“โลกเปลี่ยนไปแล้ว”
เมื่อลองนึกกันดูดีๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้ยินคำนี้กันนับไม่ถ้วน นั่นหมายความว่าโลกของเราได้เปลี่ยนไปหลายต่อหลายครั้งแล้วเช่นกัน ยิ่งในโลกหลังโควิด-19 ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม เทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามามีบทบาทกับชีวิตและธุรกิจอย่างมาก ทุกภาคส่วนจึงต้องปรับตัวกันครั้งใหญ่
LINE ได้จัดงาน THAILAND NOW AND NEXT: PREPARING FOR THE CHANGING WORLD ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อเตรียมความพร้อมให้องค์กรภาคธุรกิจต่าง ๆ สามารถรับมือกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Data ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ภายในงานจะแบ่งออกเป็น Session ต่าง ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลตลอดทั้งสองวัน (29-30 มีนาคม) โดยเราได้นำเนื้อหาจากบาง Session มาสรุปให้ทุกคนฟังกัน
![](https://futuretrend.co/wp-content/uploads/2022/03/linebkk-02-1024x1024.jpg)
ส่อง Global Trends และกุญแจ 3 ประการ มัดใจคน Gen Z
ใน Session แรกนี้ จะแบ่งออกเป็นสองพาร์ทใหญ่ ๆ คือพาร์ท Global Trends ที่ Ipsos Limited ได้ทำการสำรวจจากประชากรทั่วโลกในปี 2020 และเอามาวิเคราะห์จนสามารถสรุปเทรนด์โลกออกมาได้ ทั้งหมด 12 เทรนด์ โดยคุณ อุษณา จันทร์กล่ำ กรรมการผู้จัดการ Ipsos Limited ได้ยกตัวอย่างขึ้นมาสามเทรนด์ คือ
- Climate Change ที่ประเทศต่าง ๆ เริ่มพูดถึง และมองหาวิธีการแก้ปัญหามากขึ้น
- Divided World โลกแห่งความเท่าเทียมที่ไม่มีเส้นกั้นระหว่างเพศ เชื้อชาติ และสีผิวอีกต่อไป
- Health Care เพราะโควิด-19 ทำให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
เมื่อมาดูเทรนด์ของประเทศไทยบ้านเรา จะพบว่าไม่ต่างจากเทรนด์โลกมากนัก โดยคนไทยเริ่มหันมาสนใจประเด็น Climate Change จนขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ต่อด้วยเรื่องความเท่าเทียมกันหรือ Divided World รองลงมาเป็นเรื่องสุขภาพ และสุดท้ายคือเรื่อง Simplicity หรือ ‘ความง่าย’ เพราะที่ผ่านมาคนไทยผ่านเรื่องอะไรมามากมาย จึงเริ่มหันมาหาอะไรที่เบาสมองมากขึ้น
ส่วนในพาร์ทที่สอง จะเป็นการเจาะลึกไปยังเทรนด์ของคนยุคใหม่อย่าง Gen Z เพราะเป็นกลุ่มที่กำลังจะกลายมาเป็นผู้บริโภคหลักของโลกในอนาคต โดยคุณอุษณา ได้สรุปกุญแจสำคัญ 3 ประการที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญหากต้องการกุมใจผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ให้อยู่หมัด ได้แก่
Authenticity หรือความถูกต้องชัดเจนของข้อมูล โดย 72% ของคนกลุ่มนี้เชื่อข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นจริง ๆ แบรนด์ธุรกิจจึงควรแสดงจุดยืนว่าเป็นผู้รู้จริงในสินค้า และบริการของตัวเองจึงจะสามารถซื้อใจคนกลุ่มนี้ได้ โดยกว่า 80% จะซื้อของทันทีเมื่อแบรนด์สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ และ 76% จะพอใจถ้าสามารถค้นหาข้อมูลสินค้า หรือบริการได้ง่าย
Data Dilemmas เพราะในโลกออนไลน์นี้ แบรนด์ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มมีการเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์การตลาดมากขึ้น โดย 77% ทราบ และมีความกังวลเรื่องการเก็บข้อมูลส่วนตัว แต่กว่า 64% มองว่าการเก็บข้อมูลส่วนตัวไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป แต่เมื่อนำข้อมูลไปแล้ว สินค้า หรือบริการ รวมไปถึงสวัสดิการจากรัฐฯ จะต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้มากขึ้นเป็นการแลกเปลี่ยน
Tech Dimension แน่นอนว่ากลุ่มคน Gen Z มีสมาร์ตโฟน และอินเทอร์เน็ตอยู่ข้างกายตลอดเปรียบเสมือนเป็นแขนขาเลยก็ว่าได้ โดย 64% กล่าวว่าต้องการเป็นคนแรกในกลุ่มเพื่อนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และ 80% มองว่าชีวิตคงลำบากมากถ้าไม่มีอินเทอร์เน็ต
![](https://futuretrend.co/wp-content/uploads/2022/03/linebkk-03-1024x1024.jpg)
แม้ทำการตลาดแบบเจาะจงไม่ได้ แต่ไม่ใช่จุดจบ เปิดกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ และ Data Solutions จาก LINE
เมื่อทั่วโลกให้ความสำคัญกับข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น จนถึงขั้นมีการออกกฎหมายที่คุ้มครองตรงนี้โดยเฉพาะ ในไทยบ้านเราเองก็มี พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ออกมา ทำให้ต่อไปนี้ธุรกิจไม่สามารถทำการตลาดแบบเจาะจงได้ทันทีอีกต่อไป แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดจบของการตลาดด้วย Data
ใน Session นี้ วีระ เกษตรสิน ผู้อำนวยการฝ่าย Engineering และหัวหน้าฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ จาก LINE Thailand
จะมาแนะนำกลยุทธ์ใหม่ในการสร้าง Brand Awareness ให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ เมื่อลูกค้ารู้สึกเชื่อมั่นมากขึ้น ก็จะลดการมองข้ามคอนเทนท์จากแบรนด์ และอาจยินยอมให้ข้อมูลส่วนตัวมากขึ้นด้วย โดยสรุปกลยุทธ์เป็น 4 หัวข้อ ดังนี้
(1) ต้องทำให้ผู้บริโภคไม่รู้สึกว่าดูโฆษณาอยู่ ด้วยคอนเทนท์น่าดึงดูด และมีประโยชน์
(2) สื่อสารกับผู้บริโภคให้ถี่ขึ้นกว่าเดิม เช่น ลงคอนเทนท์ต่อวันให้มากขึ้น
(3) แบรนด์ต้องมีความโปร่งใสในการขอข้อมูลว่าจะเอาไปทำอะไร อย่างชัดเจน และจริงใจ
(4) ใช้ AI ในการประมวลผลข้อมูลลูกค้า เพิ่มความแม่นยำแม้มีข้อมูลน้อยลง
สิ่งหนึ่งที่เห็นกันได้ชัดเจน คือการตลาดมีความยาก และซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงตามไปด้ว การมีพาร์ทเนอร์ในการดำเนินธุรกิจเป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์ส่วนใหญ่กำลังเริ่มหันมาให้ความสนใจ LINE เป็นแพลตฟอร์มที่พร้อมไปด้วยเทคโนโลยี มี Data Solutions ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ ที่จะช่วยแบรนด์ทำงานตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเครื่องมือ ที่คุณวีระ นำมายกตัวอย่างในการบรรยายครั้งนี้ ได้แก่
[Business Manager] โซลูชั่นดาต้าใหม่ล่าสุด ที่สามารถจัดการและเชื่อมต่อข้อมูลจาก 2 โซลูชั่นของไลน์ คือ LINE Official Account และ LINE Ads Platform เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อดูเส้นทางการตลาด และพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนช่องทางดังกล่าวร่วมกันได้ นำไปสู่การวิเคราะห์ฐานข้อมูลที่กว้างและลึกขึ้น เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายและการสื่อสาร การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกำหนดการเปิดให้ใช้บริการในเดือนเมษายน 2022 และในอนาคตมีแผนอัพเดทให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอีกหนึ่งโซลูชั่นจัดการดาต้าอย่าง MyCustomer อีกด้วย
[ MyCustomer] เครื่องมือในการจัดการ และเก็บข้อมูล First Party ของลูกค้า โดยในอนาคตจะสามารถเชื่อมต่อกับ Facebook เพื่อนำข้อมูลจากในเฟสบุ๊ค และไลน์มาจัดการบริหารรวมกันได้ ทำให้ข้อมูลมีความหลากหลาย และสามารถสร้างเส้นทางลูกค้าได้แม่นยำขึ้น จะเปิดให้บริการช่วงสิ้นปี 2022 นี้
นอกจากนี้ LINE ยังมีการยกระดับโปรดักส์ตัวเดิมให้มีความสามารถมากขึ้นด้วย เช่น การใช้ AI มาประมวลผลข้อมูลใน LINE Ads Platform เพื่อให้สามารถจัดการข้อมูลได้ดีขึ้น และการเปิด MyShop Open API เพื่อช่วยให้ร้านค้าสามารถเชื่อมต่อระบบอื่นๆ เข้ากับเครื่องมือ MyShop ต่อยอดให้การขาย การจัดการระบบของร้านผ่าน MyShop มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยแบ่งออกเป็นสามตัวย่อย คือ Product API, Inventory API และ Order API
![](https://futuretrend.co/wp-content/uploads/2022/03/linebkk-04-1024x1024.jpg)
สรุปเส้นทางการตลาดด้วย Data เพราะข้อมูล คือทองคำ
อย่างที่เรารู้กันว่า การซื้อขายในสมัยนี้เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ส่วนใหญ่ เส้นทางพฤติกรรมผู้บริโภคจึงเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าจากที่เคยมีแค่เรื่องความชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร อาจแบ่งย่อยลงลึกลงไปได้อีกมากมาย เพื่อจะเข้าใจกลุ่มลูกค้าแล้ว แบรนด์จึงต้องทำการบ้านอย่างหนักในเรื่อง Data เพื่อจะสามารถทำนายเส้นทางลูกค้าได้ว่าจะหันหัวไปทางไหน และแบรนด์จะได้สามารถรองรับได้ทัน
โดย คุณ แดน ศรมณี กรรมการผู้จัดการ ADA Digital (Thailand) ได้สรุปเส้นทางการทำตลาดด้วย Data แบบเข้าใจง่ายมาให้ ดังนี้
- เข้าถึงข้อมูลภาพรวมก่อน ดูทิศทางของลูกค้าว่ากำลังให้ความสนใจกับอะไร
- จัดหมวดหมู่ข้อมูล เป็น Target Insight และทำความเข้าใจ
- นำข้อมูล Insight ที่ได้ ทำเป็น Strategy Plan แล้วเริ่มสื่อสารกับลูกค้าตามแพลนที่วางไว้
- ติดตามผล และปรับแก้จุดอ่อนของกลยุทธ์การตลาดที่วางไว้
สำหรับคำแนะนำสำหรับแบรนด์ที่อยากทำการตลาดด้วย Data สามารถสรุปออกเป็นข้อได้ ดังนี้
- เริ่มจัดเก็บข้อมูล และจัดการมันตั้งแต่ธุรกิจยังไม่โต ข้อมูลยังไม่เยอะ เพราะแน่นอนว่าสามารถทำได้ง่ายกว่า และในอนาคตที่ธุรกิจเติบโตก็สามารถขยายการจัดการข้อมูลได้
- ใช้เทคโนโลยีให้เป็นเพื่อใช้จัดการข้อมูลได้อย่างคุ้มค้าและเกิดประโยชน์สูงสุด
- หาผู้เชี่ยวชาญ Data มาจัดการข้อมูลให้ แม้จะมีค่าใช้จ่าย แต่ผลลัพธ์ที่ได้จาก Data เหล่านี้ อาจทำให้ธุรกิจโตขึ้นมากกว่ารายจ่ายตรงนี้
หากใครที่ยังไม่เข้าใจความสำคัญของ Data สมมติว่ามีคนเข้ามาร้านค้าของเรา 100 คน แล้วมีคนตัดสินใจซื้อสินค้าเรา 30 คนร้านของเราได้กำไรแล้ว แต่ลูกค้าอีก 70 คนที่ไม่ได้ซื้อล่ะ ? ถ้าเราไม่มี Data เราจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่าทำไมคนอีก 70 คนถึงไม่ซื้อของร้านเรา และจากการศึกษาของ Boston Consulting Group พบว่าแบรนด์ที่ใช้แผนการตลาดจาก Data มียอดขายสูงขึ้น 6-10% เร็วขึ้น 2-3 เท่า
ไม่เพียงแต่ข้อมูลลูกค้า แต่ข้อมูลความเสี่ยงต่าง ๆ ไปจนถึงข้อมูลบริษัทคู่แข่ง ก็เป็นส่วนช่วยในการสร้างแบรนด์ และรู้จักกับลูกค้ามากขึ้น แม้ข้อมูลบางอย่างอาจไม่ส่งผลให้ยอดขายสูงขึ้น แต่กลับช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความเสี่ยงบางอย่างได้ ก็สามารถทำให้ธุรกิจมั่นคงขึ้นได้ด้วย ขอเพียงแค่เรารู้จักการเข้าถึงข้อมูล และจัดการมันให้เป็น
![](https://futuretrend.co/wp-content/uploads/2022/03/linebkk-05-1024x1024.jpg)
เปิด พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA และสิ่งที่นักการตลาดต้องรู้
ในตอนนี้การนำข้อมูลส่วนตัวของลูกค้ามาใช้เป็นข้อมูลทำการตลาด เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะตอนนี้ประเทศไทยบ้านเรามีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวผู้บริโภคแล้ว ในชื่อ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA โดยประกาศให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2022 นี้
สำหรับตัว PDPA จะให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลของตัวบุคคลธรรมดา หรือข้อมูลใด ๆ ก็ตามที่สามารถเชื่อมโยงกลับมาสู่บุคคลนั้นได้ (Personal Data) และที่สำคัญคือข้อมูลส่วนตัวที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) เช่น ข้อมูลสุขภาพ ความคิดเห็นทางการเมือง เพศวิถี ข้อมูลอาชญากรรม รวมถึงข้อมูล Biometric อย่างลายนิ้วมือด้วย
นอกจากนี้ เมื่อกฎหมาย PDPA มีผลบังคับใช้ จะมีสิทธิใหม่ของผู้บริโภคที่ธุรกิจต้องรู้ เพราะเกี่ยวข้องกับการตลาดของแบรนด์โดยตรง ได้แก่
- ถอนความยินยอมในการเข้าถึงข้อมูลที่เคยให้ไว้ก่อนหน้า
- ร้องเรียนไปที่ PDPC เมื่อถูกละเมิดสิทธิ์
- แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บไว้
- ขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของตนไปยังบริษัทอื่น
- เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวที่เคยให้กับบริษัทไว้
- จำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
- ลบข้อมูลส่วนบุคคลออกจากฐานข้อมูลบริษัท
- ปฏิเสธการติดต่อจากบริษัทในการทำการตลาด หรือโฆษณา
เห็นได้ชัดว่า PDPA ทำให้นักการตลาดต้องระวังตัวกันมากขึ้น โดยคุณ กฤติยาณี บูรณตรีเวทย์ ทนายความหุ้นส่วนจาก Baker & Mckenzie จะมาสรุปให้ฟังใน 2 หัวข้อ ว่าสิ่งที่นักการตลาดต้องให้ความสำคัญมีอะไรบ้าง
- ต่อไปนี้การขอข้อมูลส่วนตัว ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน และต้องมีการแจ้งลูกค้าอย่างชัดเจนว่าข้อมูลที่ต้องการจะขอมีอะไรบ้าง และข้อมูลจะถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้าง และตัวเจ้าของข้อมูลจะได้อะไรจากการให้ข้อมูล
- ต้องมีการแจ้งล่วงหน้าก่อนจะขอ หรือนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ทุกครั้ง
การละเมิดสิทธิ์ของผู้บริโภคใน พรบ. ฉบับนี้ มีโทษทางกฎหมาย ทั้งโทษทางอาญา โทษปกครอง หรือโทษทางแพ่ง โดยผู้เสียหายสามารถรวมตัวกันมาเพื่อฟ้องเอาผิดผู้ละเมิดในแบบกลุ่มได้อีกด้วย
![](https://futuretrend.co/wp-content/uploads/2022/03/linebkk6-06-1024x1024.jpg)
ถกประเด็น Data กับธุรกิจ ใครข้อมูลเยอะกว่า จัดการได้เร็วกว่า จะเป็นผู้ชนะ
การรวมตัวกันของนักการตลาดจากธุรกิจชั้นนำประเภทต่าง ๆ มาร่วมเสวนากันในหัวข้อ “Data-Driven Marketing in the Now Normal” โดยเจาะความสำคัญของการนำ Data ไปใช้ขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจในยุคปัจจุบันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป เพราะเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการตลาดในยุคปัจจุบันไปแล้ว
“ในอนาคต การทำการตลาดด้วย Data จะเป็นแก่นหลักของการตลาด 100%” กล่าวโดย ชาญชัย พงศนันทน์ รองหัวหน้าฝ่ายการตลาด DENTSU INTERNATIONAL (THAILAND) และยังให้ความเห็นเพิ่มอีกว่า ปัจจุบัน Agency หลายเจ้าเริ่มเปิดยูนิตที่เป็น Data Specialist เพื่อสนับสนุนลูกค้าในเรื่อง Data มากขึ้น อย่าง LINE ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ทำให้เห็นโอกาสการทำตลาดบน Chat Messenger ได้มากขึ้น
“การทำการตลาดด้วยความรู้สึก หรือประสบการณ์จะแม่นยำน้อยลง จนสุดท้ายแล้วจะเหลือแต่การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเท่านั้น ใครที่มี Data เยอะกว่า จะสร้างความสำเร็จในการตลาดได้ดีกว่า” กล่าวโดย อนันต์ ตีระบูรณะพงษ์ รองผู้บริหาร ผู้อำนวยการฝ่าย Data & Innovation จาก DATA FIRST
และท่านสุดท้าย ราชศักดิ์ อัศวศุภชัย กรรมการผู้จัดการ IPG MEDIABRANDS ได้ให้ความเห็นไว้ว่า “ข้อมูลไม่เคยโกหกเรา” และข้อมูลจะเป็นตัวบอกทิศทางการตลาดที่ถูกต้องให้แบรนด์ธุรกิจได้เดินไปถูกทาง แต่เราจะไม่รู้เลยว่าต้องไปขวาหรือซ้าย ถ้าไม่มีการศึกษา Data
![](https://futuretrend.co/wp-content/uploads/2022/03/linebkk-07-1024x1024.jpg)
รู้จัก ‘Business Manager’ เครื่องมือการตลาดจาก LINE ในยุคแห่ง Data
ที่ผ่านมา LINE ได้ออกเครื่องมือทางการตลาดมากมายที่เปิดให้แบรนด์ธุรกิจได้นำไปใช้ ไม่ว่าจะเป็น
- LINE Official Account สำหรับส่งข้อความสื่อสารกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นต่อกลุ่มคนจำนวนมาก หรือแบบ 1:1
- LINE Ads Platform ในการทำ Performance Marketing ด้วยการลงโฆษณาตามตำแหน่งต่างๆ บนแพลตฟอร์ม LINE
- MyCustomer สำหรับการเก็บ First Party Data จากลูกค้า
ใน Session สุดท้ายนี้ ธีรวัฒน์ งามวิทยศิริ หัวหน้าที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจ e-Commerce และ FMCG จาก LINE Thailand ได้มาแนะนำเครื่องมือการตลาดจาก LINE ตัวใหม่ ในชื่อ ‘Business Manager’ เครื่องมือที่สามารถจัดการและเชื่อมต่อข้อมูลเชิงธุรกิจที่ได้จาก LINE Official Account และ LINE Ads Platform เข้าไว้ด้วยกัน (Cross-data) ไม่ว่าจะเป็น จำนวนการคลิกลิงก์เว็บไซต์ หรือวิดีโอจากโฆษณาที่ลงผ่าน LINE Ads Platform ไปจนถึงข้อมูล และพฤติกรรมต่างๆ ของผู้ใช้บน LINE Official Account เป็นต้น เจ้าเครื่องมือ Business Manager นี้จะเป็นศูนย์รวมในการแชร์ข้อมูลจากทั้งสองทาง เพื่อให้แบรนด์หรือนักการตลาดสามารถจัดข้อมูลเหล่านี้จำแนกเป็นกลุ่ม เพื่อวิเคราะห์ ต่อยอดทำการตลาด รีทาร์เก็ตให้ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่าย ด้วยข้อความหรือการนำเสนอที่ใช่และแม่นยำ
‘Business Manager’ ทำให้ธุรกิจสามารถทำการตลาดแบบ Cross Marketing ได้โดยไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลทีละแอคเคาท์อีกต่อไป เพราะเครื่องมือตัวนี้สามารถรับข้อมูลจาก LINE Official Account หลายตัว และบัญชี LINE Ads Platform หลายตัวพร้อมกันได้ เพื่อวิเคราะห์เส้นทางของลูกค้าได้กว้างขึ้นกว่าเดิม และสามารถส่งข้อมูลที่ทำการวิเคราะห์แล้วกลับไปยัง LINE Services ต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้งานต่อ ตัวอย่างเช่น การรีทาร์เก็ตไปยังคนบางกลุ่มใน LINE Official Account บัญชีอื่น หรือนำไปรีทาร์เก็ตเป็นกลุ่มเป้าหมายใน LINE Ads Platform เป็นต้น
ที่น่าสนใจ คือการจัดเก็บ โยกย้าย และวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าบน Business Manager นี้ได้ถูกออกแบบให้รองรับ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA อยู่แล้วอีกด้วย
โดยจะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนเมษายน 2022 นี้ และมีแพลนขยายฟีเจอร์ต่าง ๆ ในช่วงปีนี้ด้วย โดยในช่วงแรก จะเปิดให้ใช้งานเฉพาะกลุ่ม Premium และ Verified Account รวมไปถึงกลุ่มแบรนด์ที่มีการใช้งานโซลูชั่นเชิงธุรกิจของ LINE ผ่าน Agency เท่านั้น ซึ่ง 1 บริษัทจะสามารถเปิด Business Manager ได้ 1 แอคเคาท์
ผู้สนใจสามารถติดตามชมงาน THAILAND NOW AND NEXT: PREPARING FOR THE CHANGING WORLD ย้อนหลังได้ที่ https://lin.ee/uFtHA5R/wcvnและติดตามอัพเดทความรู้ ข่าวสารสำหรับผู้ต้องการทำธุรกิจผ่าน LINE ได้ที่ LINE Official Account: @linebizth และ FB Fanpage: LINE for Business