ในยุคที่ทุกอย่างล้วนเร่งรีบ เราต่างทำทุกวิถีทางเพื่อไปถึงเป้าหมายให้เร็วที่สุด เพราะโอกาสบางอย่างมีให้สำหรับผู้ที่ไปถึงคนแรกเท่านั้น บางคนอาจต้องใช้แรงกายแรงใจเพื่อไปถึงความสำเร็จ หรือบางคนอาจต้องใช้เงินเพื่อเดินหน้าสู่ฝั่งฝัน แต่ยังมีอีกสิ่งที่เราต้องเสียไปอย่างเท่าเทียมกันทุกคน นั่นคือ ‘เวลา’
เพราะการดำเนินชีวิตนั้น มี ‘ต้นทุน’ ไม่ว่าเราจะใช้ชีวิตแบบไหน จะเหมือน หรือแตกต่างจากใคร ทุกคนต้องจ่าย ‘เวลา’ ในชีวิตออกไปอย่างเท่าเทียมกัน จึงเป็นที่น่าคิดเหมือนกันว่า ด้วยต้นทุนเดียวกันนี้ ใครจะสามารถใช้ได้คุ้มค่ามากกว่ากัน เพราะเงินที่เสียไปเราสามารถหาใหม่ได้ แต่เวลาที่เสียไปไม่สามารถเอากลับคืนมาได้แม้แต่วินาทีเดียว
ในวันนี้ Future Trends อยากชวนมาดู ‘หนึ่งชีวิต’ ของเราได้ใช้เวลาไปกับการทำอะไรบ้าง และคำถามสำคัญคือเรากำลังใช้เวลาในชีวิตอย่างคุ้มค่าจริงๆ หรือเปล่า
จากงานวิจัยหลายฉบับ พบว่ามนุษย์เรามีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 79-80 ปี ด้วยเวลาที่เรามีนี้แต่ละคนต่างต้องมีภาระหน้าที่ และกิจวัตรประจำวันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แตกต่างกันไป เรามาดูกันว่าในช่วงเวลาที่มีนี้ เราใช้เวลาไปกับการทำอะไรบ้าง โดย Future Trends ได้สรุปมาแบบนี้
– ตลอดชีวิตของเราใช้เวลาไปกับการนอนถึง 26 ปี
– สำหรับมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย คุณใช้เวลาชีวิตไปกับการทำงานกว่า 13 ปี 2 เดือน
– เพราะชีวิตคือ การเดินทาง เราใช้เวลาบนท้องถนน และรางรถไฟไปกว่า 6 ปี
– ยุคเทคโนโลยีแบบนี้ เราจะขาด ‘สมาร์ตโฟน’ ไปไม่ได้เลย ซึ่งเราใช้เวลากับหน้าจอเฉลี่ยที่ 10 ปีเต็ม
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่กินเวลาชีวิตของเราไปไม่น้อยเลยคือ ‘งานบ้าน’ โดยเฉพาะงานทำความสะอาด โดยจากการสำรวจของ U.S. Bureau of Labor Statistics พบว่า ในปี 2021 ชาวอเมริกาใช้เวลาไปกับ ‘งานบ้าน’ เฉลี่ยทั้งเพศหญิง และชายอยู่ที่ 1.95 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งหากคนเราเริ่มทำงานบ้านตั้งแต่อายุ 15 ปี จะเสียเวลาชีวิตไปประมาณ 5.2 ปีเลยทีเดียว
ทีนี้เมื่อมาลองคำนวณดูคร่าวๆ แล้ว การปล่อยงานบ้านให้เป็นหน้าที่ของ ‘Roomba® j7+’ จาก iRobot® จะสามารถประหยัดเวลาในชีวิตเราได้รวมแล้วทั้งหมดสูงสุดที่ 8 ปีเลยทีเดียว ซึ่ง 8 ปีในชีวิตเรานี้ สามารถเอาเวลาไปทำอะไรเพิ่มขึ้นได้อีกมาก เรียกได้ว่าเป็นการทวงคืนเวลาชีวิต และนำไปใช้กับสิ่งที่เราอยากทำได้อย่างแท้จริง
โดยตลอดช่วงเวลาที่เรากำลังใช้เวลาที่ได้คืนมาอย่างมีความสุข ก็ไม่ต้องกังวลว่า ‘Roomba® j7+’ จะอยู่เป็นช่วยเราได้ไม่นาน ด้วยอายุการใช้งานสูงสุดที่ 10 ปี และบริการหลังการขายโดยทีมวิศวกรของ iRobot® จากศูนย์บริการทั้ง 2 จุด คือ ที่ iRobot Care เมกาบางนา ชั้น 2 และ โชว์รูมวิภาวดีรังสิต 22 ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่า งานทำความสะอาดบ้านจะไม่ใช่เรื่องที่มาดูดเวลาชีวิตเราไปอีกนานเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่างานบ้านเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กินเวลาชีวิตไม่น้อยเลย เราจึงต้องการผู้ช่วยที่ไว้ใจให้ทำงานได้ในระยะยาว อย่างเช่นหุ่นยนต์ทำความสะอาด ‘Roomba® j7+’ จาก iRobot® ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องมากว่า 30 ปี โดยมีต้นแบบมาจากหุ่นยนต์กู้ระเบิด จึงสามารถทำงานได้อย่างละเอียดอ่อน และประณีต ทำให้เรื่องงานทำความสะอาดบ้านไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหุ่นยนต์ตัวนี้เลย โดยขอสรุปความสามารถ และฟังก์ชันการทำงานของ ‘Roomba® j7+’ ไว้แบบนี้
ระบบนำทางแบบใหม่ – ด้วยกล้องความละเอียดสูง ทำให้ Roomba® j7+ สามารถจดจำรายละเอียดของวัตถุได้มากกว่าหนึ่งแสนภาพ และหลบเลี่ยงเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องได้อย่างชาญฉลาด โดยเรายังสามารถใส่รายละเอียดของวัตถุ เพื่อ ‘สอน’ เจ้าหุ่นให้รู้จักสิ่งต่างๆ ได้ด้วยแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
ระบบทำความสะอาดมีการพัฒนาขึ้น – ใน Roomba® j7+ มีการเพิ่มพลังแรงดูดขึ้นถึง 10 เท่าจากรุ่นปกติ และยังมีระบบ AI อัจฉริยะที่ตรวจจับได้ว่าพื้นที่ตรงไหนสกปรกเป็นพิเศษเพื่อทำความสะอาดซ้ำ และยังช่วยแนะนำการทำความสะอาดเพิ่มเติมให้เหมาะกับบ้านของคุณโดยเฉพาะ
เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนได้ – กำหนดแผนที่เส้นทาง หรือการตั้งค่าให้หุ่นยนต์รู้จักว่าห้องไหนคือห้องอะไร และต้องการทำความสะอาดห้องไหนเป็นพิเศษผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน
เราไม่ต้องสัมผัสกับฝุ่นเลย – เมื่อกักเก็บฝุ่นจนเต็มถังแล้ว Roomba® j7+ จะนำฝุ่นไปส่งต่อให้แท่นกำจัดขยะโดยอัตโนมัติ ซึ่งตัวแท่นนี้มีความจุสูงถึง 30 เท่าของตัวหุ่นยนต์ ทำให้เราไม่ต้องสัมผัสกับฝุ่นไปเป็นหลักเดือนเลยทีเดียว
Sources: https://bit.ly/3EdTkIQ