สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตลอดปี 2020 ที่ผ่านมา นับเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะภาคเอกชนที่จากเดิมก็ต้องรับมือกับ ‘digital disruption’ กันหนักหน่วงอยู่แล้ว ยิ่งเจอกับวิกฤตที่ไม่ได้มีการคาดการณ์ล่วงหน้ามาก่อน ก็ทำให้ภาคธุรกิจทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายทุกมิติที่กำลังเกิดขึ้น และคงจะดำเนินต่อไปในปี 2021 ที่กำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้ด้วย
โมเดลธุรกิจแบบหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในระยะหลังมานี้ และได้รับการตอกย้ำบ่อยๆ ในปี 2020 ได้แก่ การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Business) หมายถึง การที่ธุรกิจให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการดำเนินงานที่ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย เนื่องจากภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับภาคธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ มีอัตราการจ้างงานสูง ยิ่งธุรกิจนั้นได้รับความนิยมและมีบทบาทสำคัญในตลาดมาก ธุรกิจนั้นก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในเชิงบวกได้มากเช่นกัน
ยกตัวอย่าง ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ‘เทสโก้ โลตัส’ ที่ผนวกแผนกงานด้านความยั่งยืนเข้ากับแผนงานธุรกิจเพื่อพัฒนาธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนทั้งระบบ เทสโก้ให้ความสำคัญกับ 4 ด้านหลัก ทั้ง People (เพื่อนพนักงาน) Products (สินค้า) Places (ชุมชน) และ Planet (สิ่งแวดล้อม) และมีแผนการดำเนินงานระยะสั้น กลาง และยาว เมื่อเทสโก้ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ต้องเจอกับวิกฤตโควิด-19 ในปีนี้ บริษัทจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่วิกฤตดังกล่าวยังเข้ามาสร้างความท้าทายให้กับองค์กรด้วยว่า จะสามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้หรือไม่ ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาก็พบว่า บริษัทยังคงบรรลุเป้าหมายตามแผนที่วางไว้ได้สำเร็จ
แม้ว่า ส่วนประกอบหลักที่ส่งเสริมให้ธุรกิจไปต่อได้จะเป็นเรื่องของรายได้และการเติบโต แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้ และมีส่วนช่วยเติมเต็มให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงมากขึ้นก็คือ การดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและผลกระทบทางสังคมเป็นที่ตั้ง ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในแบรนด์มากขึ้น ผู้ประกอบการเองก็สามารถเตรียมรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้เช่นเดียวกัน