นักจิตวิทยาเป็นห่วงคนใช้ AI ในการบำบัดแทนการหาผู้เชี่ยวชาญ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะมันไม่เข้าใจความรู้สึกของคนด้วยซ้ำไป
เราเข้าใจว่าความสัมพันธ์เป็นเรื่องยาก แต่การถาม ChatGPT ว่าจะทำอย่างไรกับอารมณ์และความรู้สึกไม่น่าจะใช่หนทางที่ดีเท่าไหร่นัก
นามา ฮอฟฟ์แมน(Naama Hoffman) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์แห่ง Icahn School of Medicine, Mount Sinai Hospital ในนครนิวยอร์ก กล่าวว่า “แม้ว่า AI จะตอบคำถาม หรือ พูดสิ่งต่างๆ ได้เหมือนมนุษย์ แต่คุณต้องถามตัวเองว่าเป้าหมายของมันคืออะไร” “เป้าหมายในความสัมพันธ์หรือในการบำบัดคือการปรับปรุงคุณภาพชีวิต ในขณะที่เป้าหมายของ AI คือการค้นหาสิ่งที่ถูกอ้างถึงมากที่สุด มันไม่น่าจะช่วยอะไรได้เลย”
“คำแนะนำของ AI อาจช่วยให้คุณทนต่อความทุกข์ได้ แต่มันเป็นเพียงแค่ผ้าพันแผล เมื่อคุณถอดมันออก โดยไม่ได้รับการรักษา ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ฮอฟฟ์แมนแนะนำข้อควรระวังเมื่อใช้ปัญญาประดิษฐ์แทนการรักษา
เพราะการรักษาเกี่ยวกับจิตใจต้องใช้เทคนิค การสังเกตลักษณะบุคลิกภาพ น้ำเสียง การเสียดสี และตัวแปรความสัมพันธ์ เช่น ประวัติ ภาษากาย และการแสดงออกทางสีหน้า ล้วนเป็นส่วนสำคัญของการวิจัยผลลัพธ์ ดังนั้น การใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในการบำบัดจิตใจอาจจะไม่ใช่ผลดีนัก เสี่ยงต่อการได้รับข้อมูลผิดๆ
ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างเป็นไปได้ที่ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ จะมีบทบาทสำคัญในการบำบัดในอนาคต แต่ก็ยังมีตัวเลือกอื่นๆ ที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการรับการสนับสนุน หรือ การบำบัด ลองพิจารณาแอปพลิเคชันอย่าง BetterHelp, Headspace และ Calm ซึ่งสามารถช่วยคุณบำบัดได้ดีกว่าการถาม ChatGPT
นอกจากนี้ฮอฟฟ์แมน ยังแนะนำ 3 วิธีการบำบัดที่สามารถทำเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเอง
[ 3 วิธีการบำบัดที่สามารถทำเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเอง ]
1.พูดคุยกับเพื่อนของคุณ
อาทิตย์นี้คุณโทรหาเพื่อนสนิทหรือยัง? ปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถเห็นอกเห็นใจคุณได้หรอกนะ การบำบัดหรือมิตรภาพที่แท้จริงไม่สามารถแทนที่ได้ด้วยเครื่องจักรที่ไร้วิญญาณ ลองโทรหาเพื่อนสนิทของคุณดู หากไม่มีก็คนในครอบครัว ต้องมีสักคนหนึ่งในชีวิตคุณที่เหมาะกับตำแหน่งนี้
2.รับความเสี่ยง
ในความสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องเตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยง และอย่ากลัวที่จะล้มเหลว ปัญญาประดิษฐ์ไม่เข้าใจถึงความรู้สึกเมื่อล้มเหลว หากเป็นเช่นนั้นคุณจะเรียนรู้ที่จะซ่อมแซมความสัมพันธ์ได้อย่างไร
คุณไม่ใช่เหล็ก คุณเป็นมนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่เปราะบางมากเมื่อเทียบกับอันตรายรอบตัว จงเตรียมพร้อมกับความเสี่ยง และเรียนรู้ที่จะซ่อมแซมมันเมื่อเกิดปัญหา
3.มองหาแรงบันดาลใจ
อ่านบทกวีที่ยอดเยี่ยม ฟังดนตรีของ Puccini, Mozart, Taylor Swift เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ เล่นอัลบั้ม Blue ของ Joni Mitchell อย่างครบถ้วนโดยหลับตาแล้วปิดไฟ
ฮอฟฟ์แมน กล่าวว่า “สำหรับบางคน แรงบันดาลใจอาจมาจากการเดินป่าหรือสูตรอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์และไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคุณ” ปล่อยให้ตัวเองตื่นเต้น บ่อยครั้งความรู้สึกที่ได้รับแรงบันดาลใจจะสร้างความมั่นใจ ศิลปะเป็นเครื่องเตือนใจว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเกือบทุกอย่างมีทั้งคำมั่นสัญญาและอันตราย อินเทอร์เน็ตบนมือถือทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ในทันที แต่ก็ทำให้เราพึ่งพาโทรศัพท์มากเกินไป และมีแนวโน้มที่จะเก็บข้อมูลน้อยลงด้วย
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทำให้สินค้าและบริการมีราคาถูกลง แต่ก็เร่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญญาประดิษฐ์จะเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในอนาคตของเราอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่คำถามยังคงอยู่ว่าเราจะใช้พลังของมันให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไรโดยไม่สูญเสียองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของสังคม นั่นคือ ‘การเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์’
ทาง Future Trends เข้าใจว่าการมีความสัมพันธ์ การมีความรู้สึกเป็นเรื่องยาก แต่อยากจะฝากให้ระวังการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในด้านการช่วยเหลือเกี่ยวกับมิติความรู้สึก เพราะมันสร้างคำตอบจากแหล่งข้อมูลที่มีไม่ได้เกิดจากการวิเคราะห์ของนักบำบัดอย่างแท้จริง สามารถใช้งานในเบื้องต้นได้แต่ก็ควรที่จะพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อการรักษาที่ดีที่สุดด้วย
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
Source: https://www.wired.com/story/please-stop-asking-chatbots-for-love-advice/