LOADING

Type to search

4 กุมภาฯ ครบรอบ 19 ปี Facebook รู้จัก ‘Hacker Way’ ปรัชญา 5 ข้อ ตั้งแต่ก่อตั้งที่ทำให้บริษัทโตเร็ว

4 กุมภาฯ ครบรอบ 19 ปี Facebook รู้จัก ‘Hacker Way’ ปรัชญา 5 ข้อ ตั้งแต่ก่อตั้งที่ทำให้บริษัทโตเร็ว
Share

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี นอกจากจะเป็นวันมะเร็งโลก (World Cancer Day) แล้ว ยังเป็นวันครบรอบการก่อตั้ง Facebook ด้วย

Facebook โซเชียลมีเดียยอดนิยม ซึ่งบริษัทแม่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น Meta ถือกำเนิดขึ้นมาในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2004 โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอผู้กุมบังเหียนที่ต้องการใช้เป็นพื้นที่ให้เพื่อนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ได้พูดคุยกัน แต่ต่อมา Facebook ก็ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นโซเชียลมีเดียอันดับต้นๆ และมีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกอย่างทุกวันนี้

แล้วเบื้องหลังการเติบโตที่เร็ว และแรงคืออะไร กลยุทธ์ไหนที่ทำให้ Facebook ยืนหนึ่งท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันอันดุเดือดได้สำเร็จ? ในบทความนี้ Future Trends จะพาไปดูผ่าน ‘Hacker Way’ ปรัชญา 5 ข้อ ที่ทำให้ Facebook เติบโตได้เร็วกว่าคู่แข่งกัน

Hacker Way คืออะไร?

Hacker Way คือปรัชญาที่ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เปิดเผยในจดหมายฉบับหนึ่งที่ส่งไปยังนักลงทุน เมื่อปี 2012 ว่า เป็นแนวคิดที่ตนใช้บริหาร Facebook ให้เติบโต แม้แท้จริงแล้วไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อบริษัท แต่เพื่อช่วยเชื่อมต่อผู้คนในโลกเข้าด้วยกัน หรือพูดง่ายๆ ว่า ‘มาร์กไม่ได้ต้องการสร้างบริการเพื่อรายได้ แต่ต้องการทำเงินเพื่อสร้างบริการที่ดีขึ้น’ ต่างหาก

เพราะฉะนั้น คำว่า Hacker ในที่นี้จึงไม่ได้สื่อความหมายเชิงลบเหมือน Hacker ที่จ้องจะดูดข้อมูลคอมพิวเตอร์ของเรา แต่เป็น Hacker เชิงบวกที่ช่วยสร้างผลกระทบที่ดี ผลักดันให้บริษัทเติบโตได้เร็ว และแรงนั่นเอง

5 ปรัชญาศักดิ์สิทธิ์แห่ง Hacker Way

facebook-hacker-way 1

1. คิดหน้า คิดหลัง ‘โฟกัสที่ Impact’

หากต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยิ่งใหญ่ เราควรมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาหรือ ‘การมองปัญหาให้ออก’ เพราะยิ่งมองออกเร็วเท่าไร ยิ่งช่วยประหยัด ทั้งแรง และเวลามากเท่านั้น นอกจากนี้ มาร์กยังอธิบายว่า เขาต้องการให้ทุกคนในบริษัทเก่งเรื่องนี้ด้วย

2. ต้องทำไว ‘Move เร็ว’

นักกีฬาที่วิ่งได้เร็วย่อมเอาชนะคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับธุรกิจ หากมีการบริหารจัดการที่เร็วก็จะสามารถสร้างสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น และเรียนรู้ได้เร็วขึ้น มาร์กเล่าว่า ตามปกติแล้ว บริษัทส่วนใหญ่จะเติบโตช้า เพราะกลัวความผิดพลาดมากกว่าเสียโอกาสจากการ Take action ที่ช้าเกินไป ดังนั้น ‘ถ้าคุณไม่เคยทำอะไรพังเลย นั่นสะท้อนว่า คุณยังเคลื่อนไหวไม่เร็วพอ’

3. กล้าได้กล้าเสีย ‘กล้าตัดสินใจ’

“พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” คือวรรคทองจากภาพยนตร์ตลอดกาลอย่าง สไปเดอร์แมน (Spider Man) ในแง่มุมการทำธุรกิจก็คล้ายกัน การสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ย่อมต้องแลกกับความเสี่ยงที่ใหญ่ยิ่ง

ถึงจะดูเป็นเรื่องน่ากลัว และไม่ควรทำ แต่ท่ามกลางโลกที่หมุนเร็ว ถ้าไม่ยอมเสี่ยง เราจะล้มเหลว อีกทั้ง ความเสี่ยงที่มากที่สุดนั่นก็คือ การไม่ยอมแลกหรือยอมเสี่ยงกับอะไรเลย Facebook สนับสนุนให้พนักงานทุกคนกล้าตัดสินใจกับเรื่องต่างๆ แม้หนทางข้างหน้าอาจเกิดความผิดพลาดได้

facebook-hacker-way 2

4. เปิดใจให้ ‘กว้าง’

มาร์ก มองว่า โลกที่เปิดกว้างให้คนได้เข้าถึงข้อมูลคือ ‘โลกที่ดีกว่า’ เพราะข้อมูลเหล่านั้นจะช่วยให้ตัดสินใจได้มีคุณภาพ และสร้างผลกระทบที่ดีได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ Facebook จึงเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

5. สร้าง ‘Value’ ให้กับ ‘สังคม’

Facebook ไม่ใช่บริษัทที่มุ่งหวังแต่ผลกำไร และเชื่อมต่อผู้คนในโลกเข้าด้วยกันเท่านั้น แต่ลึกๆ แล้วยังมีปณิธานอันแรงกล้าในการ ‘สร้างคุณค่าให้กับสังคม’ ด้วย มาร์กเสริมว่า เขาหวังว่าสิ่งที่ Facebook และพนักงานทำทุกๆ วัน จะสร้างคุณค่าแก่สังคมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

Hacker Way เป็นแนวคิดการบริหารที่น่าสนใจพอสมควร แต่ท้ายที่สุดแล้ว อาจไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว หรือคำตอบ A B ชัวร์ๆ ว่า หากใช้กับธุรกิจแล้วจะประสบความสำเร็จแน่ๆ เฉกเช่นเดียวกับ Facebook อยู่ดี

Source: https://bit.ly/3Y2KBRe

Tags::
Chompoonut Suwannochin

อดีตเด็กฝึกงาน และ Content Creator ประจำเพจ Future Trends จบเอก Creative และการจัดการวัฒนธรรมจากรั้วเหลืองแดง ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ มี ‘Sarah Salola กับ Jixgo’ เป็นศิลปินคนโปรด เวลาว่างชอบชุบชูใจด้วยการกิน และการไปติ่ง

  • 1