ปลุกความคึกคักให้กับวงการหนังไทยอย่างต่อเนื่องกับการกลับมาของภาพยนต์ฟอร์มยักษ์อย่าง ‘4 Kings 2’ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตวัยรุ่นอาชีวะ ยุค 90 และทำรายได้ถล่มทลายไปในภาคแรกกว่า 170 ล้านบาท วันนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมาอีกครั้งกับเนื้อเรื่องที่เข้มข้นถึงใจกว่าเดิม
4 Kings ผลงานโดยผู้กำกับพุฒิพงษ์ นาคทอง ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 2564 เนื้อหาเล่าถึงกลุ่มวัยรุ่นอาชีวะ ยุค 90 โดยจะพาผู้ชมไปสัมผัสรสชาติชีวิตของวัยรุ่นอาชีวะ 4 สถาบันที่อิงจากชื่อโรงเรียนช่างที่มีอยู่จริง ได้แก่ กนกอาชีวะ, ช่างกลบุรณพนธ์, เทคโนโลยีประชาชล (ดัดแปลงจากชื่อ เทคโนโลยีประชาชื่น) และอินทรอาชีวะ ส่วนบทนั้นถูกกลั่นกรองมาจากประสบการณ์จริงของผู้กำกับพุฒิพงษ์สมัยเป็นนักเรียนช่าง
ทั้งเนื้อหา นักแสดงที่มากความสามารถ และองค์ประกอบ ภาพ เสียงสมจริง ทำให้ 4 Kings เป็นหนังไทยอีกเรื่องในปีนี้ที่น่าติดตามไม่น้อย ล่าสุด! เรียกเสียงฮือฮาไปได้ไม่น้อยกับแคมเปญโปรโมตที่สั่นสะท้านไปทั่วประเทศ
“ไม่ต้องท้า… เพราะพวกเรามาถึงที่”
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ก็สามารถพบเห็นป้ายโฆษณาโปรโมตภาพยนตร์ 4 Kings 2 ขนาดใหญ่ได้ คล้ายสัญญาณแจ้งเตือนว่า ความสนุก ตื่นเต้นกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อยิ่งมีโปรโมตแคมเปญที่ถึงใจ เน้นสร้างการรับรู้ในวงกว้างผ่านป้ายโฆษณาทั่วทุกพื้นที่แบบนี้ ยิ่งสร้างความน่าสนใจขึ้นไปอีก
วันนี้ Future Trends จึงพลาดไม่ได้ที่จะพาไปดูว่า การกลับมาครั้งนี้มีอะไรที่น่าติดตามบ้าง พร้อมเจาะลึกเบื้องหลังความเป็นมา รวมการกลยุทธ์ในการโปรโมตภาพยนตร์ 4 Kings 2 ไปด้วยกันก่อนเข้าฉายในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้
สั่นสะท้านไปทั่วประเทศ กับแคมเปญ “ไม่ต้องท้า… เพราะพวกเรามาถึงที่”
“ไม่ต้องท้า…เพราะพวกเรามาถึงที่”
ล่าสุด! สั่นสะท้านกันไปทั่วประเทศ ด้วยแคมเปญโปรโมตอย่างยิ่งใหญ่สมกับการกลับมาของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน อยู่สุขุมวิท หรือขอนแก่น ตอนนี้ คุณก็มีโอกาสที่จะเจอกับ 4 Kings 2 ได้ การโปรโมตครั้งนี้
อีกความน่าสนใจของภาพยนตร์ 4 Kings ก็คือวิธีการที่เขาใช้โปรโมตหนัง ที่ฉายภาพโปสเตอร์ภาพยนตร์ลงบนป้ายขนาดใหญ่ตามจุดสำคัญของเมือง ทั้งแยกไฟแดง ป้ายรถเมล์ หรือบนตึกสูง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แม้จะเป็นวิธีโปรโมตที่คลาสิก แต่ก็สามารถสร้างการรับรู้และเรียกความสนใจจากผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ไม่น้อย
การเริ่มต้นและการกลับมาของภาพยนตร์เรื่องนี้ นับว่าเป็นการเติมเต็มความหลากหลายให้กับวงการหนังไทย เพราะเรื่องราวของเด็กอาชีวะ ยุค 90 นั้น น้อยครั้งที่จะถูกหยิบมาเล่า ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ แม้จะเป็นการฉายภาพชีวิตของกลุ่มนักเรียนอาชีวะ แต่เอาเข้าจริงแล้ววัยรุ่นไม่ว่าใครก็มีโอกาสเจอความท้าทายและตัดสินใจผิดพลาดได้ทั้งนั้น ดังนั้น ภาพยนต์เรื่องนี้ไม่ได้ตั้งใจฝากบทเรียนแค่กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่ทุคนไม่ว่าใครก็สามารถเรียนรู้จากเรื่องราวเหล่านี้ได้
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตาม Future Trends อยากชวนคุณเปิดใจ เปิดมุมมอง เรียนรู้ผ่านเรื่องราวที่ผู้สร้างและนักแสดงตั้งใจถ่ายทอดออกมา เราเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจทำให้คุณได้นึกย้อนถึงช่วงเวลาเก่าๆ และตกตะกอนข้อคิดบางกับตัวเองก็เป็นได้
#4kingอาชีวะยุค90 #4kings2 #เนรมิตรหนังฟิล์ม #ฉายแสงแอดเวนเจอร์
ความสำเร็จเกินคาดของภาคแรก สู่การกลับมาของ 4 Kings 2
ภาพยนตร์ 4 Kings ในภาคแรกสร้างปรากฏการณ์และความตราตรึงใจไว้ไม่น้อย เพราะเมื่อเข้าฉายในโรงได้แค่ 4 วันก็ทำรายได้ถึง 50 ล้านบาท และขึ้นเป็นหนังไทยที่ทำเงินได้มากที่สุดในปี 2564 ด้วยรายได้ถึง 170 ล้านบาท ดังนั้น การกลับมาของ 4 Kings ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันความสำเร็จของภาคแรก
ในเนื้อหาของภาคแรกนั้นเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของ ‘ชีวิตวัยรุ่น’ ผ่านกลุ่มนักเรียนช่าง พร้อมชวนให้คนดูได้เห็นถึงปมปัญหามิติต่างๆ ทั้งครอบครัว คนรัก และเพื่อน โดยจะโฟกัสไปที่การประทะระหว่าง 2 สถาบันเด็กช่าง อย่างอินทรอาชีวะศึกษาและเทคโนโลยีประชาชล ซึ่งนอกจากประเด็นความขัดแย้ง หนังจะค่อยๆ พาไปดูชีวิตของ 3 ตัวละครหลัก ได้แก่ บิลลี่ รูแปง และดา สามสหายที่พร้อมไปไหนไปกัน ซึ่งแต่ละคนต่างก็ต้องมีโจทย์ชีวิตที่ต่างกัน
คุณจะได้เห็นถึงมุมมองต่อปัญหา รวมถึงการตัดสินใจ และผลการกระทำของตัวละครที่อยู่ในช่วงต่อเลี้ยวหัวต่อ ซึ่งหลายๆ การกระทำของพวกเขามักจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เจ็บปวดทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้าง ทั้งยังกลายเป็นแผลเป็นมาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนในภาคนี้ จะเป็นการฉายภาพไปที่อีก 2 สถาบัน คือ กนกอาชีวะและช่างกลบุรณพนธ์ พร้อมเรื่องราวเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวละครที่เข้มข้มยิ่งขึ้น โดยพุฒิพงษ์ตั้งใจหยิบเอาเรื่อง ‘ความแค้น’ โดยมองว่านอกจากการล้างแค้นและการสร้างความเสียหาย ความแค้นอาจนำไปสู่ผลลัพธ์อื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์แบบไหน คงต้องไปติดตามกันในภาพยนตร์
เบื้องหลังคือความตั้งใจของ ‘พุฒิพงษ์ นาคทอง’ ที่เล่าเรื่องออกมาได้อย่างจริงใจ
ชวนทำความรู้จักผู้กำกับ ‘พุฒิพงษ์ นาคทอง’
‘พุฒิพงษ์ นาคทอง’ เป็นอดีตนักเรียนช่างที่นำเอาประสบการณ์ตรงและเรื่องราวจากเพื่อนสนิทในรั้วอาชีวะมาเล่าด้วยความตั้งใจที่อยากให้เรื่องราวของตนเป็นบทเรียนให้กับวัยรุ่นคนอื่นๆ เขาใช้เวลานานกว่า 7 ปี ในการนำบทและเดโม 4 Kings เข้าไปเสนอต่อค่ายหนังหลายค่าย แต่ก็ต้องเจอกับคำปฏิเสธนับไม่ถ้วน สุดท้ายเนรมิตรหนัง ฟิล์ม ก็มองเห็นศักยภาพของหนังเรื่องนี้ จึงได้เกิดเป็นหนังเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาดเลยทีเดียว และในครั้งนี้ก็ได้เนรมิตรหนัง ฟิล์มเจ้าเดิมร่วมกับ ฉายแสง แอด.เวนเจอร์มาเป็นผู้สนับสนุนการกลับมาของ 4 Kings ภาค 2
เมื่อพูดถึง 4 Kings ภาคแรก แม้จะใช้ชื่อ 4 สถาบันมาเล่าเรื่อง แต่เนื้อหาส่วนใหญ่มาจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับพุฒิพงษ์และเพื่อนในโรงเรียนอาชีวะ ส่วนในภาคสองนี้ เขาทำการบ้านหนักขึ้นกับการเขียนบท นอกจากเรื่องเล่าประสบการณ์ พุฒิพงษ์ได้หยิบเอาอินไซต์รุ่นพี่อาชีวะ ยุค 90 จาก 4 สถาบันมาผสมผสานให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
นอกจากเนื้อเรื่องที่เรียบเรียงมาอย่างตั้งใจแล้ว ยังมีการใส่องค์ประกอบความเป็นยุค 90 อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเพลงฮิต นักร้องหรือแฟชัน ทุกอย่างทำให้ได้กลิ่นอายของยุค 90 ชัดเจน ชวนให้คนดูหวนนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่คุ้นเคย
การกลับมาของ ‘แหลม สมพล’ กับการแสดงที่ช่วยฉายภาพตัวละครได้อย่างชัดเจน
ใน 4 Kings 2 ผู้ชมจะได้พบกับการกลับมาของ ‘แหลม สมพล’ (แหลม อดีต 25Hours) ในบท
‘บ่าง กนก’ ที่แม้ในภาคแรกจะปรากฎตัวในไม่กี่ฉาก แต่ด้วยคาแรกเตอร์และสีหน้าแววตาดุดันอันเป็นเอกลักษณ์ ก็ทำให้เขาเป็นที่จดจำของผู้ชมจำนวนมาก และยิ่งในมีการทิ้งท้ายไว้ว่า “เจอกันอัลบั้มสอง” ยิ่งชวนให้อยากติดตามเรื่องราวในภาคต่อไป
‘บ่าง กนก’ เป็นหนึ่งในตัวละครที่จะถูกหยิบมาพูดถึงมากขึ้นถึงในภาคนี้ เขาเป็นเด็กที่เติบโตในครอบครัวที่พ่อแม่แยกทาง และต้องอยู่กับพี่สาว ใน 4 Kings 2 คนดูจะได้เห็นว่าเขาจะต้องเจอกับความท้าทายอะไรบ้าง และสุดท้ายตัวละครนี้จะรับมืออย่างไร โดยนักแสดงอย่างแหลม สมพลก็ได้ใส่ทั้งความทุ่มเทายทอดเรื่องราวออกมาอย่างสุดความสามารถ เพื่อสะท้อนภาพชีวิตของตัวละครบ่าง กนกให้คนดูได้เข้าถึงหัวใจของตัวละครนี้อย่างแท้จริง
นอกจากตัวละครบ่าง กนกแล้ว ยังมีเรื่องราวของตัวละครอื่นๆ ที่ชวนติดตามไม่แพ้กัน เช่น ตัวละคร ‘รก บุรณพนธ์’ วัยรุ่นถูกครอบครัวละเลย หรือ ‘ยาท เด็กบ้าน’ ที่เป็นคู่ปรับกับกลุ่มวัยรุ่นอาชีวะมาตั้งแต่ภาคแรก ชื่อเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ใน 4 Kings 2 คุณจะได้เห็นอีกหลากหลายเรื่องราวและปมปัญหาที่แต่ละคนคนต้องเผชิญ
และเพื่อให้ผู้ชมสัมผัสถึงเรื่องราวตัวละครมากที่สุด ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงรวมเอาทัพนักแสดงมากฝีมือ อย่างเฟย ภัทร เอกแสงกุล, แม็กซ์ ณัฐวุฒิ เจนมานะ, เบนจามิน โจเซฟ วาร์นี, ท็อป-ทศพล หมายสุข, จี๋ สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร, ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ และ บิ๊ก D Gerrard (ดี เจอร์ราร์ด) หรือ ไบรอัน เจอร์ราร์ด อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบียล มาไว้ด้วยกัน เรียกได้ว่าอัดเเน่นไปด้วยคุณภาพคับจอเลยทีเดียว