LOADING

Type to search

“ทุกคนมีความเหนื่อยเป็นของตัวเองทั้งนั้นแหละ” อย่าเกทับกันด้วยภาระส่วนตัว และหัดใจดีกับคนอื่นให้เป็น

“ทุกคนมีความเหนื่อยเป็นของตัวเองทั้งนั้นแหละ” อย่าเกทับกันด้วยภาระส่วนตัว และหัดใจดีกับคนอื่นให้เป็น
Share

“อยู่ตัวคนเดียวยังไม่มีครอบครัว มีลูกเลยจะไปเหนื่อยได้ยังไง”
“คงไม่ต้องใช้เงินมากหรอกมั้ง ยังโสดอยู่แบบนี้”

ว่ากันด้วยเรื่องของความเหนื่อย ความยากง่ายของชีวิตแล้ว คิดว่าทุกคนคงมีเส้นของตัวเองว่า แบบไหนพอดี แบบไหนเรียกว่าเหนื่อยเกินขีดจำกัด หรือเมื่อไรที่ควรพักแล้วค่อยว่ากันใหม่ ด้วยช่วงชีวิตที่เติบโตผ่านมาหลายแชปเตอร์แบบนี้เราก็คงจะพอเข้าใจได้ว่า ความเหนื่อยเมื่อ 10 ปีก่อน กับความเหนื่อยในปัจจุบันที่เจออยู่มันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

ตอนยังเรียนหนังสืออยู่เหนื่อยที่สุดของเราอาจจะเป็นการต้องอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ ความกดดันจากตัวเองและความคาดหวังจากคนในครอบครัว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราต่างเติบโตไปตามเส้นทางที่คิดที่ฝันไว้ เรื่องที่เคยทำให้รู้สึกหมดแรงมากๆ ในวันนั้นก็คงจะเปลี่ยนไปตามช่วงวัยเช่นกัน

กลายเป็นเหนื่อยเพราะต้องรับผิดชอบงานที่สเกลใหญ่ขึ้น เป็นเนื้องานแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน เหนื่อยจากการต้องปรับตัวให้เข้ากับที่ทำงานใหม่ เหนื่อยที่เผชิญกับรถติดหลังจากทำงานมา 8 ชั่วโมง แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยแบบไหนสุดท้ายแล้วเรื่องทั้งหมดไม่ได้ลงเอยด้วยการตัดสินว่า แบบไหนเหนื่อยน้อยกว่าหรือมากกว่า เพราะทุกคนมีความเหนื่อยเป็นของตัวเอง และเราไม่ควรเกทับกันด้วยภาระส่วนตัวว่าใครมีมากหรือน้อยกว่ากัน

บทความจากสำนักข่าวบีบีซี (BBC) เล่าถึงความซัฟเฟอร์ของพนักงานคนหนึ่งที่ยังครองตัวเป็นโสด แต่กลับถูกคนอื่นๆ มองว่า เขาน่าจะสบายๆ กับเวลางานได้มากกว่านี้ ควรจะยืดหยุ่นผ่อนปรนและเห็นอกเห็นใจเพื่อนพนักงานคนอื่นๆ ที่ดูเหมือนจะมีภาระส่วนตัวมากกว่าเมื่อเทียบกับคนที่มีครอบครัวต้องกลับไปดูแล

นั่นจึงทำให้เขาได้รับการปฏิบัติด้วยความเห็นอกเห็นใจน้อยกว่า หลายครั้งวันหยุดของเขาก็ถูกเบียดบังเพียงเพราะสถานะความโสด และต้องจำยอมไปเป็นครั้งคราวเพราะไม่อยากมีปัญหา

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนร่วมงานที่มีครอบครัวยังเคยใช้คำพูดที่ทำให้เขาลำบากใจเอามากๆ ทำนองว่า “ถ้าวันหนึ่งคุณมีลูกคุณก็จะเข้าใจเอง​” หรือ “ถ้าคุณมีลูกเราก็คงจะเข้าใจคำว่าเวลาส่วนตัวของคุณมากขึ้น เหตุผลส่วนตัวอะไรเหรอ? คุณยังไม่ได้แต่งงานหรือมีลูกนี่”

ถ้าจะให้พูดอย่างถึงที่สุดแล้ว ภาระที่กล่าวถึงก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนเลือกจะมีและรับไว้เอง ดังนั้น การร้องขอความเห็นอกเห็นใจในสิ่งที่เลือกเองไม่ใช่ข้ออ้างที่จะนำมาเอาเปรียบคนอื่นๆ ได้ ขณะเดียวกันก็ต้องทำความใจก่อนว่า ความเหนื่อยของแต่ละคนไม่เคยเท่ากัน ไม่มีภาระในส่วนนี้ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีเรื่องอื่นในชีวิตให้ต้องรับผิดชอบ การเกทับกันด้วยภาระส่วนตัวมีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์เต็มไปด้วยรอยร้าว กลายเป็น ‘toxic relationship’ ในที่สุด

แต่ละขั้นบันไดของชีวิตทำให้มุมมองที่เรามีต่ออุปสรรค ภาระส่วนตัว และความรับผิดชอบในชีวิตต่างกัน เราในวันนี้มองย้อนกลับไปในวันที่ยังไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองเต็มร้อยอาจจะรู้สึกว่า ตัวเองใน 10 ปีก่อนสบายกว่านี้ เลยพาลใช้แว่นเลนส์เดียวกันพิจารณาชีวิตของคนอื่นๆ จนเราเผลอไปตัดสินว่า เขาน่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้มากกว่า

ไม่มีใครเหนื่อยมากกว่าน้อยกว่า ‘milestones’ ต่างกัน ไทม์ไลน์ที่ปักหมุดไว้ในใจก็ไม่เหมือนกัน โฟกัสตัวเองให้มากๆ แล้วหัดใจดีกับคนอื่นให้เป็น มองให้ไกลจากตัวเองบ้าง เพราะชีวิตทุกคนไม่ได้มีพิมพ์เขียวแบบเดียวกันนี่เนอะ 

Tags::

You Might also Like