‘ตั้งเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน เรียนรู้จากผู้ที่เก่งกว่า หาเพื่อนร่วมทางที่ดี’ บทเรียนจาก One Piece ที่นำมาใช้ได้กับการทำธุรกิจ
ในที่สุดการ์ตูนมังงะยอดนิยมจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง ‘One Piece’ ก็ได้รับการดัดแปลงมาเป็นซีรีส์ Live Action ที่ใช้นักแสดงจริงๆ ของ Netflix ถือเป็นโอกาสที่ดีมากของ Future Trends เช่นกันที่จะมานำเสนอบทเรียนอันมีค่าที่สามารถได้รับจากการ์ตูนเรื่อง ‘One Piece’
เชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักการ์ตูนที่โด่งดังเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่สำหรับผู้อ่านที่ไม่รู้จัก ‘One Piece’ เป็นเรื่องราวการผจญภัยของกลุ่มโจรสลัด ‘หมวกฟาง’ นำทีมโดย มังกี้ ดี. ลูฟี่ โจรสลัดหน้าใหม่ผู้ต้องการที่จะได้รับฉายา ‘ราชาโจรสลัด’ แต่การออกเรือในทะเลที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายเขาจำเป็นจะต้องมีเพื่อนไปด้วย คุณสามารถไปตามดู หรือ อ่านเรื่องราวของพวกเขาได้ในการ์ตูนเรื่อง One piece
ประเด็นที่เราจะมาพูดคุยกันวันนี้คือ ความสำคัญของแบรนด์ และ 3 บทเรียนที่สามารถนำมาปรับใช้ได้กับการทำธุรกิจ ลบคำสบประมาทในอดีตไปเลยที่ว่า ‘การ์ตูน’ เป็นเพียงแค่สิ่งบันเทิงสำหรับเด็กเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วมันอาจจะสอนเป็นบทเรียนได้ด้วยเช่นกัน
[ ‘หมวกฟาง’ และการสร้างแบรนด์ ]
‘หมวกฟาง’ เป็นสัญลักษณ์ของตัวละครหลัก ลูฟี่ และลูกเรือของเขา กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ลูฟี่สวมหมวกฟางซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น และการดำเนินชีวิตที่แหวกแนว เป็นแรงบันดาลใจให้ลูกเรือเดินตามรอยเท้าของเขา
หากพูดถึงในโลกธุรกิจ การสร้างแบรนด์ก็มีความสำคัญพอๆ กับหมวกฟางในการ์ตูน แบรนด์ที่แข็งแกร่งสามารถสร้างหรือทำลายธุรกิจได้ เช่นเดียวกับบุคลิกที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างหรือทำลายตัวละครในเรื่องราวได้ แบรนด์ของคุณจึงเป็นสิ่งที่แสดงออกให้ลูกค้ารับรู้ ‘ธุรกิจ’ คุณได้ และเป็นสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคู่แข่ง
คำว่า ‘แบรนด์ของคุณ’ ครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่โลโก้ โทนสี ไปจนถึงข้อความ และประสบการณ์ของลูกค้า นี่คือวิธีที่คุณสื่อสารคุณค่าของแบรนด์กับลูกค้า และเป็นวิธีสร้างความไว้วางใจ หรือ ความน่าเชื่อถือกับลูกค้าของคุณ
เช่นเดียวกับที่หมวกฟาง เป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณที่ไม่มีวันแตกหักของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง .
แบรนด์ของคุณ ควรเป็นสัญลักษณ์แห่งแก่นแท้ในธุรกิจ ควรจะน่าจดจำ โดดเด่น กระตุ้นอารมณ์ และประสบการณ์ที่โดนใจจากลูกค้า
ตัวอย่างของการสร้างแบรนด์ที่ดีใน One Piece คือตัวละคร “ลูฟี่ที่ต้องการเป็นราชาแห่งโจรสลัด” เขาได้สร้างบุคลิก และแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับความมุ่งมั่นของเขาที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกเรือเลือกที่จะติดตามเขาในการเดินทางไปสู่เป้าหมายที่ทรงคุณค่า
ลองนึกภาพที่คล้ายคลึงกันในมิติของธุรกิจ เราสามารถพัฒนาเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งได้โดยการค้นหาแง่มุมที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง กุญแจสำคัญคือต้อง ‘แตกต่างจากคู่แข่ง’
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นสตาร์ทอัพขนาดเล็ก หรือ องค์กรขนาดใหญ่ก็ตาม แบรนด์ของคุณไม่ได้เป็นเพียงโลโก้หรือสโลแกนเท่านั้น แต่มันคือภาพตัวแทนของคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อเลือกใช้บริการ หรือ เลือกซื้อสินค้าแบรนด์คุณ เฉกเช่นนั้น คุณค่าจึงเป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก หมวกฟาง ในฐานะแบรนด์
“แบรนด์ของคุณควรแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของธุรกิจ และ คุณค่าที่คุณยืนหยัด”
[ 3 บทเรียนที่สามารถนำมาปรับใช้ได้กับการทำธุรกิจ ]
1.ตั้งเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน
มังกี้ ดี ลูฟี่ เป็นตัวละครเอกของเรื่อง มีบุคลิกที่ไร้เดียงสา เขาต่อสู้เพื่อเพื่อนและครอบครัว อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้น เป้าหมายของเขาคือ “ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย” หากลองมองดูสภาพของเขาในขณะที่กล่าววาทกรรมนี้ออกมา เขาเป็นเพียงแค่โจรสลัดหน้าใหม่ที่ไม่มีวีรกรรมอะไรเลย
แต่เขามี ‘ความทะเยอทะยาน’ ไม่ใช่ว่าพูดไปเรื่อยเป้าหมายของเขาคือสิ่งที่ตั้งไว้ภายใต้กรอบของความพยายามที่ต้องไปให้ถึงให้ได้
มองย้อนกลับมาที่ตัวเราในการทำธุรกิจคุณต้องมีเป้าหมาย แน่สิใครๆ ก็มีเป้าหมาย แต่คนที่ประสบความสำเร็จมักจะบวกคำว่าเป้าหมายไปร่วมด้วยกับคำว่าทะเยอทะยาน ดังนั้น บทเรียนแรกที่เราได้รับจาก One Piece คือความทะเยอทะยานที่นำไปสู่ความสำเร็จ
2.เรียนรู้จากผู้ที่เก่งกว่า
ลูฟี่ได้รับการฝึกฝนมามากมาย ในการดำเนินเรื่อง แต่มีอยู่หนึ่งการฝึกฝนที่กล่าวได้ว่าเป็นการเรียนรู้จาก “คนเก่งระดับโลก” คือการฝึกฝนกับ ‘ซิลเวอร์ เรย์ลี’ ตัวละครผู้เปรียบดั่งปีศาจได้รับฉายาว่า ‘ราชาแห่งความมืด’ การที่ตัวละครเอกอย่างลูฟี่ได้ฝึกฝนและเรียนรู้ จากผู้เก่งและมากประสบการณ์อย่างเรย์ลี สอนอะไรเรา?
ในโลกของธุรกิจ มันย่อมมีคนที่ฉลาดอยู่ก่อน ฉลาดกว่า ฉลาดน้อยกว่า แต่คนพวกนี้จะเต็มไปด้วยความสำเร็จ หากคุณเป็นยักษ์ใหญ่ของโลกธุรกิจคุณ คือโมเดลที่จะฝึกฝนและเผยแพร่บทเรียนให้กับหน้าใหม่ ถ้าคุณเป็นหน้าใหม่หน้าที่ของพวกคุณคือการเรียนรู้จากพวกเขา ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วเก่งหรอก ทุกสิ่งอย่างมันเกิดจากการเรียนรู้ ดังนั้น การเรียนรู้จากคนเก่งเป็นสิ่งที่เราได้รับจากการ์ตูนเรื่องนี้ ซึ่งมันก็เป็นความจริงที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งกับโลกธุรกิจ และสังคมอื่นๆ ได้เช่นกัน
3.หาเพื่อนร่วมทางที่ดี
เมื่อเวลาผ่านไป ลูฟี่ได้พบกับสมาชิกในทีมคนสำคัญที่ตัดสินใจเข้าร่วมทีม มีโรโรโนอา โซโล ที่ต้องการเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก มีนามิที่ต้องการวาดแผนที่โลกที่สมบูรณ์แบบในฐานะนักเดินเรือ และตัวละครอื่นๆ อีกมากมาย คุณเห็นอะไรในสิ่งที่เราบอกไป?
“ความแตกต่างของเป้าหมาย”
ใช่แล้ว การรวมตัวของพวกเขามีเป้าหมายที่แตกต่างกันแต่มันเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน คนหนึ่งอยากเป็นราชาโจรสลัด อีกคนอยากเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก เป้าหมายอาจจะใกล้เคียงหรือไม่มีความใกล้เคียงกันเลยก็ได้ หัวใจสำคัญมันอยู่ที่ความทะเยอทะยาน
อันนำไปสู่การรวมทีมที่หลากหลาย ในความเป็นจริงคุณเก่งด้านการวาดรูปคุณอยากเปิดบริษัทคุณจะทำได้ไหมถ้ามีคุณเพียงคนเดียว มันอาจจะทำได้นะถ้าคุณเก่งด้านการบริหารด้วย แล้วมันจะง่ายกว่าไหมถ้าคุณมีทีม ทีมที่มีความสามารถไม่เหมือนกัน ทีมที่มีเป้าหมายไม่เหมือนกัน มีเพียงความทะเยอทะยานที่พร้อมจะนำมาใช้เป็นแรงผลักดัน
นี่แหละคือสิ่งที่ One Piece สอนเรา เป้าหมายที่แตกต่างกันก็สามารถรวมกันเป็นทีมได้ขอแค่มีความทะเยอทะยานที่รวมกันเป็นความสามัคคี อย่างเช่นกลุ่มหมวกฟาง จากเรื่อง One Piece ที่พวกเขาสนับสนุนซึ่งกันและกัน เรียนรู้จากกันและกัน เป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีต่อกันนั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างกับมุมมองธุรกิจที่ถอดบทเรียนมาจากการ์ตูนในดวงใจของใครหลายๆ คน ถ้าคุณชอบคอนเทนต์การถอดบทเรียนจากการ์ตูนเรื่องโปรด การ์ตูนเรื่องดัง หรือ ได้รับความรู้ความคิดดีๆ จากการอ่านก็สามารถมาแชร์ให้พวกเรา Future Trends ได้รับรู้กันได้ พวกเราชอบให้คุณอ่าน และพวกเราก็ชอบอ่านจากพวกคุณเช่นกัน
แต่วันนี้ขอตัวลาไปเป็นราชาโจรสลัดก่อน เจอกันใหม่ในบทความหน้า
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
Sources: https://www.entrepreneur.com/leadership/business-lessons-i-learned-from-my-favorite-manga-one/426492
https://www.linkedin.com/pulse/from-straw-hats-strong-brands-applying-one-pieces-lessons-kevin-john/