LOADING

Type to search

“ลองทำเองดูก่อนเลยนะ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาสอนเลย” 30x Rule ว่าด้วยเหตุผล ทำไมยิ่งไม่สอนงานลูกน้อง ยิ่งเสียเวลา

“ลองทำเองดูก่อนเลยนะ ตอนนี้ยังไม่มีเวลาสอนเลย” 30x Rule ว่าด้วยเหตุผล ทำไมยิ่งไม่สอนงานลูกน้อง ยิ่งเสียเวลา
Share

“เข้ามาทำงานแล้วไม่มีใครสอนงานเลย กดดัน เครียดไปหมด ไม่รู้จะจับต้นชนปลายจากตรงไหนก่อนดี นี่ขนาดเพิ่งทำได้แค่ไม่กี่วันก็อยากลาออกแล้ว”

โควตคำพูดข้างต้นนี้ไม่ใช่เรื่องสมมติแต่อย่างใด แต่เป็นโควตคำพูดความเจ็บปวดจริงที่อาจจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ออฟฟิศ ‘หน้าใหม่’ บางคนในบริษัทบางแห่ง รวมไปถึงตัวผู้เขียนเองก็เคย Suffer กับประสบการณ์แบบนี้มาแล้วเช่นกัน ฮ่า

ในช่วงแรกๆ ที่เราเป็นพนักงานใหม่ เต็มไปด้วยพลัง และไฟอันแรงกล้า ตามปกติแล้ว หลายๆ คนมักจะคาดหวังว่า จะมีระบบที่ดี มีคนคอยสอนงานเป็นอย่างดี แต่พอไปถึงปุ๊บ กลับพบว่า สิ่งต่างๆ ไม่เป็นอย่างที่คิด เจอการทำงานประเภทจับโยนลงทะเล ทั้งที่บางทีเราเองก็อาจจะยังว่ายน้ำไม่แข็ง หรือทำไม่เป็นเลยสักนิด

โดยก็อาจจะเป็นได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการไม่มีแผนการสอนงานที่ชัดเจน หรือต่อให้มีรุ่นพี่ที่เป็น Buddy เขาก็ไม่ได้ใส่ใจรุ่นน้องสักเท่าไร เอาแต่สั่งแล้วปล่อยให้ทำด้วยตัวเอง แต่ที่หนักที่สุดก็คือ ลูกน้องบางคนไม่เคยเรียน ไม่เคยทำ และไม่เคยผ่านงานสเกลแบบนี้มาด้วยซ้ำ

30x-rule-reason-to-training-your-employee 1

ซึ่งพอบวกกับปริมาณงานที่ถาโถมเยอะๆ เข้า นี่เลยทำให้หลายๆ ครั้งรู้สึกหงุดหงิดใจ เกิดเสียงในหัวทำนองว่า เพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่วัน ทำไมถึงไม่สอนงาน จะให้รู้ทุกอย่างเหมือนคนที่อยู่มาเป็นปีก็ไม่ใช่รึเปล่า และท้ายที่สุดแล้ว หากพลาด เสียหายขึ้นมาก็ต้องมาก้มหน้ารับชะตากรรมกันอีกไม่ใช่เหรอ?

สำหรับใครที่กำลังเจอสถานการณ์แบบนี้อยู่ แนะนำให้ทำใจร่มๆ ไว้ก่อน เพราะจริงๆ แล้ว เรื่องนี้สามารถตีความได้หลายมุมมอง มุมแรกคือ หัวหน้าอาจจะไม่ได้งกความรู้ ไม่ได้กลัวเราเก่งกว่า แต่แท้จริงแล้ว เขาอาจจะไม่มีเวลาสอนจริงๆ เพราะประชุมยุ่งมาก งานเดือดมากก็ได้

ส่วนมุมที่สองคือ บางทีในอดีตหัวหน้าอาจจะถูก Treat มาแบบนี้ รู้สึกว่า ก็ฉันเคยโดนมาแบบนี้ยังผ่านมาได้เลย น้องก็ต้องผ่านมันไปให้ได้เช่นกัน คล้ายกับการเปิดเสียง I will survive ให้วนในหัวลูกน้องอย่างเราๆ และคาดหวังความเป็นมืออาชีพในการทำงานนั่นเอง

30x-rule-reason-to-training-your-employee 2

รอรี วาเดน (Rory Vaden) เคยพูดถึงประเด็นดังกล่าวกับเลอร์วิส ฮาว (Lewis Howes) ในพอดแคสต์รายการ The School of Greatness ตอน How to multiply your time & income? ไว้อย่างน่าสนใจว่า “ทุกครั้งที่เราสอนงานให้ใครบางคนทำแทน นั่นไม่ใช่การเสียเวลา แต่จริงๆ แล้ว เป็นการเพิ่มเวลาในอนาคตให้ตัวเองต่างหาก”

30x Rule คือกฎที่บอกว่า หัวหน้าควรใช้เวลา 30 เท่าของงาน หรือกิจกรรมนั้นในการสอนลูกน้องให้ทำงานแทน อย่างเช่น ปกติใช้เวลาทำงานนั้นให้เสร็จแค่ 5 นาทีต่อวัน ให้เอากฎ 30x Rule มาใช้ นำ 30 ไปคูณกับ 5 นาที ผลลัพธ์จะออกมาเป็น 150 นาที หรือ 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งก็คือเวลาที่หัวหน้าควรจะใช้สอนงานลูกน้อง

เขาเสริมว่า แทนที่จะบอกว่า ไม่มีเวลา ให้หัวหน้าลองคิดมุมกลับว่า งานที่ทำอาจจะแค่ 5 นาทีต่อวัน แต่ถ้ารวมเป็นปีแล้ว เมื่อ 5 นาที คูณ 250 วันทำงานทั้งปี แปลว่า คุณต้องเสียเวลามากถึง 1,250 นาที ในทุกๆ ปี การทำแบบนี้จะช่วย Delegate งานที่เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญมาก ทำให้คนเป็นหัวหน้ามีเวลามากขึ้น

นอกจากนี้ เขายังอธิบายถึงกฎนี้บนเว็บไซต์ของ American Association Management ด้วยว่า การลงทุนเวลาแค่ 150 นาที ถือเป็นการใช้เวลาที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะการแบ่งเวลาแค่ 2 ชั่วโมงครึ่งจะช่วยประหยัดเวลา 1 ปีหลังจากนั้นได้ถึง 733 เปอร์เซ็นต์ของผลตอบแทนการลงทุนในเวลา (Return on time investment หรือ ROTI) เลยทีเดียว

หรือสรุปง่ายๆ ว่า ยิ่งหัวหน้าสอนงานมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ในทางกลับกัน ยิ่งหัวหน้าไม่สอนงานมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการทำให้ตัวเองเสียเวลามากตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการต้องเสียเวลามาทำเอง หรือเสียเวลาตามแก้ความผิดพลาดก็ตาม

และหากมองให้ลึกลงไปอีกขั้น การสอนงานก็ไม่ใช่แค่เพิ่มเวลา ทำให้ลูกน้องทำงานเป็น และไม่ต้องเสียเวลาหาลูกน้องคนใหม่ แต่ในความเป็นจริง ก็ยังเป็นการ Groom คนคนหนึ่ง สร้างหัวหน้าที่ดีคนต่อไปไปพร้อมๆ กัน เหมือนกับที่ทอมป์ ปีเตอร์ (Tom Peters) เคยกล่าวไว้ว่า “Leaders don’t create followers, they create more leaders.” ผู้นำไม่ได้สร้างผู้ตาม พวกเขาสร้างผู้นำมากขึ้นนั่นเอง

งานแต่ละบริษัทต่างกัน แม้จะเป็นตำแหน่งเดียวกัน ระดับเดียวกัน สเกลบางอย่างก็อาจจะไม่เหมือนกันบ้างอยู่ดี การมีหัวหน้าที่ดี ที่คอยสอนงาน ประคมประหงมนับเป็นกำไรชีวิต แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีแบบนั้นเสมอไป ไม่ใช่หัวหน้าทุกคนที่จะว่าง พร้อมเป็นครูผู้ให้ สอนนักเรียนตลอด

เพราะฉะนั้น อีกทริกที่อยากแนะนำก็คือ พยายามวิ่งในลู่ของตัวเองให้ดี ทำทุกอย่างให้เต็มที่ เปลี่ยนตัวเองใหม่ จากฝ่ายรับเป็น ‘ฝ่ายรุก Proactive ให้มากขึ้น’ ลองปรับ Mindset ว่า ‘ทุกคนเป็น Mentor ของเราได้หมด’ ทั้งเพื่อนร่วมงาน หรือรุ่นพี่ ขอคำแนะนำ ฟีดแบ็คจากพวกเขาแล้วเก็บไปพัฒนาต่อ จริงๆ แล้ว วิธีนี้อาจจะทำให้คุณสนุกไปอีกแบบก็ได้นะ 🙂

Sources: https://apple.co/3PDIazT

https://bit.ly/3C0SYoq

https://bit.ly/3Pxdxfq

Tags::
Chompoonut Suwannochin

อดีตเด็กฝึกงาน และ Content Creator ประจำเพจ Future Trends จบเอก Creative และการจัดการวัฒนธรรมจากรั้วเหลืองแดง ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ มี ‘Sarah Salola กับ Jixgo’ เป็นศิลปินคนโปรด เวลาว่างชอบชุบชูใจด้วยการกิน และการไปติ่ง

  • 1

You Might also Like