ชีวิตคนเรามีทั้งสุขและทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา หากจะมี Good Day และ Bad Day หลายๆ ครั้ง เราก็ชอบวันนี้ ในทางกลับกัน หลายๆ ครั้งเราก็ไม่ชอบวันนี้
หากเป็นสมัยก่อน ถ้าสมมติรู้สึกไม่แฮปปี้กับงาน หรือเหนื่อยจนทนไม่ไหวจริงๆ บางคนก็พร้อมตัดสินใจเก็บข้าวของ ยื่นซองขาวลาออกทันที แต่ท่ามกลางสถานการณ์ทุกวันนี้ ทั้งการทำงานแบบ Hybrid และ Remote ล้วนแล้วแต่จุดประกายให้เกิดอีกหนึ่งเทรนด์ใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ ‘Rage Applying’ หรือเทรนด์การสมัครงานล้างแค้นองค์กร
แล้วเทรนด์ Rage Applying คืออะไร มีต้นตอมาจากไหน? บทความนี้ Future Trends จะพาไปดูกัน
เทรนด์ Rage Applying คืออะไร?
Rage Applying คือเทรนด์การสมัครงานล้างแค้นองค์กร กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มมนุษย์ออฟฟิศชาว Gen Z และมิลเลนเนียล (Millennials) ที่ไม่แฮปปี้กับงานปัจจุบัน รู้สึกว่า ตัวเองถูกมองข้าม และไม่ได้รับคำชมหรือการยอมรับเท่าที่ควร ประกอบกับกระแสการปลดพนักงานเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา
นี่จึงทำให้พวกเขาวิตกกังวล และโกรธเป็นอย่างมาก ร่างกายจึงเกิดการตอบสนองด้วยกลไกการหนีมากกว่าสู้ (Flight-or-Fight Mechanism) นำไปสู่การร่อนใบสมัครงานไปยังองค์กรใหม่หลายๆ แห่งอย่างรวดเร็ว เพื่อระบายความอัดอั้น และความเครียดที่สะสมมานาน
พอล รูเบนสไตน์ (Paul Rubenstein) ประธานเจ้าที่ฝ่ายบุคคลของไวซิเออร์ (Visier) บอกว่า “ในเมื่อไม่มีคำอธิบายจากนายจ้าง ผู้คนจะถือว่า มันคือสิ่งที่แย่ที่สุด เป็นหายนะ และหายนะเองก็นำไปสู่ความวิตกกังวล และการสมัครงานใหม่อย่างวิตกกังวล”
เทรนด์ Rage Applying มีต้นตอมาจากอะไร?
จริงๆ แล้ว เทรนด์ Rage Applying เกิดจากผู้ใช้งาน TikTok แอคเคานต์ @redweez ที่ระบุว่า ตนรู้สึกโกรธบริษัท ก็เลยสมัครงานใหม่ไป 15 แห่ง มันทำให้ได้งานใหม่ที่มีเงินเดือนมากกว่าเดิมถึง 25,000 ดอลลาร์ และเป็นองค์กรที่ยอดเยี่ยมมากด้วย ดังนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงสมัครงานล้างแค้นไป
เทรนด์ Rage Applying ดีจริงหรือไม่?
แจ็ค เคลลี (Jack Kelly) ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเดอะคอมพลายแอนต์เสิร์จกรุ๊ป (The Compliance Search Group) บริษัทจัดหางาน และสรรหาบุคลากรเผยว่า “คุณต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจหางานใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ อาจรีบคว้าข้อเสนออย่างรวดเร็ว เนื่องจาก แค่ต้องการหนีจากองค์กรเดิม จนไม่ได้คิดหน้าคิดหลังอย่างรอบคอบว่า จริงๆ แล้ว ต้องการอะไรกันแน่?”
หรือสรุปง่ายๆ ว่า ถึงการหางานใหม่จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ก็อาจส่งผลเสียในระยะยาว ทำให้เราต้องไปทนทุกข์ทรมานกับงานที่ไม่เหมาะกับตัวเอง หรือเข้าทำนองหนีเสือปะจระเข้ก็เป็นได้
นอกจากนี้ ลิซ ไรอัน (Liz Ryan) ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฮิวแมนเวิร์กเพลส (Human Workplace) ยังบอกอีกด้วยว่า “มันจะดีกว่าถ้าคุณรู้ว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ตรงไหนของตลาด และทักษะที่มีตรงกับสิ่งที่นายจ้างต้องการรึเปล่า? คุณคือประธานเจ้าหน้าที่บริหารในสายอาชีพของคุณเอง ไม่จำเป็นต้องรีบรับข้อเสนอนั้นๆ ทันที แต่ควรออกไปสัมภาษณ์หลายๆ แห่ง เพื่อให้ตัดสินใจได้เฉียบแหลมขึ้น”
ท้ายที่สุดแล้ว งานก็ไม่ต่างอะไรจากรองเท้า หากวันนี้รู้สึกไม่โอเค และไม่ตอบโจทย์กันแล้ว เราก็สามารถเปลี่ยนได้ตลอด แต่ในระยะยาว การหว่านแหไปเยอะๆ โดยไม่คิดให้ถี่ถ้วนก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ได้ผลดีเสมอไป
Sources: https://cnb.cx/41AOzTE