‘ยาดมโป๊ยเซียน’ บริหารงานอย่างไร ไม่ให้ขาดทุนแม้แต่บาทเดียวตั้งแต่ก่อตั้งมา

วิงเวียนศีรษะก็ใช้ ‘ยาดม’

เป็นลมก็ใช้ ‘ยาดม’

แมลงกัดต่อยก็ใช้ ‘ยาดม’

ด้วยคุณประโยชน์ที่สามารถแก้อาการได้สารพัดอย่าง ทำให้ ‘ยาดม’ กลายเป็นไอเทมที่หลายคนต้องมีติดกระเป๋าเพื่อความอุ่นใจ บางคนถึงกับต้องซื้อตุนติดบ้านไว้ เพราะชอบเจอปัญหาทำหายก่อนจะใช้หมดหลอดทุกที

และการที่ยาดมเป็นไอเทมยอดนิยมที่หลายๆ คนถึงกับขาดไม่ได้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดยาดมเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก AC Nielsen ประเทศไทย ระบุว่า ในปี 2020 ตลาดยาดมสามารถสร้างมูลค่าสูงถึง 3.3 พันล้าน เลยทีเดียว

ทิศทางการเติบโตที่น่าสนใจของตลาดยาดม ทำให้มีแบรนด์น้อยใหญ่เกิดขึ้นมากมาย แต่หนึ่งในแบรนด์เก่าแก่อย่าง ‘ยาดมโป๊ยเซียน’ ก็ไม่หวั่น และพร้อมตั้งรับทุกสถานการณ์ พิสูจน์ได้จากตำแหน่งเจ้าตลาดยาดมไทยที่ถือครองส่วนแบ่งอันดับ 1 มานานหลายสิบปี และการบริหารงานที่ไม่เคยขาดทุนสักบาทเดียว

หลายๆ คนคงสงสัยว่า ‘ยาดมโป๊ยเซียน’ มีวิธีการบริหารงานให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคงและไม่เคยขาดทุนได้อย่างไร? Future Trends จะพาทุกคนไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน

แต่ก่อนที่จะพาทุกคนไปสำรวจวิธีการบริหารงานของยาดมโป๊ยเซียน เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักแบรนด์นี้ตั้งแต่ ‘ก้าวแรก’ กันก่อนว่า กว่าจะมาถึงวันที่แบรนด์มีชื่อเสียงเช่นนี้ต้องผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง?

ร้านขายยาแห่งหนึ่งในเยาวราชที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1936 มีความคิดริเริ่มที่จะพัฒนายาตำรับใหม่เป็นยาดมที่ใช้แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ก่อนจะวางจำหน่ายยาตำรับนี้ในชื่อว่า ‘ยาดมพีเป็กซ์’ (PE-PEX) หรือยาดมหลอดแดงรูปทรงอ้วนป้อมที่หลายๆ คนน่าจะเคยมีโอกาสได้ใช้กัน และที่สำคัญยังมีวางขายในปัจจุบันด้วย

ชื่อเสียงของความเป็นร้านขายยาเก่าแก่ในเยาวราช ทำให้ยาดมพีเป็กซ์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะถือเป็นสินค้าแปลกใหม่ และพกพาสะดวก ง่ายต่อการใช้งาน

หลังจากที่วางจำหน่ายยาดมพีเป็กซ์ได้ประมาณ 10 ปี ธุรกิจก็ขยับขยายจากเดิมพอสมควร เถ้าแก่ร้านขายยาเริ่มเกิดความคิดที่จะพัฒนายาดมสูตรใหม่ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจของตัวเอง ประกอบกับเป็นยุคที่นวัตกรรมหลายๆ อย่างเข้ามาในไทย ทำให้ยาดมสูตรใหม่มีคุณสมบัติทำได้ทั้งดมและทาในหลอดเดียว จนกลายเป็น ‘ยาดมโป๊ยเซียน’ ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นเอง

ปัจจุบัน ยาดมโป๊ยเซียนเป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท โกลด์ มิ้นท์ โปรดักส์ จำกัด ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีผลประกอบการน่าพอใจ และสร้างกำไรได้ทุกปี โดยรายได้ 3 ปีย้อนหลังที่รวบรวมข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นดังนี้

รายได้ในปี 2019 เป็น 1.01 พันล้านบาท กำไร 4.32 ร้อยล้านบาท

รายได้ในปี 2020 เป็น 7.97 ร้อยล้านบาท กำไร 2.89 ร้อยล้านบาท

รายได้ในปี 2021 เป็น 7.51 ร้อยล้านบาท กำไร 3.50 ร้อยล้านบาท

จะเห็นว่า ต่อให้เป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยาดมโป๊ยเซียนก็ยังสามารถรักษารายได้และกำไรในระดับที่น่าพอใจ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆ จนหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมการจำหน่ายยาดมหลอดเล็กๆ ถึงเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้?

จากการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารงานของยาดมโป๊ยเซียน ทำให้เราพบว่า มีหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้แบรนด์ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นั่นคือการสร้าง ‘ความภักดีต่อแบรนด์’ (Brand Loyalty)

ความภักดีต่อแบรนด์ เปรียบเสมือนสายใยแห่งความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ และการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ต้องอาศัยหลายปัจจัยประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ การบริการที่น่าประทับใจ และการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์การใช้งานอยู่เสมอ

ซึ่งยาดมโป๊ยเซียนบริหารงานโดยคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้จริงๆ อย่างการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเสมอต้นเสมอปลาย เวลาที่ลูกค้าซื้อยาดมไปใช้ ก็ยังรู้สึกถึงคุณภาพเช่นเดิมตลอด รวมถึงพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย เช่น แถบสีของหลอดยาดมที่เป็นลูกเล่นเชิงจิตวิทยา ทำให้ลูกค้าสนุกสนานกับการเลือกซื้อยาดมที่เป็นสินค้าธรรมดาๆ พบเห็นได้ทั่วไปยิ่งขึ้น

และอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้ยาดมโป๊ยเซียนเป็นที่จดจำมาจนถึงปัจจุบัน คือสโลแกน “ใช้ดม ใช้ทาในหลอดเดียวกัน” ที่สื่อถึงคุณสมบัติของสินค้าได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ ยังเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ลูกค้ามองเห็นถึงความคุ้มค่าที่ซื้อของ 1 ชิ้น แต่ใช้ประโยชน์ได้ถึง 2 อย่างอีกด้วย และเมื่อพูดถึงความคุ้มค่า หลายๆ คนต้องนึกถึง ‘ยาดมโป๊ยเซียน’ เป็นอันดับแรกแน่นอน

จริงๆ แล้ว เบื้องหลังความสำเร็จของยาดมโป๊ยเซียน ไม่ได้มีกลยุทธ์ที่แปลกหรือแหวกแนวไปจากกลยุทธ์ในตำราธุรกิจ แต่เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่นำมาใช้อย่างใส่ใจ และเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ถือเป็นบทเรียนที่สะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเป็นกลยุทธ์สุดซับซ้อน แต่เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่อยู่รอบตัวได้เช่นกัน

Sources: https://bit.ly/3UdplGG

https://bit.ly/3fGSCdO

https://bit.ly/3hjnVM2