LOADING

Type to search

‘กินกบตัวนั้นซะ’ แล้ววันนั้นทั้งวันจะไม่ยากอีกต่อไปเลย! รู้จักทฤษฎี ‘Eat that frog’ ที่แนะนำให้ทำงานที่ไม่อยากทำเป็นอันดับแรก

‘กินกบตัวนั้นซะ’ แล้ววันนั้นทั้งวันจะไม่ยากอีกต่อไปเลย! รู้จักทฤษฎี ‘Eat that frog’ ที่แนะนำให้ทำงานที่ไม่อยากทำเป็นอันดับแรก
Share

โดยทั่วไปแล้ว เวลาที่มีงานมากองอยู่รวมกันมากๆ หลายคนมักจะเริ่มทำจากงานที่ง่ายๆ ก่อนเพื่อให้รู้สึกเหมือนว่างานกำลังคืบหน้า หรือได้ทำอะไรบางอย่างแล้ว และมีแนวโน้มที่จะเก็บงานที่ยาก หรือไม่อยากทำมากที่สุดไว้ทำทีหลัง นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะผัดวันประกันพรุ่งกับงานประเภทนี้ จนต้องไปเร่งทำงานที่ยากและไม่อยากทำที่สุดในช่วงท้าย ส่งผลให้เกิดความเครียดและอาจทำออกมาได้ไม่ดีอีก

ทฤษฎี ‘กินกบ’ หรือ Eat that frog จึงได้ถูกคิดขึ้นมา เพื่อสนับสนุนให้เราจัดการกับงานที่ยากและไม่อยากทำที่สุดดก่อนเป็นอันดับแรกนั่นเอง!

ที่มาที่ไปของการ ‘กินกบ’

ทฤษฎี Eat that frog ถูกคิดค้นโดย Brian Tracy นักเขียนและนักพูดชาวอเมริกัน-แคนาดา ผู้เขียนหนังสือ Eat That Frog!: 21 Great Ways to Stop Procrastinating and Get More Done in Less Time. โดย ‘กบ’ ในที่นี้ หมายถึงงานที่ยากและไม่อยากทำที่สุด ซึ่ง Brian Tracy ก็ได้แนะนำให้เราเริ่มต้นวันทำงาน ด้วยการทำงานที่ยากและไม่อยากทำที่สุดเป็นอันดับแรก เพราะเมื่อทำสำเร็จ เราก็จะรู้สึกโล่งใจ และงานอื่นๆ ก็ดูง่ายขึ้นมาทันที ซึ่งก็จะทำให้ Productivity ของเราเพิ่มขึ้นด้วย

หลักการทำงาน

ทฤษฎี Eat that frog ตั้งอยู่บนหลักการที่ว่าช่วงเช้านั้น เป็นช่วงที่เราอยู่ใน ‘Shape’ ที่ดีที่สุด มีพลังงานเหลือมากที่สุด แทนที่จะใช้พลังงานจำนวนมากเหล่านั้นให้หมดไปกับการทำงานง่ายๆ หรืองานรองๆ สู้เอาพลังงานเหล่านั้น มาทำงานที่ยากและไม่อยากทำที่สุดก่อนดีกว่า การทำงานเหล่านี้ให้เสร็จก่อนเป็นลำดับแรก นอกจากจะทำให้รู้สึกโล่งใจและทำให้งานอื่นๆ ดูง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้ความคืบหน้าของงานที่เราต้องทำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย เพราะได้จัดการ สะสางส่วนที่ใหญ่ที่สุดของงานไปเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนั้น เราก็จะรู้สึกว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของวันนี้ ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ยากลำบากอีกต่อไป

เริ่มยังไงดี?

หลังจากที่เรารู้แล้วว่า Eat that frog นั้นคืออะไร ขั้นตอนต่อไปก็คือเริ่มลงมือทำ โดยการเริ่มวางแผนการทำงานของเราในแต่ละวันจะมีขั้นตอนดังนี้

1.กำหนดเป้าหมายหลักของเราในระยะยาว
2.กำหนดเดดไลน์ให้ตัวเอง
3.List รายการงานที่ต้องทำเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย
4.จัดลำดับความสำคัญ โดยให้ความสำคัญกับงานที่ยากและไม่อยากทำที่สุดเป็นลำดับแรก
5.ลงมือทำงานที่ว่านั่น (กินกบ) เป็นลำดับแรก และทำแบบนี้ในทุกๆ เช้า ในทุกๆ วัน

สิ่งสำคัญของวิธีการแบบนี้ คือการลำดับความสำคัญให้ถูกต้อง รู้ว่า ‘กบ’ ของเรานั้นคืออะไร นอกจากนี้ ความมีวินัยที่ต้องคอย ‘กินกบ’ เป็นมื้อแรกของทุกๆ วัน และการหมั่นตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเองกำลังทำตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ก็สำคัญเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะทำให้การ ‘Eat that frog’ ของเรามีประสิทธิภาพมากที่สุด

โดยสรุปแล้ว ทฤษฎี Eat that frog มีข้อดี คือทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มมากขึ้น จากการจัดลำดับความสำคัญของแต่ละงาน และยังเป็นการหลีกเลี่ยงการผัดวันประกันพรุ่งที่จะทำงานยากๆ ด้วย นอกจากนี้ การที่เรารู้สึกโล่งใจเมื่องานที่ยากที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว จะทำให้เราสามารถมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานที่เหลือได้มากขึ้นด้วย เพราะไม่มีอะไรให้กังวลใจอีกต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม การที่ต้องตื่นขึ้นมา โดยที่ต้องเจอกับงานยากๆ เป็นสิ่งแรกตลอดทุกวัน ก็อาจทำให้การ Eat that frog ของเราเป็นเรื่องที่ยากลำบากได้ รวมถึงการที่อาจจะมี ‘กบตัวใหม่’ แทรกเข้ามาในระหว่างการทำงานได้ตลอดเวลา

ดังนั้นแล้ว ความยืดหยุ่นและการ Work-life Balance ผ่อนคลาย และพักผ่อนให้เต็มที่ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมเช่นกัน

Sources: https://bit.ly/3a9Cxun

https://bit.ly/3a443JG

Tags::

You Might also Like