ถ้าลูกค้าไม่ชอบสินค้าที่คุณทำ คุณจะพัฒนาสินค้าชนิดนั้นอย่างไร?
ก. ไม่ฟังเสียงลูกค้า และมุ่งมั่นขายสินค้าชนิดนั้นต่อไป
ข. ปรับเปลี่ยนทุกอย่างตามที่ลูกค้าต้องการ จนสินค้าชนิดนั้นไม่เหลือเค้าโครงเดิม
ค. พลิกมุมกลับปรับมุมมอง พยายามลดจุดด้อยและเพิ่มจุดแข็งของสินค้าชนิดนั้นแทน
หากคุณมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ขอให้ทดคำตอบเก็บไว้ก่อน เพราะเราเชื่อว่า หลังจากที่คุณอ่านบทความนี้จบ น่าจะได้มุมมองใหม่ๆ กลับไปอย่างแน่นอน
แอปเปิล (Apple) กลับมาสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งกับ Apple Event 2022 ‘Far out.’ งานใหญ่ปลายปีที่หลายคนรอคอย เพราะเป็นช่วงเวลาของการเปิดตัวสินค้ารุ่นเรือธงอย่าง ‘ไอโฟน’ (iPhone) ที่ตอนนี้เดินมาถึง ‘ไอโฟน 14’ (iPhone 14) แล้ว
แต่หลังจากที่ไอโฟน 14 เปิดตัวออกมา ผู้คนบนโลกออนไลน์ต่างแสดงความผิดหวังอย่างหนัก เพราะหน้าตาของตัวเครื่องยังคงละม้ายคล้ายคลึงกับไอโฟน 13 ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว อีกทั้งขนาดของตัวเครื่องและรอยบากขอบจอ (Notch) ยังคงเหมือนเดิมทุกประการ เรียกได้ว่า เป็นแฝดคนละฝา เธอคนนั้นคือฉันอีกคนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
ถึงแม้ว่า การเปิดตัวไอโฟน 14 จะไม่สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้เท่าที่ควร แต่ไฮไลต์เด็ดของงานกลับอยู่ที่การเปิดตัวไอโฟน 14 โปร (iPhone 14 Pro) ที่มีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบที่ไม่คาดฝัน นั่นก็คือการเปลี่ยนรอยบากขอบจอที่ผู้ใช้งานพร่ำบนมาตลอดให้เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงผล (User Interface) บนแต่ละแอปพลิเคชันอย่างสร้างสรรค์ และแอปเปิลก็เรียกสิ่งนี้ว่า ‘ไดนามิก ไอแลนด์’ (Dynamic Island)
แล้วแอปเปิลสามารถพัฒนา ‘ไดนามิก ไอแลนด์’ ขึ้นมา เพื่อเอาชนะอคติของผู้ใช้งานได้อย่างไร? Future Trends จะมาชวนพูดคุยในประเด็นนี้ไปพร้อมๆ กัน
ย้อนกลับไปในปี 2017 สาวกแอปเปิลและผู้ใช้งานทั่วไปได้รู้จักกับ ‘รอยบากขอบจอ’ เป็นครั้งแรกจากการเปิดตัว ‘ไอโฟนเท็น’ (iPhone X) ไอโฟนไร้ปุ่มโฮม (Home) รุ่นแรกของแอปเปิลที่เข้ามาปฏิวัติความเป็นไอโฟนแบบดั้งเดิมที่หลายๆ คนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ด้วยความที่ไอโฟนเท็นเป็นรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้แอปเปิลต้องทำการบ้านอย่างหนักว่า ถ้าจะพัฒนาสมาร์ตโฟนสักเครื่องที่มีแต่หน้าจอเปล่าๆ สิ่งที่อยู่บริเวณขอบจออย่างกล้องถ่ายรูปด้านหน้า ลำโพงสนทนา และระบบเซ็นเซอร์ จะเอาไปแทรกไว้ตรงส่วนใดของหน้าจอดี?
และคำตอบก็คือ ‘รอยบากขอบจอ’ ดีไซน์ที่แอปเปิลยังคงใช้มาถึงปัจจุบันนั่นเอง
ถึงแม้ว่า รอยบากขอบจอจะเป็นดีไซน์ที่ดูจะผิดหลักการออกแบบ ‘ความเรียบง่าย’ และ ‘ความสบายตา’ ของแอปเปิลที่ยึดถือกันมานาน แต่หากคิดจากสถานการณ์เมื่อ 5 ปีก่อน รอยบากขอบจอก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในเวลานั้น
หลังจากที่ไอโฟนเท็นวางจำหน่ายออกไป กลุ่มผู้นำกระแส (Early Adopter) ต่างพากันไปซื้อไอโฟนรุ่นนี้มาลองใช้ แต่กลับเจอปัญหาเกี่ยวกับรอยบากที่เกะกะสายตา และบางแอปพลิเคชันก็ไม่ได้รองรับการแสดงผลอย่างเหมาะสม ทำให้มีเสียงพร่ำบ่นเกี่ยวกับรอยบากที่เป็นส่วนเกินบ่นหน้าจอตลอดเวลา
แต่จนแล้วจนรอด แอปเปิลก็ไม่ได้มีทีท่าที่จะจัดการกับรอยบากขอบจออย่างจริงจัง มีเพียงการปรับลดขนาดรอยบากให้เล็กลง และปรับการแสดงผลให้เข้ากับรอยบากยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่คู่แข่งบางรายนำหน้าไปไกลถึงขั้นซ่อนองค์ประกอบในรอยบากไปที่ด้านใต้ของหน้าจอได้แล้ว
และในที่สุดวันที่แอปเปิลสามารถจัดการกับรอยบากได้สำเร็จก็มาถึง เมื่อ ‘ไดนามิก ไอแลนด์’ คือทางออกของปัญหาที่ค้างคามาเกือบ 5 ปี สิ่งนี้ถือเป็นการแก้เกมอันชาญฉลาดด้วยการกลบจุดด้อยและพลิกสิ่งที่เป็นปัญหาให้กลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ซึ่งแอปเปิลเลือกที่จะพัฒนานวัตกรรมใหม่และกำจัดรอยบากออกไปเลยก็ได้ แต่การทำเช่นนั้น ถือเป็นการเสียเงินทุนและทรัพยากรไปโดยใช่เหตุ
(สามารถทำความรู้จักกับ ‘ไดนามิก ไอแลนด์’ นวัตกรรมสุดร้อนแรงจากแอปเปิลได้ที่ https://bit.ly/3BtKxRZ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านบทความนี้ให้สนุกขึ้น)
“ผู้คนไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร จนกระทั่งคุณได้โชว์สิ่งนั้นออกมา” (“People don’t know what the want until you show it to them.”)
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
ผู้ใช้งานเข้าใจดีว่า ทำไมต้องมีรอยบากบนขอบจอไอโฟน แต่ปัญหาของรอยบากคือ ‘ความเกะกะสายตา’ ทำให้ผู้ใช้งานต้องการดีไซน์หน้าจอแบบใหม่ที่ไม่มีรอยบากอีกต่อไป
คุณเห็นประเด็นที่ซ่อนอยู่ในย่อหน้าที่ผ่านมาหรือเปล่า?
จริงๆ แล้ว ผู้ใช้งานไม่ได้ยินดียินร้ายกับการมีรอยบาก แต่ปัญหาคือรอยบากทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกเกะกะและไม่สบายตานั่นเอง
ดังนั้น โจทย์ที่แท้จริงของแอปเปิล คือการหาวิธีที่จะทำให้รอยบากไม่เกะกะสายตาอีกต่อไป ไม่ใช่การกำจัดรอยบากออกไปอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด
“ทำทุกอย่างให้ง่ายเข้าไว้” (Keep It Simple)
คอนเซปต์สุดคลาสสิกที่สะท้อนความเชื่อว่า ‘คิดให้ง่ายที่สุด ทำให้ง่ายที่สุด แล้วจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแม้จะใช้วิธีที่ง่ายก็ตาม’
ซึ่งแอปเปิลก็ได้ใช้แนวคิดนี้ในการแก้ปัญหา จนได้แนวทางสุดสร้างสรรค์ออกมาเป็นการใช้ประโยชน์จากความเกะกะของรอยบาก ถ้ารอยบากเคยเป็นสิ่งที่เกะกะก็แค่ทำให้ขยับไปมาและใช้งานได้จริงแทน
หลังจากที่ผ่านกระบวนการต่างๆ มาอย่างยากลำบาก ก็ถึงเวลาที่ ‘ไดนามิก ไอแลนด์’ จะออกมาโลดแล่นสู่สายตาของผู้คนทั้งโลก…
Sources: https://bit.ly/3Bsu6Ff
https://cnet.co/3BqhD56
https://bit.ly/3qqPHI8
https://bit.ly/3TYKUes