5 เทรนด์ Social Impact ที่จะส่งผลต่อ Chief Marketing Officers ในปี 2024
Future Trends พาไปส่องกระแส Social Impact ที่จะส่งผลต่อกลุ่มผู้ทำงานในสายงานการตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Chief Marketing Officers ว่าในปี 2024 จะต้องรับมือกับอะไรบ้าง?
[ 5 Trends Social Impact ]
[ 1.Cooperation Over Competition ร่วมมือกันมากกว่าจะแข่งกัน ]
เมื่อผลกระทบทางสังคมเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญ กลุ่มคู่แข่งด้านธุรกิจจึงเลือกที่จะจับมือกันสร้างโครงการที่ริเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เช่น Take The Footwear Collective กลุ่มคู่แข่งในธุรกิจรองเท้า (Brooks, New Balance, On, Vibram, Crocs, Ecco, Reformation และ Target) ละทิ้งการแข่งขันและร่วมมือกันสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมรองเท้า
หรือจะเป็นการแสวงหาผลกำไรจากองค์กรไม่หวังผลกำไร อย่างโครงการ WSL One Ocean ของ World Surf League ซึ่งมีจุดหมายเพื่อการปกป้องมหาสมุทร เพื่อรักษาให้กับคนรุ่นหลังได้รับประสบการณ์การเล่นเซิร์ฟอย่างปลอดภัยและยั่งยืน
ถ้าคุณอยู่ในตำแหน่ง CMO แล้วยังมองแต่เรื่องการแข่งขันทางธุรกิจ สักวันหนึ่งที่สิ่งแวดล้อมไม่เหลือความยั่งยืนอีกแล้ว ธุรกิจของคุณก็จะไม่มีความหมายในการแข่งขันเลย
[ 2.Retail Circularity การหมุนเวียนการค้าปลีก ]
การรีไซเคิลจะถูกแทนที่ด้วย ‘การหมุนเวียนการค้าปลีก’ โดยที่แบรนด์จะซื้อสินค้าคืนจากลูกค้าที่ไม่ใช้อีกต่อไป หลังจากนำไปปรับคุณภาพอย่างเข้มข้น ผู้ค้าปลีกจะเพิ่มสินค้ากลับเข้าไปในคลังสินค้า เพื่อให้ลูกค้าใหม่สามารถซื้อสินค้าเก่าได้ สิ่งนี้ไม่เพียงเปิดแหล่งรายได้ใหม่สำหรับแบรนด์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดความต้องการวัสดุใหม่ที่บริสุทธิ์อีกด้วย
Poshmark เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในพื้นที่ Re-Commerce (การนำสินค้าเก่ามาขายใหม่) “การหมุนเวียนไม่ได้เป็นเพียงคำศัพท์ที่สงวนไว้สำหรับบริษัทและแบรนด์เฉพาะกลุ่มเท่านั้น” Kelly Mason หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของ Poshmark กล่าว
“ผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ยาวนาน และพวกเขาต้องการทราบว่าตนเองมีตัวเลือกในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม”
ถ้าคุณอยู่ในตำแหน่ง CMO และยังมองเรื่องการ Recycle อยู่อาจจะทำให้คุณตามเทรนด์ไม่ทันสมัย และไม่สามารถทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
[ 3.Stricter Regulation กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น ]
คำสั่งการรายงานความยั่งยืนขององค์กรของสหภาพยุโรป หรือที่รู้จักในชื่อ ‘CSRD’ มีผลบังคับใช้ในปี 2023 โดยกำหนดให้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีการค้าขายในตลาดหลักทรัพย์ในยุโรปติดตามและเปิดเผยตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน
ฝ่ายบริหารของ Biden มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตาม บริษัทอเมริกันหลายแห่งที่ดำเนินธุรกิจในสหภาพยุโรปผูกพันตามกฎหมายกับข้อบังคับนี้แล้ว จากข้อมูลของ PwC “การรายงานความยั่งยืนแบบรวมบัญชีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ที่ไม่ใช่สหภาพยุโรปในระดับโลก หากบริษัทสร้างรายได้จำนวนหนึ่งในสหภาพยุโรปและมีสาขาย่อยหรือสาขาในสหภาพยุโรปอย่างน้อยหนึ่งแห่งที่ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด ”
ผู้สนับสนุนคะแนนความยั่งยืนขององค์กรกล่าวว่าข้อมูลนี้ช่วยให้บริษัทต่างๆ ตัดสินใจได้ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทต่างๆ ใช้ข้อมูลและการคาดการณ์ในการซื้อสินค้า กำหนดรูปแบบแคมเปญการตลาด และลดความเสี่ยง พวกเขาจึงอาจใช้ประโยชน์จากข้อมูลผลกระทบทางสังคมเพื่อสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“ในฐานะผู้ปฏิบัติงาน แทนที่จะมองว่ากฎระเบียบเหล่านี้เป็นข้อจำกัด เราควรพิจารณาว่าสิ่งเหล่านี้เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกเพื่อยกระดับความมุ่งมั่นของเราต่อความรับผิดชอบต่อสังคมและปกป้องโลก” Christina Beckman ผู้จัดการอาวุโสของ ESG ที่ Culligan International กล่าว
เทรนด์นี้ในประเทศไทยค่อนข้างให้ความสำคัญอยู่มาก หลายๆ องค์กรใหญ่ๆ ต่างก็ให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ความยั่งยืน
[ 4.Impact Investing การลงทุนเพื่อสร้างผลกระทบ ]
“บริษัทที่ประสบความสำเร็จทางการเงินที่รวมลำดับความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืน เข้ากับกลยุทธ์การเติบโตของพวกเขามีประสิทธิภาพเหนือกว่าบริษัทอื่น” รายงานของ McKinsey กล่าว การลงทุนใน ESG ระดับองค์กรนั้นคุ้มค่า และมันก็ไม่แตกต่างกันสำหรับนักลงทุนรายย่อย
กล่าวคือ ผู้บริโภคที่ใส่ใจทางการเมืองจะสนใจน้อยลงว่าผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์อย่างไร และสนใจมากขึ้นว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะได้รับผลกระทบอย่างไร พวกเขาต้องการทราบว่าใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนที่มีผลกระทบ ผลลัพธ์ใดบ้างที่เป็นรูปธรรม และให้แน่ใจว่าการใช้จ่ายได้รับการจัดสรรอย่างมีความหมาย
การลงทุนเพื่อสร้างผลกระทบเป็นหนทางที่สามารถเสนอผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะทำได้ยากในโครงสร้างระบบราชการ เช่น องค์กรไม่แสวงผลกำไรและหน่วยงานภาครัฐ แต่ถ้าหากทำให้เกิดขึ้นได้จะเป็นผลดีอย่างมากต่อองค์กร
[ 5.Ethical AI Utilization การใช้ AI อย่างมีจริยธรรม ]
ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการรองรับทางกฎหมายในผลงานของปัญญาประดิษฐ์ ความกังวลว่าจะโดนแย่งงาน และความกลัวที่ไร้สาระว่าปัญญาประดิษฐ์จะสร้างสงครามนิวเคลียร์ได้ด้วยตัวเองแบบในภาพยนตร์ ส่งผลให้การใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในโลกความเป็นจริงถูกตราหน้าว่าเป็นสิ่งที่ผิด เป็นสิ่งไม่ดี และเป็นการกระทำที่ปราศจากจริยธรรม
แต่หารู้ไม่ว่าในโลกความเป็นจริงแล้วการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างถูกต้องสร้างสิ่งดีๆ มากมาย เช่น Unilever ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติในกระบวนการจ้างงานที่ยุติธรรมและครอบคลุมมากขึ้น จัดการกับการจ้างงานโดยควบคุมอคติที่ซ่อนอยู่ซึ่งทำให้ผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยไม่ได้รับการสัมภาษณ์งาน
หากคุณอยู่ในตำแหน่ง CMO แล้วยังไม่สามารถใช้งานปัญญาประดิษฐ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้คุณกำลังจะเจอกับปัญหาใหญ่แน่นอน
Social Impact ทั้ง 5 เทรนด์ ส่งผลในภาพรวมของการทำการตลาดในปี 2024 ซึ่ง CMO จะต้องติดตามกระแสต่างๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อการก้าวน้ำและเป็นหนึ่งกับเทรนด์ ทันสมัยและพาองค์กรเดินทางไปในทิศที่ถูกต้อง
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์