LOADING

Type to search

ทำแต่งานจนเวลาชีวิตหายไป Monk mode เทคนิคลับทวงคืนเวลาให้ตัวเองของ ‘Cal Newport’

ทำแต่งานจนเวลาชีวิตหายไป Monk mode เทคนิคลับทวงคืนเวลาให้ตัวเองของ ‘Cal Newport’
Share

สมัยประถมเวลาเรียนวิชาลูกเสือ เรามักจะท่องคติพจน์ของลูกเสือสำรองที่ว่า “จงทำดี จงทำดี จงทำดี” จนขึ้นใจอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกัน ในฝั่งของมนุษย์ออฟฟิศอย่างเราๆ ที่มีเป้าหมายจะไปให้ถึงจุดสูงสุดของหน้าที่การงาน คติพจน์ก็คงหนีไม่พ้น “จงทำงาน จงทำงาน จงทำงาน”

คติที่เป็นเสมือนสิ่งย้ำเตือนจิตใจของหลายๆ คนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนตื่นหรือตอนนอนก็ตาม บางคนตื่นขึ้นมาไม่ทันไรก็ต้องรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กอีเมล หรืออย่างบางคนที่พอถึงเวลาเลิกงาน แต่แทนที่จะกลับบ้านเพื่อพักผ่อนให้เต็มที่ ก็ดันกลายเป็นว่า พวกเขาได้หอบงานกลับไปทำต่อที่บ้านด้วย

ชีวิตที่พัวพันกับงานอย่างไม่จบไม่สิ้น ตารางงานที่แน่นเอี๊ยดเหมือนกับเป็นนักแสดงคิวทองซะอย่างงั้น ซึ่งกว่าจะรู้ตัวอีกที เวลาของชีวิตส่วนตัวที่ควรจะเป็นนั้นก็ได้ ‘ถูกกัดกิน’ ไปทั้งหมดแล้ว

แน่นอนว่างานสำคัญ แต่ชีวิตส่วนตัว และการหยุดพักก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน วันนี้ เราเลยอยากชวนทุกคนไปรู้จักกับ Monk mode เทคนิคลับทวงคืนเวลาให้ตัวเองของคาล นิวพอต (Cal Newport) กัน

Monk mode หรือโหมดพระ ถ้าดูตามชื่อแล้ว หลายๆ คนก็อาจจะคิดว่า ต้องไปนั่งปฏิบัติธรรม จำศีล ละทางโลกอยู่ตามวัดใช่ไหมล่ะ?

อันที่จริงก็ถูกอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ เพราะที่จริงแล้ว Monk mode เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่เราโฟกัสอยู่กับตัวเองเพื่อปรับปรุงอารมณ์ และจิตใจก็เท่านั้น แต่ที่ชื่อดันไปคลับคล้ายคลับคลากับการจำพรรษาของพระ ก็เพราะเขาได้เปรียบคนที่นำโหมดนี้ไปใช้ว่า เหมือนกับพระที่ละกิเลส ไม่สนใจทางโลกนั่นเอง

บรูซ เดสลีย์ (Bruce Daisley) นักเขียนและผู้ให้คำปรึกษาด้านการทำงานได้แนะนำเอาไว้ในบีบีซี (BBC) ว่า เราควรเผื่อเวลาให้ตัวเองสำหรับ Monk mode สัก 90 นาทีในทุกๆ เช้าก่อนออกไปทำงาน

โดย Monk mode หรือโหมดพระก็มีหลักการ 3I ง่ายๆ ดังนี้

I ที่ 1 : Introspection การวิปัสสนา

ชีวิตโฟกัสกับเรื่องงานมามากแล้ว ลองหันกลับมาโฟกัสกับตัวเองบ้าง ปล่อยใจให้สบายแล้วฟังเสียงหัวใจอันแผ่วเบา ใช้เวลาเพื่อทบทวน และตกผลึกเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาด้วยการนั่งสมาธิ

แต่ถ้าพูดถึงการนั่งสมาธิแล้ว มันอาจจะไม่เวิร์กสำหรับบางคนใช่ไหมล่ะ ดังนั้น อาจจะลองเปลี่ยนเป็นการให้เวลาตัวเองได้ self-reflection แบบตอนเด็กๆ ที่เวลาเรียนจบคาบแล้วคุณครูมักจะให้เราเขียนก็ได้เหมือนกันนะ

I ที่ 2 : Isolation การแยกตัว

ลองให้เวลาตัวเองได้อยู่คนเดียว ลดกิจกรรม และการโต้ตอบที่ไม่จำเป็นให้เหลือน้อยที่สุด อะไรที่ตัดได้ก็ตัดไปก่อน แล้วเดี๋ยวพ้น 90 นาทีนี้ไปแล้วค่อยว่ากันอีกที อันที่จริงก็คล้ายๆ กับพระตามวัดจริงๆ นั่นแหละที่ใช้มือถือเท่าที่จำเป็น ไม่ได้ตัดขาดร้อยเปอร์เซ็นต์ไปซะทีเดียว อย่าลืมว่า นี่เป็นเพียงโหมดพระเท่านั้น ไม่ใช่โหมดฤาษีสักหน่อย เผื่อใครมีเรื่องด่วนอะไรจะได้ติดต่อเราได้ยังไงล่ะ

I ที่ 3 : Improvement การพัฒนาตนเอง

หยิบปากกาขึ้นมาแล้วเขียนความตั้งใจลงไป ตั้งเป้าเล็กๆ ให้ตัวเองว่า ในวันนี้อยากจะทำอะไร? จากนั้น ใช้เวลาที่เหลือของวันเพื่อลงมือทำอย่างเต็มที่ ซึ่งพอจบวันแล้วก็อย่าลืมกลับมาดูด้วยว่า ที่ลิสต์เอาไว้ เราทำอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง? ให้สิ่งนี้เป็น ‘พลังใจรายวัน’ ให้คุณก้าวต่อไป เพราะในวันที่อาจจะรู้สึกแย่หรือล้มเหลวกับงาน แต่อย่างน้อยที่สุดคุณก็ได้ทำเป้าเล็กๆ เหล่านี้ให้สำเร็จนั่นเอง

ลองนำ 3I นี้ไปปรับใช้กันดู ทวงคืนเวลาชีวิตที่หายไปของตัวเองกลับมาอีกครั้ง ทำวนไปเรื่อยๆ ทุกเช้า แล้วสักวันหนึ่งอานิสงส์ทั้งหมดนี้จะช่วยหนุนนำให้ชีวิตของคุณดีขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน เจริญพรนะโยม!

Sources: https://bbc.in/3ca7cIN

https://bit.ly/3yACv76

https://bit.ly/3nTbCGs

https://bit.ly/3AGvswc

Tags::
Chompoonut Suwannochin

อดีตเด็กฝึกงาน และ Content Creator ประจำเพจ Future Trends จบเอก Creative และการจัดการวัฒนธรรมจากรั้วเหลืองแดง ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ มี ‘Sarah Salola กับ Jixgo’ เป็นศิลปินคนโปรด เวลาว่างชอบชุบชูใจด้วยการกิน และการไปติ่ง

  • 1