LOADING

Type to search

แกะรอย Swensen’s แบรนด์ไอศกรีมในตำนาน จากโฮมเมดสู่ไอศกรีมพรีเมียมที่ครองใจคนทั่วโลก

แกะรอย Swensen’s แบรนด์ไอศกรีมในตำนาน จากโฮมเมดสู่ไอศกรีมพรีเมียมที่ครองใจคนทั่วโลก
Share

ถ้าพูดถึงแบรนด์ไอศกรีม คุณนึกถึงแบรนด์ไหนบ้าง?

เชื่อว่า หนึ่งในคำตอบทั้งหมดของคุณน่าจะต้องมีแบรนด์ไอศกรีมระดับตำนานอย่างสเวนเซ่นส์ (Swensen’s) กันบ้างแหละ แต่สิ่งที่ทำให้นึกถึงก็อาจจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละคน

บ้างก็เคยนั่งทานฉลองหลังสอบเสร็จ บ้างก็เคยนั่งทานจีบกับแฟนสมัยประถม-มัธยม บ้างก็เคยนั่งทานเม้าท์มอยกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน บ้างก็เคยนั่งทานมีความทรงจำดีๆ ร่วมกับครอบครัว

ไอศกรีมติดหูสัญชาติอเมริกันนี้มีตำนานและที่มาที่ไปอย่างไร วันนี้ เราจะพาคุณไปแกะรอยกัน

สเวนเซ่นส์เริ่มต้นมาจากความชื่นชอบในไอศกรีมกะลาสีของคุณเอิร์ล สเวนเซ่นส์ (Mr.Earle Swensen’s) อดีตทหารที่ประจำการในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1942 ซึ่งเมื่อปลดประจำการแล้ว เขาก็ได้ใช้เวลาในการทุ่มเทคิดค้นพัฒนาสูตรอย่างหนักหน่วง…

ต่อมาปี 1948 แบรนด์ไอศกรีมระดับตำนานนี้ก็ได้แจ้งเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ภายใต้ชื่อ “Swensen’s Ice Cream” ณ มุมถนนยูเนียนและไฮด์ เมืองซานฟรานซิสโก (San Francisco) รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) และคอนเซ็ปต์ทางการตลาดที่ว่า “Good as Father Used to Make” อร่อยเหมือนคุณพ่อทำเอง

ช่วงเริ่มแรกนั้น คุณเอิร์ลได้ตั้งชื่อไอศกรีมเมนูต่างๆ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากจุดเด่นสำคัญของเมืองซานฟรานซิสโก ยกตัวอย่างเช่น Coit tower, The Fire House, Gold Rush และ Earthquake เป็นต้น

ในปี 1986 ยักษ์ใหญ่ไมเนอร์ ฟู้ด (Minor Food) ผู้บุกเบิก และพัฒนานวัตกรรมอุตสาหรรมอาหารระดับโลก เจ้าของแบรนด์ดังอย่างเดอะ พิซซ่า คอมปะนี (The Pizza Company) ซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) แดรี่ควีน (Dairy Queen) และเบอร์เกอร์คิง (Burger King) ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพในการพัฒนา จึงได้ทำการเข้าซื้อแฟรนไชส์แล้วนำมาขยายสาขาทั่วทุกมุมโลก ซึ่งไทยเองก็เป็นอีกหนึ่งแลนมาร์คที่ถูกให้ความสำคัญด้วยกัน โดยจะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้ไม่ว่าเราจะไปห้างสรรพสินค้าไหนก็มักจะเจอร้านสเวนเซ่นส์เสมอ รวมไปถึงในปัจจุบันทางแบรนด์ก็มีสาขาทั่วประเทศกว่า 280 สาขาด้วยกัน

ด้วยพันธกิจ และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การรักษามาตรฐาน ความพิถีพิถันในรายละเอียดตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการตั้งชื่อเมนู ความตั้งใจในการส่งมอบคุณภาพ และประสบการณ์ที่ดี การยึดมั่นในหลักการ 3 อย่างที่ไม่เคยเปลี่ยน ได้แก่ คุณภาพ (Quality), บริการ (Service) และความคุ้มค่าต่อเงิน (Value for Money) จึงทำให้ถึงแม้ว่า เวลาจะล่วงเลยมา 74 ปีแล้วก็ตาม แต่แบรนด์นี้ก็ยังคงเข้าไปทำหน้าที่ในใจของผู้บริโภคหลายๆ คนได้ดีเสมอมา

แต่เพราะอะไรแบรนด์ไอศกรีมสัญชาติอเมริกันนี้ถึงครองแชมป์ในใจของผู้บริโภคได้ขนาดนี้?

ที่ผ่านมา สเวนเซ่นส์พยายามคิดกลยุทธ์ใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอยู่ตลอด ไม่ได้ติดกับดักหรือหยุดเพียงแค่ความสำเร็จจุดเดิมๆ อะไรที่ดีแล้วก็พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ส่วนอะไรที่ยังไม่เคยทำก็ทดลอง พยายามปรับเปลี่ยน และเรียนรู้กันไป

เห็นได้จากการที่ทางแบรนด์มีนโยบายออกรสชาติใหม่ในทุกๆ 2 เดือน ถ้าเมนูไหนผู้บริโภคชื่นชอบก็จะพัฒนาต่อ แต่ถ้าเมนูไหนไม่โอเคก็จะพับเก็บลงกรุ แตกต่างจากร้านไอศกรีมทั่วไปที่มักจะแค่เมนูเดิมๆ ซึ่งหากคุณเป็นลูกค้าขาประจำ การทานเมนูเดิมบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้รู้สึกเบื่อบ้างได้ใช่ไหมล่ะคะ?

ดังนั้น การออกรสชาติใหม่ๆ รวมไปถึงการออก​ Seasonal Product การขายบางเมนูเฉพาะช่วงฤดูกาลหรือเทศกาล ยกตัวอย่างเช่น ไอศกรีมมะม่วงที่กลายเป็นมนต์ขลังของฤดูร้อน เป็นต้น ก็ถือว่าเป็นท่าไม้ตายที่ช่วยดึงดูดทั้งลูกค้าขาประจำ และลูกค้าขาจรที่ไม่ชอบความจำเจได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

แอบกระซิบว่า สตาร์บัคส์ (Starbucks) เขาก็ใช้กลยุทธ์นี้เหมือนกัน โดยวัตถุประสงค์หลักๆ ก็เพื่อกระตุ้นยอดขาย สร้างความแปลกใหม่ให้แก่ผู้บริโภค และนอกจากนี้ยังเป็นการทดลองเพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาเมนูอื่นๆ ในอนาคตอีกด้วย

และในตอนนี้ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Craft Bar อภิมหาโปรเจกต์ในรอบ 35 ปี บาร์ไอศกรีมแห่งแรก และแห่งเดียวของโลก โดยหลักๆ ราคาเมนูภายในร้านก็จะอัปขึ้นมาจากเรทปกติตามสโตร์ทั่วไปนิดหน่อย แต่ราคาก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้บริโภคเลยค่ะ เพราะเม็ดเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นนี้แลกไปกับเมนูระดับพรีเมียม ไอศกรีมที่ตั้งใจ Tailor-made ปั่น ผสมผสานวัตถุดิบอันทรงคุณภาพแบบเน้นๆ เพื่อลูกค้าท่านนั้นโดยเฉพาะ ก็เป็นอะไรที่ถูกใจของคอไอศกรีมกันอย่างมาก

ดิฉันคิดว่า ต่อให้แต่ละเมนูจะมีเรตราคาที่สูงกว่าอีกสักเท่าไร เหล่าสาวกแฟนๆ ก็คงจะยอมควักเงินจ่ายอยู่ดีค่ะ จะว่าไปกลยุทธ์นี้ก็มีโครงของ Personalized Marketing การตลาดแบบรู้ใจอยู่พอสมควรนะคะ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ : https://www.facebook.com/…/a.47208411…/1232007803832329/) แต่รู้ใจในที่นี้ ดิฉันว่าอาจจะแค่นิดหน่อย ไม่ได้เยอะมากมายที่สามารถจะ customized เมนูมาให้โดยที่คุณไม่ต้องเอ่ยปากแม้แต่คำเดียวได้ ลองคิดดูสิคะว่า ถ้ามีคนตั้งใจทำเมนูพิเศษ พิถีพิถันใส่ใจทุกขั้นตอนมาเพื่อคุณ คงจะรู้สึกประทับใจไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ

ทั้งหมดนี้ก็คือกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้สเวนเซ่นส์กลายเป็นผู้เล่นสายแข็งในตลาดไอศกรีม ยืนเด่นอย่างท้าทายร่วม 74 ปี ไม่ว่าจะมีแบรนด์ไอศกรีมใหม่ๆ ออกมามากมายเท่าไร หรือเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่สเวนเซ่นส์ก็ ‘ไม่จม ไม่หาย ไม่ตายละติน’ ในสมรภูมิการแข่งขันอันดุเดือดนี้เลยแม้แต่น้อย (ขอยกวลีนางงามมาสักหน่อยค่ะ ฮ่า)

และในฤดูร้อนแผดแดดอบอ้าวที่เรากำลังย่างเข้าสู่ในเร็วๆ นี้ สเวนเซ่นส์ก็นับว่า เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ถ้าใครสนใจ ว่างๆ เสาร์อาทิตย์นี้ลองแวะเวียนไปทานเมนูดับร้อนที่ร้านกันดูนะคะ

Sources: https://bit.ly/37uGysb

https://bit.ly/3Mn36Kc

https://bit.ly/3Otn87n

https://bit.ly/3MoTJcD

https://bit.ly/3s4gDi7

https://bit.ly/3MmIyRM

Tags::
Chompoonut Suwannochin

อดีตเด็กฝึกงาน และ Content Creator ประจำเพจ Future Trends จบเอก Creative และการจัดการวัฒนธรรมจากรั้วเหลืองแดง ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ มี ‘Sarah Salola กับ Jixgo’ เป็นศิลปินคนโปรด เวลาว่างชอบชุบชูใจด้วยการกิน และการไปติ่ง

  • 1