันได้ Future Trends เคยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับผู้นำแบบหมาป่า ตัววัฒนธรรมหมาป่าจะคล้ายคลึงกัน คือ การทำงานที่ทุกคนมีหน้าที่ ทุกตำแหน่งสำคัญ ขาดตำแหน่งไหนไปไม่ได้ ...
หลายคนเปรียบเทียบการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับการแต่งงาน เพราะความสำคัญในชีวิตของหุ้นส่วนทางธุรกิจมีความสำคัญมากเพียงใด จะขึ้นตรงกับความสำเร็จทางธุรกิจ และมีโอกาสที่คู่ค้าทางธุรกิจจะใช้เวลาร่วมกันมากกว่าคู่สมรสที่แท้จริงของตัวเองอีกด้วย ผู้คนมักจะกระโดดเข้ามาสู่การเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจโดยเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันมาก่อน ซึ่งมีทั้งรายที่ไปได้ดี และเลวร้ายถึงขั้นแตกหักกันก็มี ดังนั้น ความแน่ใจจึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจก่อนจะร่วมลงทุนกับใครต้องมั่นใจก่อน วันนี้ Future Trends มีชุดคำถามที่สามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะร่วมลงทุนกับใคร 1. เราต้องการสิ่งเดียวกันหรือไม่? เงินมักเป็นแรงจูงใจร่วมกัน แต่ความต้องการในตัวเงินมักต่างกัน ตลอดจนความเข้ากันได้ของแรงจูงใจอื่นๆ เช่น ความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตปกติ บ่อยครั้งที่คู่ค้ามาพร้อมกับความแตกต่างทางการเงิน ตัวอย่าง คน 2 คนที่ร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยคนหนึ่งประสบความสำเร็จทางการเงินแล้ว ทำให้การร่วมกันทางธุรกิจนี้มีแต่ความสนุกได้ทดลองสิ่งต่างๆ แต่หุ้นส่วนอีกคนมีแต่ความความเครียดในการทำงานเนื่องจากเป็นการลงทุนที่หวังผลกำไร ดังนั้น ควรถามก่อนว่าต้องการอะไรในการร่วมธุรกิจครั้งนี้ 2. เราจะทำงานหนักแค่ไหน? คนสองคนจะมีความแตกต่างกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในเวลา และจำนวนงานที่พวกเขาจะทำงาน อาจดูเหมือนเป็นเรื่องน่าปวดหัวที่จะถามว่า ...
เหตุใดเราต้องทำหลายอาชีพ ถ้าไม่ใช่เพราะเงิน ยังมีเหตุผลใดอีกที่ต้องทำ?
เรียนรู้เคล็ดลับการใช้มือประกอบการพูดให้ทรงพลังกว่าที่เคย
สรุปเนื้อหา ดร.ศิริกุล บรรยายในงาน ‘Where is the Future Food’ ร่วมหาคำตอบว่า อนาคตของอาหารและอาหารอนาคต จะเป็นอย่างไร?
พบกับคำแนะนำ 6 ข้อ เพื่อสร้างความมั่นใจ ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการพูดต่อหน้าผู้คนครั้งสำคัญที่กำลังจะมาถึง
การเปลี่ยนไปทำงานทางไกลในช่วงที่เกิดโรคระบาดไม่เพียงแต่เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อสมองของเราด้วย สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ และควบคุมได้ของการทำงานที่บ้าน ทำให้เราทำงานด้วยความเงียบ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เราไวต่อสิ่งรบกวนมากขึ้น เมื่อเรากลับไปสู่สภาพแวดล้อมในสำนักงานแบบเดิม การทำงานจึงสร้างความปวดใจให้พนักงานส่วนมาก ซึ่งมันมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานภาพรวมเมื่อเทียบกับการทำงานอยู่ที่บ้าน วันนี้ Future Trends จะมาเล่าเกี่ยวกับผลกระทบของการทำงานที่บ้านมาเป็นเวลานาน มันเปลี่ยนแปลงอะไรของชีวิตเราไปบ้าง? [ ผลกระทบของการทำงานจากที่บ้านต่อสมองของเรา ] สมองเป็นอวัยวะที่ปรับตัวได้สูง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมของเรา เมื่อทำงานจากที่บ้านจะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ‘นิวโรพลาสติก’ สมองของเราจะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เงียบขึ้น และเสียสมาธิน้อยลง เราปรับตัวเข้ากับเสียงเบา ๆ รอบตัวบ้านได้มากขึ้น เช่น เสียงตู้เย็น เสียงนาฬิกาเดิน เสียงนกร้องที่นอกหน้าต่าง เสียงเหล่านี้กลายเป็นฉากหลังประจำวันของการทำงาน และสมองจะเรียนรู้ที่จะปรับแต่งเสียงเหล่านี้ เพื่อให้เรามีสมาธิในขณะทำงาน อย่างไรก็ตาม ...
ในยุคใหม่ที่สังคมยุ่งอยู่กับการทำงานเพื่อตัวเอง สิ่งสำคัญคือต้องลิ้มรสแก่นแท้ของความเกียจคร้าน แม้ว่าบางคนอาจรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แต่ความสุขที่แท้จริงคือการนั่งเฉยๆ และไม่ทำอะไร สังเกตได้ว่าจะมีรูปแบบเมื่อบุคคลนั้นนั่งเฉยๆ และไม่ทำอะไรเลย ในสภาพแวดล้อมที่การเป็นคนบ้างานกำลังเป็นที่นิยม ผู้คนให้แรงจูงใจมากมายในการทำงานหามรุ่งหามค่ำ วิ่งหาเงิน และแสวงหาบางอย่างให้ตัวเอง เพื่อการสร้างชีวิตของพวกเขา แต่ในชีวิตที่เร่งรีบแบบนี้ ผู้คนมักลืมความจริงที่ว่า ร่างกายเองก็มีขีดความสามารถของมัน และเมื่อถึงจุดนั้นคุณก็ควรที่จะหยุด ดั่งคำที่ว่า ‘Dolce Far Niente’ เป็นวลีภาษาอิตาลีที่โด่งดังจากหนังสือ Eat, Pray, and Love รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า ‘The Sweetness Of Doing Nothing’ เข้าใจง่ายๆ ว่ามันคือ “แนวคิดว่าด้วยความหอมหวานของการไม่ทำอะไรเลย” ...
“พรุ่งนี้มีนัดสัมภาษณ์งาน แค่เวลาเตรียมตัวก็แทบจะไม่เหลือแล้ว จะทำอย่างไรกับเรซูเม่ดี?” ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้การจัดการบริหารเวลามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือการสัมภาษณ์งานมันจะดีกว่าไหมถ้าเราเอาเวลาที่เหลือไปเตรียมตัวตอบคำถามให้ดีเยี่ยม และปล่อยให้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยในส่วนของการทำเรซูเม่ วันนี้ Future Trends มีเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์มานำเสนอ น้องมีชื่อว่า ‘Teal’ เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่จะช่วยในการสร้างเรซูเม่สำหรับการสมัครงาน สัมภาษณ์งาน เพื่อให้ผู้ใช้งานนำเวลาที่เหลือไปเตรียมตัวสัมภาษณ์ให้พร้อมมากยิ่งขึ้น [ Teal AI Resume Builder ] “Build Your Best Resume, EVER! Make your Resume stand out by quickly customizing ...