Type to search

‘Biological Prime Time’ แนวคิดที่ช่วยให้เราสามารถปรับตารางงานให้สอดคล้องกับพลังงานและสมองที่ดีที่สุดในแต่ละวัน เพื่อตามหาความโปรดักทีฟผ่าน ‘เวลาทอง’ ของตัวเอง

January 29, 2025 By chananchida.p

“แปลกจัง ตื่นเช้าทุกวัน แต่ไม่เห็นสดชื่นเหมือนคนอื่นเขาเลย”

เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยตั้งคำถามนี้กับตัวเอง เมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานที่น่าจะตื่นนอนพร้อมๆ กับเรา แต่พวกเขากลับสดชื่นกันเหลือเกิน ในขณะที่เราดันหาวแล้วหาวอีก! 

นอกจากนี้ ก็อาจมีคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่เริ่มตั้งคำถามกับระบบการทำงานแบบกำหนดเวลาอย่างชัดเจน เช่น การทำงาน 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมจริงหรือไม่ ซึ่งเวลาเหล่าดังกล่าว ก็อาจไม่ใช่ช่วงที่เราทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุดจริงๆ นั่นเอง

และนี่คือจุดเริ่มต้นของ ‘Biological Prime Time (BPT)’ กับแนวคิด ที่จะช่วยให้เราสามารถปรับตารางงานให้สอดคล้องกับพลังงานและสมองที่ดีที่สุดในแต่ละวันของตัวเองได้

[ ทำความเข้าใจกับ Biological Prime Time ]

Biological Prime Time คือ ช่วงเวลาที่ร่างกายของเรามีพลังงาน ความตื่นตัว และสมาธิสูงสุด โดยแนวคิดนี้ เกิดจากการศึกษาวงจรชีวภาพ (Biological Rhythms) ของร่างกาย ที่ประกอบด้วย

1. Ultradian Rhythm วงจรที่เกิดขึ้นซ้ำหลายครั้งใน 24 ชั่วโมง เช่น การตื่นตัวระหว่างวัน

2. Circadian Rhythm วงจรที่ใช้เวลา 24 ชั่วโมงเต็ม เช่น การนอนหลับและการตื่น

แล้ว BPT ของเราอยู่ตรงไหนกันนะ?

เวลาทองของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน โดยบางคนอาจทำงานได้ดีที่สุดในช่วงเช้า ในขณะที่บางคนอาจมีสมาธิสูงสุดในช่วงกลางคืน ดังนั้น การเข้าใจ Chronotype สามารถช่วยให้เราปรับตัวได้ง่ายขึ้น

[ หมี สิงโต หมาป่า โลมา สัตว์ตัวไหนที่ใช่เรา ]

Chronotype คือแนวโน้มของแต่ละคนในการตื่น-หลับ และการทำงานที่มีประสิทธิภาพที่สุดในช่วงเวลาหนึ่งของวัน งานวิจัยพบว่า Chronotype มีความสัมพันธ์อย่างมากกับปัจจัยทางพันธุกรรม เช่น ยีน PER3 ที่เกี่ยวข้องกับ Circadian Rhythm โดย Chronotype สามารถจำแนกได้ 4 ประเภท และเราสามารถวิเคราะห์ไทป์ของเราได้ตามลักษณะ ดังนี้

1. Bear (หมี)

Chronotype แบบ Bear เป็นกลุ่มที่พบได้มากที่สุด คิดเป็นประมาณ 55% ของประชากร มักปรับตัวตามแสงแดดได้ดี เหมาะกับการทำงานในเวลาทำการปกติ และสามารถเข้าสังคมในตอนเย็นได้อย่างไม่มีปัญหา

Productivity: 9 – 12 นาฬิกา

2. Lion (สิงโต)

คนที่มี Chronotype แบบ Lion จะเป็นคนที่ตื่นเช้าและมีความกระตือรือร้นในช่วงเช้า เหมาะกับงานที่ต้องใช้พลังงานในตอนเช้า แต่มีแนวโน้มที่จะไม่ถนัดกิจกรรมในช่วงเย็น

Productivity: 6 – 11 นาฬิกา

3. Wolf (หมาป่า)

คนที่มี Chronotype แบบ Wolf คือคนที่เหมือน ‘นกฮูกกลางคืน’ คิดเป็นประมาณ 15% ของประชากร มักจะมีพลังงานในช่วงเย็นมากกว่าในตอนเช้า และมีลักษณะนิสัยที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์และเปิดกว้าง

Productivity: 20 – 2 นาฬิกา

4. Dolphin (โลมา)

Chronotype นี้ได้แรงบันดาลใจจากโลมาที่สามารถตื่นตัวแม้ในขณะที่นอนหลับ คนที่มี Chronotype แบบนี้ มักจะมีปัญหาการนอนหลับและเป็นคนที่เข้าข่าย ‘คนนอนไม่หลับ’ หรือ Insomniac

Productivity: เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาตื่น

[ ขั้นตอนค้นหา Biological Prime Time ของตัวเอง ]

1. บันทึกระดับพลังงานในแต่ละช่วงเวลา
เริ่มต้นด้วยการจดบันทึกพลังงานของคุณในแต่ละวัน เช่น ใช้สมุดบันทึกหรือแอปพลิเคชัน วิเคราะห์พลังงานของคุณ โดยให้คะแนนพลังงานตั้งแต่ 1-5 เพื่อดูว่าเวลาไหนที่เรารู้สึกมีพลังมากที่สุด

2. วิเคราะห์รูปแบบพลังงาน
หลังจากบันทึกครบ 1-2 สัปดาห์ ให้สังเกตช่วงเวลาที่พลังงานพุ่งสูงสุดและช่วงที่ลดลง

3. วางแผนงานให้ตรงกับพลังงานของคุณ
เมื่อทราบช่วงเวลา BPT ของตัวเองแล้ว ให้ลองจัดลำดับงาน ดังนี้

• งานสำคัญและซับซ้อน ทำช่วงที่พลังงานสูงสุด

• งานรูทีน เก็บไว้ทำตอนพลังงานลดลง

4. ทดลองและปรับปรุงแผน
เริ่มใช้แผนนี้และสังเกตผลลัพธ์ หากยังไม่ลงตัว ค่อยๆ ปรับให้เหมาะกับพลังงานในแต่ละวันของตัวเอง และยังสามารถนำมาปรับใช้กับ Chronotype ได้ เช่น

1. Bear (หมี)
แนะนำให้จัดการประชุมหรือทำงานสำคัญในช่วงสาย (ประมาณช่วงสายถึงเที่ยง) หลังมื้อกลางวัน ควรเลือกทำงานเบา ๆ หรือหัวข้อที่ไม่ซับซ้อน เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียดและความเหนื่อยล้าในช่วงบ่ายถึงเย็น

2. Lion (สิงโต)
แนะนำให้วางงานสำคัญหรือการประชุมที่ต้องใช้สมาธิสูงไว้ในช่วงเช้า เพราะเป็นเวลาที่คุณมีประสิทธิภาพสูงสุด หลังเที่ยงวัน ควรเน้นงานเบา ๆ หรืองานเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้ง่าย เพื่อประหยัดพลังงานสำหรับวันถัดไป

3. Wolf (หมาป่า)
แนะนำให้เก็บพลังงานไว้ใช้ในช่วงเย็นหรือค่ำ เพราะสมองจะตื่นตัวและสร้างสรรค์มากขึ้นในช่วงเวลานี้ จัดการงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และพลังงานในช่วงเวลาที่เหมาะสมนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก

4. Dolphin (โลมา)
แนะนำให้ฝึกผ่อนคลายก่อนเวลานอน เช่น หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนสมาธิที่อาจกระตุ้นสมองในช่วงค่ำ ลดการใช้โซเชียลมีเดียและหน้าจอในช่วงก่อนนอน เพื่อปรับปรุงรูปแบบการนอนหลับและลดความคิดกังวลในช่วงดึก

[ ประโยชน์ของการใช้ Biological Prime Time (BPT) ในการกำหนดเวลาทำงาน ]

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานที่สำคัญได้ดียิ่งขึ้น

ลดความเครียด การทำงานสอดคล้องกับพลังงานของร่างกายช่วยลดความอ่อนล้า

พัฒนาสมดุลชีวิต มีเวลาเหลือสำหรับพักผ่อนหรือทำสิ่งที่รัก

มาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนพร้อมที่จะค้นหา BPT ของตัวเองแล้วหรือยัง?!

สำรวจพลังงานของตัวเองตามขั้นตอนที่กล่าวมา และปรับแผนการทำงานให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิต ไม่แน่ เราอาจค้นพบวิธีเปลี่ยนชีวิตการทำงานก็ได้นะ แต่หากลองแล้วยังไม่เวิร์ก ก็ลองศึกษาวิธีจัดการเวลาเพิ่มเติม เช่น Eat the Frog, Time Blocking หรือ Eisenhower Matrix เพื่อเติมเต็มการบริหารเวลาก็ได้เหมือนกันนั่นเอง

เขียนโดย ชนัญชิดา พลอยพลาย

#FutureTrends #FutureTrendsetter

Sources:

Boost Your Productivity with the Biological Prime Time Method

https://hubstaff.com/blog/biological-prime-time/#h-what-is-biological-prime-time

Make The Most Out Of Your Day Based On Your Chronotype

https://emma-sleep.ca/blogs/lifestyle/make-most-day-based-on-chronotype