-->
ชีวิตของเราทุกคนล้วนแต่มีเป้าหมายกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายเล็กหรือใหญ่ที่ทำเพื่อตัวเอง ครอบครัว และคนรัก แต่การจะไปให้ถึงเป้าหมายเหล่านั้น กลับไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะต่อให้วางแผนมาดีแค่ไหน ก็หลีกเลี่ยงอุปสรรคที่อาจจะพบเจอไปไม่ได้ และหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้เราไม่สามารถพิชิตเป้าหมายได้สำเร็จ ก็คือ ‘เงิน’ นั่นเอง
คงไม่มีใครปฏิเสธว่า เครื่องมือสำคัญที่ทำให้เราสามารถพิชิตเป้าหมายได้สำเร็จนั้น หนีไม่พ้นเรื่อง ‘เงิน’ อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า ในอดีตจะมีคำกล่าวสุดคลาสสิกอย่าง ‘เงินไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง’ หรือ ‘เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้’ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว ถ้าไม่มีเงินในยุคนี้ คงเป็นทุกข์มากกว่าเป็นสุขแน่ๆ
ส่วนเรื่องการพิชิตเป้าหมายให้สำเร็จ ยิ่งไม่ต้องไปหวังเลย เพราะแค่จะใช้ชีวิตให้รอดในแต่ละวันก็ยากแล้ว และในยามที่เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ การเผชิญหน้ากับภาวะเงินเฟ้อที่ของทุกอย่างราคาพุ่งสูงขึ้น ในขณะที่ค่าแรงเท่าเดิม ยิ่งทำให้การเก็บเงินให้ได้สักก้อน จึงเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก
ถึงแม้ว่า ในอนาคต ทุกคนอาจจะต้องเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ ไปอีกสักพักใหญ่ แต่เราก็ไม่อยากให้ทุกคนยอมแพ้กับการพิชิตเป้าหมายของตนเองไป ดังนั้น เพื่อเป็นการเริ่มต้นที่ดีของทุกคน เราจึงรวบรวม 5 เทคนิคดีๆ ที่จะทำให้ ‘เงิน’ ไม่ใช่อุปสรรคในการพิชิตเป้าหมายอีกต่อไป มาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ก่อนที่จะวางแผนเกี่ยวกับเงินที่ต้องใช้ในการพิชิตเป้าหมาย เราต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อน ซึ่งการตั้งเป้าหมายในที่นี้ ไม่ใช่แค่การคิด และทดเอาไว้ในใจเท่านั้น แต่ต้องเขียนมันออกมา แล้วแปะไว้ในที่ที่ตัวเองมองเห็น เพื่อเตือนใจ และสร้างแรงกระตุ้นให้เรามีวินัยทางการเงินเสมอ
และวิธีนี้ ยังสอดคล้องกับผลการวิจัยที่ทำการสำรวจแนวทางการตั้งเป้าหมาย ของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) อีกด้วย ซึ่งมีนักศึกษาถึง 84 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่มีเป้าหมายชัดเจน อีก 13 เปอร์เซ็นต์ มีเป้าหมายชัดเจน แต่ไม่ได้เขียนออกมา ส่วน 3 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ คือกลุ่มที่มีเป้าหมายชัดเจน และเขียนออกมา
เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี นักศึกษากลุ่มนี้ ได้เข้าสู่วัยทำงาน พบว่า กลุ่ม 3 เปอร์เซ็นต์ ที่มีเป้าหมายชัดเจน และเขียนออกมา มีรายได้มากกว่ากลุ่ม 97 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือถึง 10 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการเขียนเป้าหมายออกมา
วิธีนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีว่า ‘ต้องทำ’ แต่จริงๆ แล้ว มันคือสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด เพราะความหอมหวานของสิ่งต่างๆ ที่ล่อตาล่อใจ มันช่างเย้ายวนชวนให้เราเสียเงินเสมอ รวมถึงแรงกดดันทางสังคมที่ต้องมีสิ่งนั้น ต้องมีสิ่งนี้ ก็มีผลกระทบกับการใช้จ่ายของเราเช่นกัน
ถึงแม้ว่า การหักห้ามใจจากสิ่งเหล่านี้ จะเป็นเรื่องยาก แต่หากเราอยากพิชิตเป้าหมายที่ใฝ่ฝันมานานให้สำเร็จ ก็ต้องอดทนต่อสิ่งล่อตาล่อใจ และตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปให้ได้มากที่สุด
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เป็นวิธีพื้นฐานที่มีความสำคัญมาก เพราะมันจะทำให้เราเห็นภาพรวมสภาพทางการเงินของตัวเองว่า สามารถแบ่งเงินเพื่อใช้สำหรับเป้าหมายของตัวเองได้เท่าไร รวมถึงรายรับสัมพันธ์กับรายจ่ายหรือไม่ หากไม่สัมพันธ์กัน จะได้หาทางแก้ไขอย่างทันท่วงที อย่างการตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น หรือหารายได้เพิ่มจากการทำงานนอกเหนือจากงานประจำ
JARS System เป็นหลักการที่คิดค้นโดย ที ฮาร์ฟ เอเคอร์ (T. Harv Eker) นักธุรกิจและนักเขียนเจ้าของหนังสือ ‘ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน’ (Secrets of the Millionaire Mind) ที่ใครหลายๆ คน น่าจะมีอยู่ในครอบครอง
โดยหลักการนี้ จะแบ่งเงินจากรายได้ออกเป็น 6 ส่วน ตามความสำคัญในการดำเนินชีวิต เหมือนการใส่ไว้ในโหล 6 ใบ และแบ่งแต่ละส่วนเป็นดังนี้
ส่วนที่ 1 : เงินสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน คิดเป็น 55 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนที่ 2 : เงินออมเพื่อเป้าหมายสำคัญในชีวิต คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนที่ 3 : เงินสำหรับของขวัญเพื่อตนเองและครอบครัว คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนที่ 4 : เงินสำหรับการเพิ่มพูนความรู้ คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนที่ 5 : เงินสำหรับการลงทุน คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนที่ 6 : เงินสำหรับการทำบุญหรือการบริจาค คิดเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งหมด
การออมเงินอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 0.25-1.50 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี ซึ่งมีมูลค่าน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ เช่น พันธบัตร กองทุนรวม หุ้น เป็นต้น
ดังนั้น การลงทุนจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น โดยเราสามารถเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ และหากใครที่ยังคิดไม่ออกว่า จะเริ่มลงทุนในอุตสาหกรรมอะไรดี อาจจะเริ่มจากการติดข่าวสารเกี่ยวกับเมกะเทรนด์ (Mega Trend) มาแรงอย่าง ESG แนวคิดการทำธุรกิจเพื่อสังคมที่หลายๆ บริษัทเริ่มนำไปใช้ในบริษัทของตนเองมากขึ้นก็ได้
แต่การลงทุนทุกรูปแบบ ล้วนมีความเสี่ยง เพราะฉะนั้น การศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนการลงทุนทุกครั้ง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
5 วิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ เป็นแค่แนวทางที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถพิชิตเป้าหมายได้สำเร็จ แต่ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อลงมือทำแล้วเท่านั้น เหมือนที่ปาโบล ปิกัสโซ (Pablo Picasso) จิตรกรเอกของโลก ได้กล่าวว่า “เป้าหมายของเราจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีการวางแผน เราต้องเชื่อมั่นและทำมันอย่างจริงจัง ซึ่งนี่เป็นทางเดียวที่จะนำทางไปสู่ความสำเร็จได้”
Sources: https://bit.ly/3jXhcp9
https://bit.ly/38apozH
https://bit.ly/3vvIys8