LOADING

Type to search

‘Work from Anywhere’ จุดเริ่มต้นการปะทะระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ‘หัวกะทิ’ ที่ไม่อยากเข้าออฟฟิศ

‘Work from Anywhere’ จุดเริ่มต้นการปะทะระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ‘หัวกะทิ’ ที่ไม่อยากเข้าออฟฟิศ
Share

‘Future Trends: Forward’ ซีรีส์บทความรับปีใหม่ มองไปข้างหน้าในปี 2023 ทั้งทางธุรกิจ เทคโนโลยี การทำงาน และเหตุการณ์รอบโลก เพื่อคาดการณ์เทรนด์สำคัญที่รออยู่ในอนาคต

นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 วิถีชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่การเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย หรือการทำธุรกรรมต่างๆ ออนไลน์ แต่ยังรวมถึงการถูกล้างรูปแบบการทำงานเดิมๆ เปลี่ยนไปเป็น Work from Home และ Work from Anywhere

ปี 2023 รูปแบบการทำงานจากที่ไหนก็ได้ หรือ Work from Anywhere จะไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์การทำงานที่มนุษย์ออฟฟิศใฝ่ฝันถึงอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นจริงในหลายองค์กร และอาจเป็นชนวนความขัดแย้งครั้งใหม่ระหว่างหัวหน้ากับพนักงานระดับ ‘หัวกะทิ’ของบริษัท

อะไรทำให้ Work from Anywhere กลายเป็นประเด็นร้อนในปีนี้? Future Trends จะพาไปดูกัน

จาก Hybrid Working สู่ Work from Anywhere

work-from-anywhere 1

บรูซ เดสลีย์ (Bruce Daisley) ผู้ให้คำปรึกษาด้านวัฒนธรรมการทำงาน และเจ้าของหนังสือ Fortitude กับ The Joy of Work ระบุในนิตยสาร The WIRED World in 2023 ไว้อย่างน่าสนใจว่า Work from Anywhere จะกลายเป็นเทรนด์การทำงานรูปแบบใหม่ที่มาแรงในปีนี้ เนื่องจากเป็นวิถีการทำงานที่ได้รับความนิยมในหมู่พนักงานระดับหัวกะทิ (Top Talent)

เขาอ้างอิงข้อมูลจาก ราจ เชาดูรี (Raj Choudhury) นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งอธิบายถึงประวัติศาสตร์การทำงาน ที่ชี้ให้เห็นถึงอำนาจต่อรองที่แท้จริงว่า ไม่ใช่อยู่ในมือของหัวหน้า หรือผู้จัดการบริษัท แต่อยู่กับบรรดา Top Talent ที่หลายบริษัทอยากได้ตัวไปร่วมงาน

ข้อมูลนี้เท้าความไปถึงช่วงทศวรรษ 1990s ซึ่งการใช้อีเมลบนโทรศัพท์มือถือยังเป็นสิทธิพิเศษที่สงวนไว้ให้กับซีอีโอของบริษัทเท่านั้น แต่หลังจากนั้น บรรดา Top Talent มีการเรียกร้องต้องการบ้าง ต่อมาอีเมลจึงกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับทุกคน

ในมิติของการทำงานก็เช่นกัน ทุกวันนี้ Top Talent ไม่ได้ต้องการแค่ทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Working) แต่ปรารถนาความยืดหยุ่นที่มากขึ้นอย่าง Work from Anywhere โดยเชาดูรี เสริมว่า ทุกวันนี้มีบริษัทอยู่ 2 ประเภท คือ ประเภทที่ยอมรับ และไม่ยอมรับเทรนด์การทำงานรูปแบบใหม่นี้

เขาแสดงความคิดเห็นว่า บริษัทประเภทหลังจะสูญเสีย Top Talent บางส่วนไป และความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะบังคับให้บริษัทต้องปรับตัวตามในที่สุด

ข้อมูลของนิค บลูม (Nick Bloom) นักเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Standford University) ยังชี้ให้เห็นว่า ในเดือนมิถุนายน 2020 บริษัทส่วนใหญ่คาดหวังให้พนักงาน Work from Home ประมาณ 1 วันครึ่งต่อสัปดาห์ แต่สองปีต่อมา ความคาดหวังนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดบริษัทคาดหวังให้พนักงาน Work from Home นานกว่าครึ่งของสัปดาห์แล้ว

แม้ไม่ง่าย แต่ก็ควรเปลี่ยน

บริษัทที่ปรับตัวรับวัฒนธรรมการทำงานรูปแบบใหม่แบบ Work from Anywhere ได้ดีที่สุด ส่วนใหญ่เป็นบริษัทสตาร์ทอัป โดยบรูซ ระบุว่า ปี 2023 จะมีสตาร์ทอัปจำนวนมากขึ้นที่หันไปใช้นโยบายให้พนักงานทำงานทางไกลเป็นหลัก (remote-first)

ส่วนบริษัทรุ่นเก่าจะเริ่มหันมาคิดชั่งน้ำหนักกันมากขึ้นว่า จะยังคงยึดรูปแบบการทำงานในออฟฟิศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงด้านอสังหาฯ และรักษาผู้จัดการหัวเก่าที่ปรับตัวได้ช้าเอาไว้ต่อไป หรือหันไปตามเทรนด์ใหม่ ให้พนักงานทำงานที่ไหนก็ได้เพื่อความคล่องตัว

จากรายงานวิจัยสถานที่ทำงานของบริษัทลีสแมน (Leesman) ชี้ให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว การทำงานที่ออฟฟิศได้รับความนิยมเฉพาะในหมู่ผู้บริหารที่มีห้องทำงาน หรือพื้นที่ประชุมส่วนตัวเป็นของตนเอง ด้วยเหตุนี้ ในปี 2023 ผู้จัดการบางบริษัทจะใช้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเป็นข้ออ้าง เรียกให้พนักงานกลับออฟฟิศอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นี่อาจสายเกินไป เพราะเหล่าพนักงาน Top Talent ได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า พวกเขาต้องการ Work from Anywhere และจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งใหม่ระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องหัวกะทิ ซึ่งพร้อมจะลาออกไปหางานใหม่ เพื่อให้ได้ทำงานจากที่ไหนก็ได้ตามต้องการ

ถึงเวลาแล้วสินะที่ฉันต้องโยกย้าย

work-from-anywhere 2

นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) เผยผลสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์ และเหล่าคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กับไอทีเอเอ็ม (ITAM) ในเม็กซิโก จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน พบว่า การ Work from Anywhere หรือ Work from Home เปิดโอกาสให้พนักงานแอบไปสัมภาษณ์งานใหม่ได้ง่ายขึ้น

แอนโตนิโอ เนฟส์ (Antonio Nevers) ผู้แนะนำแนวทางการสมัครงานสำหรับกลุ่มทำงานวัยกลางคนยังบอกด้วยว่า ไม่ใช่แค่พนักงานที่อาศัยโอกาสนี้ไปสัมภาษณ์งานใหม่ แม้แต่นายจ้างเองก็ใช้ระยะเวลาที่พนักงานไม่เข้าออฟฟิศ มองหาลูกจ้างใหม่ด้วย เนื่องจากลึกๆ แล้ว บริษัทก็อยากรู้เช่นกันว่า โลกภายนอกมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง?

แม้โควิด-19 จะเข้ามาสร้างความบอบช้ำ ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ แต่อย่างน้อยที่สุด มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ระยะทางไม่ใช่ปัญหาของการทำงานแต่อย่างใด ดังนั้น อาจถึงเวลาแล้วที่บริษัทจะกลับมาทบทวนถึงความต้องการของพนักงานเพื่อสร้างสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายเป็นผู้ชนะ (Win-win situation) ให้เกิดขึ้นนั่นเอง

Sources: นิตยสาร The WIRED World In 2023

https://bit.ly/3XfMfyg

Tags::
Chompoonut Suwannochin

อดีตเด็กฝึกงาน และ Content Creator ประจำเพจ Future Trends จบเอก Creative และการจัดการวัฒนธรรมจากรั้วเหลืองแดง ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ มี ‘Sarah Salola กับ Jixgo’ เป็นศิลปินคนโปรด เวลาว่างชอบชุบชูใจด้วยการกิน และการไปติ่ง

  • 1

You Might also Like