‘เจาะลึกเทรนด์ Age Spectrum’ เมื่ออายุไม่ใช่ตัวกำหนดพฤติกรรมตามช่วงวัย และกรณีศึกษาจาก SCG ยักษ์ใหญ่วงการบ้าน

ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา โลกธุรกิจถูกขังอยู่ในกรงขังทางความคิดที่เรียกว่า ‘Generational Silos’ เราถูกสอนให้แยกแยะผู้คนด้วยป้ายชื่อ Baby Boomer, Gen X หรือ Millennials ราวกับว่ามนุษย์ที่มีอายุเท่ากันจะมีพฤติกรรมเหมือนกัน
แต่ความจริงเชิงประจักษ์ในปัจจุบันกำลังตบหน้าตำราการตลาดแบบดั้งเดิม เมื่อบางครั้ง ชายอายุ 65 ปี บางคนเริ่มสตาร์ตอัปใหม่ ในขณะที่คนอายุ 30 ปี บางคนโหยหาการเกษียณแบบสงบ
และนี่คือการกำเนิดของ ‘Age Spectrum’
บทความนี้จะวิเคราะห์ว่าทำไมการสลายตัวของกำแพงอายุ จึงกลายเป็นปัจจัยชี้ชะตาทางธุรกิจ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยชื่อดังอย่าง SCG กำลังปรับเข็มทิศข้ามจากการขายปูน ไปสู่การออกแบบวงจรชีวิตที่สมบูรณ์
[ อะไรคือ Age Spectrum? ]
Age Spectrum คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการทำตลาดแบบเดิมที่มักจะแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็น Baby Boomers, Gen X, Millennials หรือ Gen Z ไปสู่การมองแบบ Life-course Design ซึ่งเป็นกรอบการทำงานที่สะท้อนถึงเส้นทางชีวิตที่ยืดหยุ่น ไม่เป็นเส้นตรง และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้คนในยุคปัจจุบัน
แนวคิดนี้ยอมรับว่า บุคคลที่อยู่ในช่วงอายุเดียวกันอาจมีวิถีชีวิต และความต้องการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่าง ชายอายุ 65 ปีคนหนึ่งอาจเป็นผู้เริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ (Entrepreneur) ในขณะที่ชายอายุ 65 ปีอีกคนอาจเป็นผู้ดูแลครอบครัวแบบเต็มเวลา หรือบางคนอาจกำลังฝึกวิ่งมาราธอนครั้งแรกในชีวิต
[ จิตวิทยาเบื้องหลัง Age Spectrum เมื่อ ‘บริบท’ คือความจริง ]
จากรายงานแนวโน้มผู้บริโภคระดับโลก ประเด็นเรื่อง Age Spectrum กำลังท้าทายตำราการตลาดดั้งเดิมอย่างรุนแรง ธุรกิจที่ยังยึดติดกับ Youth-centric กำลังสูญเสียโอกาสมหาศาล เพราะโลกกำลังก้าวเข้าสู่ Longevity Economy หรือเศรษฐกิจอายุยืน
ในเชิงเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้ซื้อสินค้าด้วยเหตุผลทางสถิติประชากร (Demographics) เพียงอย่างเดียว แต่ซื้อด้วย Life Events และ Functional Needs ที่ซับซ้อนขึ้น เช่น
📌 The Curb-cut Effect
เมื่อเราออกแบบทางลาดสำหรับคนพิการ แต่ปรากฏว่าพ่อแม่ที่เข็นรถเข็นเด็ก หรือคนลากกระเป๋าเดินทางกลับได้ประโยชน์ไปด้วย ในโลกของ ‘SCG’ การออกแบบพื้นลดแรงกระแทกสำหรับผู้สูงอายุ จึงกลายเป็นความปลอดภัยที่พ่อแม่ที่มีลูกเล็กต้องการเช่นกัน
📌 Cognitive Design
ผู้บริโภคยอมจ่ายแพงขึ้นไม่ใช่เพื่อฟีเจอร์ที่ซับซ้อน แต่เพื่อความเรียบง่าย (Simplicity) ในโลกที่ข้อมูลท่วมท้น บ้านที่สามารถคิดแทนเราได้ (Intuitive Home) คือสุดยอดของความหรูหรา (Ultimate Luxury)
[ ตลาดประเทศไทย – ความย้อนแย้งของสังคม ‘แก่ก่อนรวย’ ]
ประเทศไทยอยู่ในสถานะที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกจับตามอง เพราะเรากำลังเป็น Ultra-aged Society เร็วกว่าที่โครงสร้างพื้นฐานของประเทศจะรับมือไหว ดังนั้น เมื่อมองผ่านโครงสร้างสังคม เราพบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ
1. The Sandwich Generation Pressure คนวัยทำงานไทยแบกภาระหนักที่สุด พวกเขาต้องตัดสินใจซื้อโซลูชันเพื่อความอุ่นใจ (Peace of Mind) ให้พ่อแม่ เพื่อที่ตนเองจะได้ออกไปทำงานได้อย่างไร้กังวล
2. Cultural Sentiment ความกตัญญูยังเป็นแกนหลัก แต่ถูกเปลี่ยนรูปแบบจากการดูแลด้วยตัวเอง เป็นการจัดหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ สิ่งนี้เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เชิงป้องกัน (Preventive Healthcare Infrastructure)
ในขณะที่โลกมองหาความหรูหรา แต่ตลาดไทยกำลังมองหาความอยู่รอดอย่างมีคุณภาพ (Quality Survival) ตลาดนี้จึงไม่ได้อยู่แค่ในกลุ่ม Premium แต่กำลังแทรกซึมเข้าสู่ Mass Market ในรูปแบบของความคุ้มค่าระยะยาว (Long-term Value)
[ กรณีศึกษา SCG – เมื่อยักษ์ใหญ่เลือกกวาดทั้งสเปกตรัม ]
การที่ SCG ปรับตัวเข้าสู่ Age Spectrum ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มสินค้าไม้เท้า หรือราวจับเข้ามาในแคตตาล็อก แต่มันคือการ Re-engineering โดยเปลี่ยนจากผู้ผลิตวัสดุ ไปเป็นผู้ดูแลโครงสร้างพื้นฐานของชีวิต
1. กลยุทธ์ Life-Stage Segmentation
SCG เลิกมองลูกค้าผ่านปีเกิด แต่แบ่งผ่านภารกิจของชีวิต (Life Missions) ซึ่งสะท้อนความเป็น Age Spectrum อย่างชัดเจน
📌 The Caregiver Gen (วัยทำงาน/Sandwich Generation)
SCG สื่อสารกับคนกลุ่มนี้ในฐานะผู้ช่วยแบ่งเบาภาระ ผ่านแบรนด์อย่าง BAUEN by SCG ที่ให้บริการรีโนเวทแบบ One-stop เพื่อให้ลูกๆ ไม่ต้องปวดหัวกับการคุมช่างและอุ่นใจว่าพ่อแม่จะปลอดภัย
📌 The Long-Stay Planner (ผู้วางแผนระยะยาว)
เจาะกลุ่ม Gen Y และ Gen X ที่เริ่มคิดเรื่องบ้านหลังสุดท้าย SCG ขายแนวคิด Lifetime Home หรือบ้านที่ปรับเปลี่ยนได้ (Flexible Anatomy) เช่น ผนังเบาที่รื้อถอนง่ายเพื่อขยายพื้นที่รถเข็นในอนาคต
📌 The YOLD (Young Old – วัยเก๋าหัวใจใหม่)
กลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อและ Digital Literacy สูง SCG นำเสนอ Chivit-D (ชีวิตดี) แพลตฟอร์มที่คัดสรรสินค้าไลฟ์สไตล์และสุขภาพที่ไม่ดู “เชย” เพื่อรักษาสุนทรียภาพในการใช้ชีวิต
2. กลยุทธ์ Product Hybridization (การผสมผสานเทคโนโลยีและวัสดุศาสตร์)
SCG ใช้ความได้เปรียบด้าน R&D ในการสร้างสินค้าที่ตอบโจทย์ Functional Health โดยไม่ทำลาย Emotional Aesthetic
📌 Sensory-Driven Innovation
ระบบ ONNEX Active Air Quality และ HeatSync Technology ในกระเบื้องปูพื้น ไม่ได้ถูกโฆษณาว่าเป็นสินค้าเพื่อคนแก่ แต่เป็นสินค้าเพื่อบ้านที่เย็นและหายใจสะดวก ซึ่งตอบโจทย์ทุกคนบนสเปกตรัม แต่ส่งผลดีเป็นพิเศษต่อระบบทางเดินหายใจของผู้สูงอายุและเด็ก
📌 Safety Disguised as Design
พื้นลดแรงกระแทก (Shock Absorption Floor) ของ SCG ถูกออกแบบให้มีลวดลายไม้ที่สวยงามเหมือนวัสดุพรีเมียมทั่วไป เพื่อทำลายกำแพงทางจิตวิทยาที่ผู้บริโภคไม่ต้องการให้บ้านดูเหมือนโรงพยาบาล
3. กลยุทธ์ Care Living Ecosystem (การสร้างระบบนิเวศแห่งความไว้วางใจ)
SCG รู้ดีว่าในยุค Age Spectrum สินค้าเลียนแบบได้ แต่ความเชื่อใจ (Trust) เลียนแบบไม่ได้
📌 Care Living Destination
การเปลี่ยน SCG HOME Experience ให้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาเชิงลึก ไม่ใช่แค่พนักงานขาย สิ่งนี้ตอบโจทย์ผู้สูงอายุที่ต้องการ การปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ (Human Touch) มากกว่าการกดสั่งออนไลน์
📌 Partnership Network
SCG ไม่ได้ทำทุกอย่างเอง แต่ผนึกกำลังกับพันธมิตรทางการแพทย์และเทคโนโลยี (เช่น ระบบ Sensor ตรวจจับการล้ม หรือปุ่ม SOS) เพื่อให้บ้านกลายเป็น Preventive Healthcare Hub ที่เชื่อมต่อกับโรงพยาบาลได้จริง
4. กลยุทธ์ Inclusive Green Growth (ความยั่งยืนที่เชื่อมโยงทุกรุ่น)
SCG เชื่อมโยงเทรนด์ ESG (Environmental, Social, Governance) เข้ากับ Age Spectrum
📌 Intergenerational Equity
การมุ่งสู่ Net Zero 2050 และสินค้า Green Choice เป็นการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ (Gen Z) ว่า SCG กำลังรักษาโลกไว้ให้พวกเขา ในขณะเดียวกันก็มอบนวัตกรรมลดค่าไฟ (Solar Roof) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้คนรุ่นใหญ่ที่กังวลเรื่องเงินเฟ้อหลังเกษียณ
📌 Affordable Quality
การออกสินค้ากลุ่ม Smart Value เช่น กระเบื้อง Celica ที่ราคาเข้าถึงง่ายแต่คุณภาพมาตรฐาน เพื่อให้การปรับปรุงบ้านเพื่อความปลอดภัยไม่เป็นสิทธิพิเศษของคนรวยเท่านั้น (Democratic Accessibility)
กรณีศึกษาของ SCG สะท้อนให้เห็นว่า การปรับตัวตามเทรนด์ประชากรไม่ใช่การทำสินค้าเพื่อคนแก่ แต่คือการเข้าใจว่า มนุษย์ในศตวรรษที่ 21 ต้องการบ้านที่เติบโตไปพร้อมกับเขา
วิกฤตสังคมสูงวัยในไทยจึงไม่ใช่ทางตัน แต่เป็นโอกาสทองของธุรกิจที่กล้าพอจะทำลายกำแพงเจเนอเรชัน แล้วหันมาออกแบบโซลูชันที่ครอบคลุมทุกเฉดสีบนสเปกตรัมของมนุษย์อย่างแท้จริง
เพราะในยุค Age Spectrum ผู้ที่ชนะใจผู้บริโภคได้ ไม่ใช่คนที่เดินนำหน้าลูกค้าไปไกลที่สุด แต่คือคนที่เดินเคียงข้าง และรองรับทุกการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาได้อย่างแนบเนียนที่สุดนั่นเอง
เรียบเรียงโดย ชนัญชิดา พลอยพลาย
#FutureTrends #FutureTrendsetter #FutureTrendsBusiness
Sources:
Age Inclusion Is Your Company’s Next Competitive Advantage
https://www.physicianleaders.org/articles/age-inclusion-is-your-companys-next-competitive-advantage
Global Demographic Dynamics
Age diversity dividend
https://www.peoplehum.com/glossary/age-diversity-dividend
Thailand is quickly becoming an ultra-aged society: Study
Thailand’s rapidly ageing population poses challenges for healthcare, the economy and social welfare
https://www.bangkokpost.com/life/social-and-lifestyle/3107810/nation-in-transition.
Thailand’s Social Outlook of Q3/2025
https://www.nesdc.go.th/wordpress/wp-content/uploads/2025/11/3.2-Press-Q3_2568-ENG.pdf
The Siam Cement Public Company Limited Annual Report 2023
https://scc.listedcompany.com/misc/one-report/2023/20240227-scc-one-report2023-en.pdf
SUSTAINABILITY REPORT 2024
https://sustainability.scgpackaging.com/storage/downloads/sd-reports/files/sd-report-2024-en.pdf