LOADING

Type to search

Tags: ,

ส่องนวัตกรรมเอสซีจีจาก 3 เทรนด์เพื่อความยั่งยืนโลก ตามแนวทาง ESG

ส่องนวัตกรรมเอสซีจีจาก 3 เทรนด์เพื่อความยั่งยืนโลก ตามแนวทาง ESG
Share

จากการเปิดเผยรายงานของ IPCC ที่คาดการณ์ไว้ว่า สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นเหนือระดับจากยุคก่อนอุตสาหกรรม ถึง 1.5 องศาเซลเซียส

นี่เป็นสัญญาณเตือนว่า ‘วิกฤตได้เกิดขึ้นแล้ว’

แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ทั่วโลกก็กำลังหันมาให้ความสนใจในการรักษาสิ่งแวดล้อม เพิ่มความยั่งยืนกันมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นอีกเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม เรายังมีอีก ‘ทางรอด’ เพื่อที่จะเยียวยาโลกใบนี้และ ‘ESG’ คือคำตอบสำคัญ และเป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ

โดย ESG ย่อมาจากคำ 3 คำ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) ทั้ง 3 เรื่องเป็นสิ่งที่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาชนต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กันอย่างจริงจัง

การจะกู้วิกฤตได้ด้วยแนวทาง ESG จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเริ่มลงมือกันตั้งแต่ตอนนี้ และนี่ก็ไม่ได้เป็นแค่ทางเลือก แต่เป็น ‘ทางรอด’ ของเราทุกคน และเพื่อให้เห็นภาพการลงมือทำที่ชัดขึ้น วันนี้เราอยากพาไปดูตัวอย่าง จาก SCG ในงาน ‘SCG ESG Pathway เริ่มด้วยกัน เพื่อเรา เพื่อโลก’ ซึ่ง SCG เป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง ด้วยการปักหมุดแนวทาง ESG 4 Plus ‘มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ และ Plus เป็นธรรม โปร่งใส’ โดยได้ตั้งเป้ามุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 เร่งพัฒนานวัตกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วยการพัฒนาทักษะอาชีพที่ตลาดต้องการให้แก่ชุมชนและ SMEs ทั้งยังร่วมมือกับหน่วยงานกับหน่วยงานระดับประเทศ อาเซียน และระดับโลก ในการขับเคลื่อน ESG และท้ายสุดคือ ยึดหลักความเป็นธรรม โปร่งใสในทุกๆ การดำเนินงานของ SCG

จากแนวทางดังกล่าว ทำให้เราได้เห็นนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมายของ SCG ดังนั้น วันนี้ เราจึงอยากพาทุกคนไปส่องนวัตกรรมที่น่าสนใจจาก 3 เทรนด์ ที่จะเป็นทางออกของวิกฤตโลกกัน

ตอบโจทย์เทรนด์พลังงานสะอาด ด้วยนวัตกรรม SCG Solar Roof Solutions และ EV Solution Platform ทางเลือกที่เหมาะกับชีวิตยุคใหม่

‘พลังงานสะอาด’ คำตอบของวิกฤตพลังงานโลก

เมื่อโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตขาดแคลนพลังงาน ความต้องการพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวจากโควิด 19 บวกกับความต้องการใช้พลังงานเพื่อเพิ่มความอบอุ่นในฤดูหนาว ส่งผลให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

ขณะเดียวกันพลังงานหมุนเวียนหรือ ‘พลังงานสะอาด’ ก็เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ โดยพลังงานจากแสงอาทิตย์ถือเป็นแหล่งที่เติบโตเร็วที่สุดในปีนี้ นักวิจัยหลายคนเชื่อว่า เราจะสามารถผลิตพลังงานสะอาดทั่วโลกได้อย่างน้อย 80% ภายในปี 2030 และต่อไปมันจะไม่ใช่แค่ทางเลือก เพราะทั่วโลกจำเป็นต้องลดการปล่อยคาร์บอน อีกทั้งเทคโนโลยีก็จะเข้ามามีบทบาททำให้พลังงานสะอาดมีราคาถูกลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์เทรนด์พลังงานสะอาด เราจึงอยากนำเสนอสองทางเลือกนวัตกรรมพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์ รูฟ และรถยนต์ไฟฟ้า

‘SCG Solar Roof Solutions’

ในแง่ของการใช้ชีวิต ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 รูปแบบการทำงานและวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนก็เปลี่ยนไปจากเดิม เราทำงาน และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน ทำให้มีการใช้ไฟฟ้าในบ้านเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับนวัตกรรม SCG Solar Roof Solutions แผงโซลาร์บนหลังคานี้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้ถึง 1,400-1,900 บาท ทั้งยังใช้นวัตกรรม Solar Fix ติดตั้งได้โดยไม่ต้องเจาะหลังคา พร้อมอำนวยความสะดวกในการขออนุญาตติดตั้ง และรับประกันถึง 25 ปี

ในแง่ของสิ่งแวดล้อม พลังงานแสงอาทิตย์ถือเป็นพลังงานที่สะอาด และช่วยลดมลพิษ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นประโยชน์กับทั้งเราและโลกได้อย่างยั่งยืน

‘EV Solution Platform’

รถยนต์ไฟฟ้านับเป็นเทรนด์ที่มาแรง SCG เอง ก็ได้พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการด้านรถยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร ตั้งแต่บริการจัดหายานยนต์ไฟฟ้า จัดหาอุปกรณ์ชาร์จ และเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน รวมถึงพัฒนาระบบ IoT ในรถยนต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำงานของรถ

ทั้ง 2 ตัวอย่างนี้ ทำให้เห็นว่า พลังงานสะอาดจะเข้ามาเป็นคำตอบใหม่ ที่ทำให้เราสามารถใช้พลังงานในการขับเคลื่อนชีวิต และยังคงรักษาโลกให้น่าอยู่ไปพร้อมๆ กันได้

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยนวัตกรรมเพื่อโลก – บรรจุภัณฑ์ OptiBreath® และผลิตภัณฑ์ฉลาก SCG Green Choice

‘บรรจุภัณฑ์ที่ใส่ใจโลก’ ตัวช่วยในการลดขยะจาก Food Waste

ขยะอาหาร หรือ ‘Food Waste’ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกกระบวนการตั้งแต่การผลิต การขนส่ง การวางจำหน่าย และการบริโภค ทั่วโลกมีอาหารที่ถูกทิ้งขว้างกว่า 30% ในขณะที่บางพื้นที่กลับกำลังประสบกับปัญหาขาดแคลนอาหาร ซึ่งสิ่งที่สูญเปล่าไปจากขยะอาหารไม่ใช่แค่เศษอาหาร แต่คือรวมถึงทรัพยากรของโลกอีกด้วย จะเห็นได้ว่าขยะอาหารไม่ใช่แค่เรื่องของอาหารเหลือทิ้งเท่านั้น และตั้งแต่ภาคผลิต จนถึงผู้บริโภคทุกคนสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้

จากปัญหาเรื่องปริมาณขยะ ทาง SCGP ก็ได้มองเห็น และนำเสนอออกมาเป็นแพคเกจจิ้งที่ช่วยลด Food Waste ด้วยนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ ‘OptiBreath®’ ที่ผลิตจากพอลิเมอร์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) บวกกับการใช้เทคโนโลยีพัฒนาบรรจุภัณฑ์ด้วยวัสดุและระบบพิเศษ ที่ช่วยรักษาความสด สี กลิ่น และรส รวมถึงชะลอการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้ผัก ผลไม้ภายในบรรจุภัณฑ์มีอายุยืดยาวขึ้น เพิ่มโอกาสการขาย ทั้งยังลด Food Waste ลดการขนส่ง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกด้วย

ตัวอย่างจริงจากผู้ประกอบการที่นำนวัตกรรม OptiBreath® ไปใช้ เป็นเรื่องราวของ ‘คุณณรงค์ศักดิ์ ชื่นสุชน’ ผู้ส่งออกมะพร้าวจากราชบุรี ที่พบปัญหาว่า การขนส่งที่ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าสินค้าจะไปถึงชั้นวาง อายุในการเก็บรักษาของมะพร้าวเหลือก็ไม่มากแล้ว แต่เมื่อได้ใช้บรรจุภัณฑ์จาก OptiBreath® ก็พบว่าสินค้าคงความสดใหม่ได้นานขึ้น ทำให้อาหารเหลือทิ้งจากการเน่าเสียลดลง และมีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้น

นอกจากนี้ เราเชื่อว่าทุกคนอยากมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน และแน่นอนว่า ทุกคนทำได้ ด้วย ‘การเลือก’ อย่างใส่ใจ มองหาสินค้าที่ออกแบบมาอย่างคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่าง SCG เอง เขาก็ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ฉลาก ‘SCG Green Choice’ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ที่ผลิตโดยคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีเพื่อให้ตอบโจทย์การเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่ใส่ใจโลกและสิ่งแวดล้อม

ใช้เทคโนโลยีช่วยสร้างความยั่งยืน มุ่งสู่ Smart Farming

‘Smart Farming’ การเกษตรแห่งอนาคตที่ยั่งยืน

เมื่อการเกษตรเป็นหนึ่งในสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตของคนทั้งโลก แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ส่งผลให้เกษตรกรไม่สามารถวางแผนการผลิตได้อย่างเหมาะสม ต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่กลับได้ผลผลิตต่ำ ทำให้รายได้ไม่มั่นคง ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสุขของครอบครัวเกษตรกร ทำการเกษตรแบบเดิมจึงอาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืน ‘การเกษตรอัจฉริยะ’ (Smart Farming) จึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ยกตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีส่งเสริม Smart Farming ให้กับเกษตรกร ของสยามคูโบต้า

โดยโมเดล Smart Farming ของคูโบต้าจะนำเอาเทคโนโลยี IoT มาใช้ในการเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์การเพาะปลูก มีการนำแอปพลิเคชันปฏิทินมาช่วยวางแผนการเพาะปลูก ควบคุมน้ำ ใส่ปุ๋ย ใช้โดรนเพื่อลดต้นทุนการผลิต ลดแรงงาน ทั้งหมดนี้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและเพิ่มคุณภาพผลผลิต รวมถึงสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เรายังอยากพาไปดูตัวอย่างการแก้ปัญหาด้านการเกษตรด้วยนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจริง กับเรื่องราวบนเวทีในงานจาก คุณวิโรจน์ คำนนท์ ตัวแทนคนรุ่นใหม่จากชุมชนบ้านสา จ.ลำปาง ที่ในอดีตต้องเจอกับภัยแล้ง และไฟป่ากว่า 100 ครั้งต่อปี แต่พอถึงฤดูฝนกลับต้องเจอน้ำหลาก ปัญหาเหล่านี้ เป็นอุปสรรคต่อการทำเกษตรในชุมชนเป็นอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงความเป็นอยู่ของคนในชุมชน ทำให้ชุมชนขาดรายได้ ต้องละทิ้งบ้านเกิดไปประกอบอาชีพในพื้นที่อื่น

จนได้เรียนรู้การบริหารจัดการน้ำร่วมกับ SCG โดยใช้นวัตกรรมและเครื่องมือที่หลากหลาย เช่น ฝายชะลอน้ำ แก้มลิง และโซลาร์เซลล์ จนสามารถพลิกฟื้นพื้นที่ในชุมชน ให้สามารถกลับมาทำการเกษตรได้ ความเป็นอยู่ของผู้คนก็ดีขึ้นตามไปด้วย ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ไม่ต้องออกไปหางานทำที่อื่น

ทั้งหมดนี้ เป็นหนึ่งในตัวอย่างของการใช้แนวทาง ESG นำทางการพัฒนานวัตกรรมของ SCG เราเชื่อว่า ทุกคนสามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขวิกฤตโลกครั้งนี้ได้ เพียงแค่เรา ‘เริ่มด้วยกัน เพื่อเรา เพื่อโลก’


● ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทาง ESG ของ SCG ได้ที่ https://www.scg.com/esg/

● รับชมย้อนหลังงาน SCG ESG Pathway เริ่มด้วยกัน เพื่อเรา เพื่อโลก ได้ที่
ภาษาไทย: https://fb.me/e/ZsE1ct4w
ภาษาอังกฤษ: https://youtu.be/DUeh1TimfzI

Tags::

You Might also Like