Type to search

กว่า 1,000 วัน ที่โลกเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะ ChatGPT

December 01, 2025 By Kim
GPT3Year

ทุกครั้งที่เทคโนโลยีเดินถึงจุดหักศอก มนุษย์มักจะได้เห็นภาพของโลกในมุมมองแบบใหม่ ตั้งแต่การมาของอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟนก็เช่นเดียวกัน และวันนี้เรากำลังยืนอยู่ในอีกหนึ่งช่วงเวลา ที่ประวัติศาสตร์อาจบันทึกไว้ว่าเป็น “ยุคแห่งการตื่นรู้ของปัญญาประดิษฐ์”

ตั้งแต่ปลายปี 2022 เป็นต้นมา การมาถึงของ Generative AI โดยเฉพาะ ChatGPT จาก OpenAI ไม่ได้เป็นเพียงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สู่โลก แต่คือการเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน ความคิด ความเชื่อ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยีไปอย่างสิ้นเชิง การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในระดับที่หลายคนยังตั้งตัวไม่ทัน และทรงพลังมากพอจะเปลี่ยนแปลงระบบต่างๆ ในสังคมได้

ในวาระครบรอบ 3 ปี เราได้ใช้ชีวิตร่วมกับ ChatGPT มามากกว่า 1,000 วันแล้ว วันนี้ Future Trends จะพาผู้อ่านทุกท่านไปร่วมเดินทางผ่านไทม์ไลน์ของ ChatGPT อย่างละเอียด เพื่อชี้ให้เห็นจุดเปลี่ยน (Turning Points) ที่กลายเป็นเสาหลักของการเปลี่ยนโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม

[ เปิดตัวไม่แรง แต่ดังก้องไปทั่วโลก ]

30 พฤศจิกายน 2022 คือวันที่ ChatGPT เปิดตัวในฐานะ ‘Research Preview’ อินเทอร์เฟซสนทนาเรียบง่ายที่วางอยู่บน GPT-35 ซึ่งในความรู้สึกแรกของเรา มันอาจไม่ต่างอะไรจากระบบแชทบอตที่เคยเห็นมาแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้มันกลายเป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ไม่ใช่ความฉลาดของโมเดล แต่เป็นการเข้าถึงที่ง่ายมาก และการปรับแต่งพฤติกรรม ผ่านเทคนิค Reinforcement Learning from Human Feedback (RLHF) ที่ทำให้ AI สนทนาได้เหมือนมนุษย์ ขอโทษเป็น แก้ไขตัวเองเป็น และรู้จักปฏิเสธสิ่งที่อาจสร้างอันตรายได้

นี่คือครั้งแรกที่ AI ไม่ใช่สิ่งที่อยู่หลัง API แต่กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารใช้งานได้ ผ่านหน้าเว็บธรรมดาๆ เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในธุรกิจซอฟต์แวร์ ภายใน 5 วันแรก ChatGPT มีผู้ใช้งานแตะ 1 ล้านคน และพุ่งทะยานสู่ 100 ล้านคนภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2023

ตัวเลขเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงสถิติ แต่คือหลักฐานว่ามนุษย์พร้อมเปิดพื้นที่ให้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาอยู่ในชีวิต หากมันถูกออกแบบมาให้เข้าถึงง่าย และเป็นธรรมชาติ

[ จากเทคโนโลยีที่ผู้คนใช้งานเล่นๆ สู่เครื่องมือธุรกิจเต็มรูปแบบ ]

ครึ่งแรกของปี 2023 คือช่วงเวลาที่ ChatGPT เปลี่ยนภาพลักษณ์จาก “เทคโนโลยีทดลองที่น่าตื่นเต้น” ไปเป็น “เครื่องมือทำงานจริง” ที่องค์กรทั่วโลกเริ่มหยิบไปใช้

– กุมภาพันธ์ 2023 OpenAI เปิดตัว ChatGPT Plus ที่มีค่าสมัครรายเดือน 20 ดอลลาร์ (ประมาณ 700 บาท) โมเดลราคาที่กลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา และพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้คนยินดีจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงความฉลาดที่เหนือกว่าในรูปแบบ Subscription

– จากนั้นในเดือนมีนาคม การเปิดตัว GPT-4 ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในด้านความสามารถในการให้เหตุผล (Reasoning) และความแม่นยำ เราได้เห็นจุดเปลี่ยนทางสติปัญญาของ AI ผ่านการเปิดตัวโมเดลใหม่นี้ทำให้ขอบเขตความเข้าใจของมนุษย์ต่อ AI เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

นี่คือช่วงเวลาที่ทั้งโลกเริ่มตระหนักว่า AI สามารถนำมาใช้ในการทำงานได้ และความสำเร็จของ ChatGPT จุดชนวนบางอย่างให้กับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ 

– Google เร่งเปิดตัว Gemini (เมื่อก่อนมีชื่อว่า Bard)

– ในขณะที่ Microsoft ร่วมลงทุนกับ OpenAI บูรณาการ AI ลงใน Bing และ Office 365 แบบเร่งด่วน ผู้เล่นรายใหญ่ทุกคนต้องเคลื่อนไหว ไม่เช่นนั้นเสี่ยงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

– ในอีกด้านหนึ่ง สังคมก็เดือดพล่านไม่แพ้กัน โรงเรียนและมหาวิทยาลัยหลายแห่งประกาศแบนการใช้งาน ChatGPT เพราะกังวลว่าการบ้าน รายงาน หรือแม้แต่ความเข้าใจของนักเรียน อาจถูก AI ทำแทนทั้งหมด

– เว็บไซต์ Stack Overflow สั่งห้ามไม่ให้โพสต์คำตอบที่มาจาก AI เพราะปัญหาความถูกต้องและความรับผิดชอบ

นี่คือช่วงเวลาที่โลกเพิ่งเริ่มเรียนรู้ว่า “ประโยชน์ และความเสี่ยง” ของ AI สามารถเกิดขึ้นได้พร้อมๆ กัน และที่สำคัญมนุษยชาติกำลังทดลองใช้เทคโนโลยีที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยไม่ทันตั้งตัว

[ 2024 การวิวัฒนาการสู่ Multimodality ของ ChatGPT ]

ปี 2024 คือปีที่ ChatGPT แทบจะไม่ใช่แชทอัจฉริยะเพียงอย่างเดียว มันกลายเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับ ‘Omni-model’

การเปิดตัว GPT-4o (Omni) ในเดือนพฤษภาคม 2024 คือจุดเปลี่ยนที่สั่นสะเทือนที่สุดของปี โมเดลนี้ถูกออกแบบตามแนวคิด End-to-End Multimodality ไม่ใช่แค่การนำโมเดลหลายตัวมาต่อกัน แต่เป็นโมเดลเดียวที่สามารถรับรู้ข้อความ เสียง และภาพ ได้พร้อมกันแบบเรียลไทม์

สิ่งที่โลกเห็นในวันนั้นเหมือนกับความรู้สึกใหม่ พวกเราตกใจกับ AI ที่สามารถฟังน้ำเสียง แปลอารมณ์ ขัดจังหวะได้อย่างเป็นธรรมชาติ และตอบกลับด้วยความลื่นไหลเหมือนการสนทนากับคนจริงๆ

นี่ไม่ใช่แค่พัฒนาการด้านความสามารถ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงของ ChatGPT อย่างชัดเจน จากที่เคยเป็นแค่เครื่องมือค้นหาข้อมูล สู่คู่สนทนาที่มีบุคลิก หรือจากแชตบอต สู่ผู้ช่วยส่วนตัวที่ดูจะเข้าใจเรามากขึ้นเรื่อยๆ

และเมื่อเทคโนโลยีที่มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ย่อมมีความท้าทายใหม่ๆ รอให้เผชิญ โลกเริ่มตั้งคำถามเรื่องความผูกพันทางอารมณ์ ความเหงา และความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างมนุษย์กับ AI ซึ่งกำลังกลายเป็นประเด็นทางจริยธรรมที่ละเอียดอ่อนขึ้นทุกปี

[ กลางปี 2024 ChatGPT ขอท้าทายบัลลังก์ Search Engine ]

กลางปี 2024 คือช่วงเวลาที่ OpenAI ประกาศสงครามในอาณาจักรที่ Google ครอบครองมากว่า 20 ปี ในโลกของ Search Engine

กรกฎาคม 2024 SearchGPT เปิดตัวขึ้นมา และไม่นานหลังจากนั้นก็ถูกบูรณาการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ในการใช้ ChatGPT

SearchGPT นำเสนอรูปแบบการค้นหาที่เปลี่ยนจาก ‘List of Links’ เป็น ‘Direct Answers with Citations’ การมอบคำตอบให้โดยตรงพร้อมอ้างอิง ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาคลิกเข้าเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูลอีกต่อไป แต่ได้รับข้อมูลที่สังเคราะห์มาแล้ว สิ่งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมสื่อและ Publishers ที่สูญเสีย Traffic และรายได้จากการโฆษณา นำไปสู่การฟ้องร้องและการเจรจาขอส่วนแบ่งลิขสิทธิ์ที่ดุเดือดขึ้น

[ 2025 การเดินทางสุดซับซ้อน และเส้นทางแห่งความท้าทายในอนาคต ]

ปี 2025 ถือเป็นปีที่เทคโนโลยี AI เต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งในด้านของขอบเขตความสามารถ และผลกระทบเชิงลบ ที่เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนจนกลายเป็นประเด็นทางสังคม

อีกทั้งยังเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย โดยเราขอสรุปการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของ ChatGPT ในปี 2025 จนถึงปัจจุบัน

– มกราคม 2025 เปิดตัว ‘o3-mini-high’ โมเดลรุ่นเล็กที่เน้นประสิทธิภาพการให้เหตุผลสูง สำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำ แต่อยากจะประหยักพลังงานด้วย

– 5 กุมภาพันธ์ 2025: ‘The Great Memory Failure’ จุดเปลี่ยนเชิงลบที่มาจากการอัปเดตระบบ Backend ทำให้ระบบความจำระยะยาว (Long-term Memory) ของผู้ใช้จำนวนมากสูญหายหรือเสียหาย

– กุมภาพันธ์ 2025: ‘GPT-45’ การอัปเกรดโมเดลใหญ่ในตระกูล GPT-4 ที่เน้นความสามารถในการเข้าใจบริบทที่ยาวขึ้น และลดอาการ Hallucination ลง

– เมษายน 2025: ‘GPT-41 & 41 mini’ การปรับปรุงโมเดลเพื่อลดต้นทุนให้นักพัฒนา และเป็นรากฐานให้กับการสร้าง AI Agent จำนวนมาก

– พฤษภาคม 2025: ‘GPT-5’ เริ่มปล่อยโมเดลเรือธงรุ่นใหม่ให้กับผู้ใช้กลุ่ม Enterprise และ Pro ยกระดับความฉลาดสู่ ‘PhD Level’ ในเกือบทุกโดเมนความรู้

– มิถุนายน 2025: ‘o3-pro’ โมเดลการใช้เหตุผลรุ่นโปรที่สามารถใช้เครื่องมือ (Tools) เช่น Web Browsing และ Python ได้อย่างเชี่ยวชาญเพื่อแก้ปัญหาซับซ้อน

– กันยายน 2025: ‘Sora 2’ การเปิดตัวโมเดลสร้างวิดีโอจากข้อความรุ่นที่ 2 ที่สมจริงจนแยกยากมากยิ่งขึ้น พร้อมบูรณาการเข้ากับ ChatGPT โดยตรง ทำให้การสร้างใช้งานเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น

– ตุลาคม 2025: Workspaces & Canvas ฟีเจอร์สำหรับการทำงานร่วมกันเป็นทีม เปลี่ยน ChatGPT จากแชทส่วนตัวเป็นพื้นที่ทำงานร่วม (Co-working space)

– 19 พฤศจิกายน 2025: ‘GPT-51 Pro’ การอัปเกรดล่าสุดที่เพิ่มความชัดเจน และความสามารถในการทำงานซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น

– 24 พฤศจิกายน 2025: ‘Shopping Research’ ฟีเจอร์ใหม่ที่เปลี่ยน ChatGPT ให้เป็นผู้ช่วยชอปปิงที่สามารถเปรียบเทียบสินค้าและค้นหาดีลที่ดีที่สุดได้

ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในปี 2025 จวบจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน แต่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ก็มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่สร้างผลกระทบเชิงลบให้กับผู้ใช้งานอย่างใหญ่หลวง

[ วิกฤตการณ์ ‘ความจำล้มเหลว’ ]

ตามที่เราได้บอกไปข้างต้นเกี่ยวกับ ‘The Great Memory Failure’ จุดเปลี่ยนเชิงลบที่มาจากการอัปเดตระบบ Backend ทำให้ระบบความจำระยะยาว (Long-term Memory) ของผู้ใช้จำนวนมากสูญหายหรือเสียหาย

การอัปเดต Memory Architecture ครั้งใหญ่ของ OpenAI ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความสามารถด้านความจำของระบบ กลับเกิดข้อผิดพลาดรุนแรง จนส่งผลให้ข้อมูลความจำระยะยาวของผู้ใช้จำนวนมากหายไป บางส่วนเสียหายจนกู้คืนไม่ได้

ผู้ใช้ที่เคยมีประวัติการทำงานหลายปีร่วมกับ AI ตั้งแต่ชื่อคนในทีม โปรเจกต์ที่ทำร่วมกัน ไปจนถึงลิสต์เป้าหมายส่วนตัว ต้องตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ChatGPT ที่เคยใช้อยู่ทุกวันนั้นกลายเป็นคนแปลกหน้า ที่จำอะไรเกี่ยวกับเราไม่ได้เลย มันไม่รู้จักชื่อเจ้าของ ไม่รู้ว่าเคยคุยเรื่องอะไร และความไว้วางใจที่สั่งสมมานานก็พังทลายในพริบตา

แพลตฟอร์มโซเชียลเต็มไปด้วยการประท้วง แฮชแท็กเรียกร้องให้กู้คืนข้อมูล และจดหมายเปิดผนึกถึง OpenAI ที่สะท้อนปัญหาและความเจ็บปวดของผู้ใช้จำนวนมากที่ ‘ไว้ใจ’ หลายคนเรียกร้องสิทธิ์ในการดาวน์โหลดความทรงจำของตัวเอง เพื่อไม่ให้ความทรงจำดิจิทัลถูกผูกขาดอยู่บน Cloud ของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ข้อมูลที่เราฝากไว้กับ AI ไม่ได้มีความมั่นคงแม้แต่น้อย

[ การก้าวกระโดดทางวิทยาศาสตร์ด้วย GPT-5 ]

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปีโลกก็ได้เห็นภาพอีกด้านของ AI ภาพที่เปี่ยมด้วยความหวังและศักยภาพทางวิทยาศาสตร์

เดือนพฤศจิกายน 2025 OpenAI เผยแพร่รายงานที่ชี้ว่า GPT-5 ได้ก้าวข้ามบทบาทผู้ช่วยค้นข้อมูล และเริ่มแสดงศักยภาพในฐานะผู้ร่วมวิจัย (Co-researcher) อย่างแท้จริง

GPT-5 สามารถ

– ทบทวนงานวิจัยจำนวนมหาศาลในระดับที่มนุษย์ทำไม่ได้

– เชื่อมโยงแนวคิดกระจัดกระจายเข้าเป็นองค์ความรู้ใหม่

– ค้นพบผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่แล้วได้ด้วยตนเอง

การค้นพบซ้ำอย่างอิสระ หรือ Independent Rediscovery นี้คือสัญญาณเชิงวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นว่า AI เริ่มมีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ใหม่จากข้อมูลดิบ ไม่ใช่เพียงทำหน้าที่สรุปสิ่งที่มนุษย์เคยรู้มาก่อน

ความสำคัญของมัน คือการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของ Scientific Acceleration ยุคที่การค้นพบยาชนิดใหม่ วัสดุศาสตร์รุ่นต่อไป หรือเทคโนโลยีรับมือโลกร้อน อาจไม่ต้องใช้เวลาเป็นสิบปีเหมือนที่ผ่านมา แต่ลดเหลือเพียงไม่กี่เดือน ด้วยพลังของ AI

นี่คือภาพสะท้อนสองขั้วของปี 2025 ปีที่มนุษย์ได้เรียนรู้ทั้ง “ความเปราะบางของ AI และศักยภาพมหาศาลที่สามารถเปลี่ยนทิศทางของวิทยาศาสตร์มนุษยชาติ” ไปพร้อมๆ กัน

[ จุดเปลี่ยนสำคัญจากการใช้ชีวิตร่วมกับ ChatGPT มามากกว่า 1,000 วัน ]

เมื่อเรามองเส้นทางการเดินทางตลอด 3 ปีที่ผ่านมาของ ChatGPT สิ่งที่ชัดเจนที่สุดไม่ใช่แค่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่คือจุดเปลี่ยนที่พลิกพฤติกรรมมนุษย์ อุตสาหกรรม และระบบสังคม โดยเราจะมานั่งดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

1️⃣ จุดเปลี่ยนที่ 1 จาก Chatbot สู่ Agent (The Shift to Agency)

ปลายปี 2024 ถึงตลอดทั้งปี 2025 คือช่วงเวลาที่ ChatGPT กลายเป็นผู้ช่วยอย่างเต็มตัว ด้วยการมาถึงของความสามารถแบบ Agentic เช่น

– Work with Apps บน macOS ที่ทำให้ ChatGPT ควบคุมแอปได้

– Instant Checkout บน Shopify ที่ให้ AI สั่งซื้อสินค้าแทนมนุษย์แบบอัตโนมัติ

มันคือช่วงเวลาที่ AI มีอำนาจกระทำสิ่งต่างๆ ในโลกดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม จับต้องได้ และเริ่มกลายเป็นแรงงานดิจิทัลที่ทำงานแทนมนุษย์ในระดับปฏิบัติการได้ดียิ่งขึ้น

มนุษย์เริ่มขยับจากบทบาทผู้ลงมือทำ ไปสู่ผู้กำกับดูแล เรายกระดับประสิทธิภาพงานได้ดีมากขึ้น แต่ต้องแลกกับความจริงที่ว่า ทักษะพื้นฐานของตัวเราเองค่อยๆ เลือนหายไป จากที่เคยคิดได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี แต่หากคุณย้อนดูตัวเองในตอนนี้มันจะมีเศษเสี้ยวหนึ่งในความคิด ว่าเราต้องใช้ AI ทำงานแทนเพื่อความเร็วและความสะดวก

ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ยุคของ Agent ไม่ได้ทำให้มนุษย์ไร้ความสามารถ แต่มันทำให้เราถามตัวเองมากขึ้นว่า “อะไรคือทักษะที่มนุษย์จะยังทำได้ดีกว่า AI?”

2️⃣ จุดเปลี่ยนที่ 2 สงครามลิขสิทธิ์และข้อมูล (The Data & Copyright Wars)

คดีความ The New York Times vs OpenAI ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปลายปี 2023 และลากยาวจนถึงปลายปี 2025 คือหนึ่งในการต่อสู้ทางกฎหมายที่สำคัญที่สุดของยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่

ปี 2025 ศาลมีคำสั่งให้ OpenAI เก็บรักษา Log การสนทนาของผู้ใช้จำนวนมหาศาล เพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดี สิ่งนี้ทำให้ข้อมูลที่เคยถือว่าเป็นส่วนตัว กลายเป็นสิ่งที่ถูกใช้ในชั้นศาลโดยไม่ทันตั้งตัว

การต่อสู้นี้ไม่ใช่เพียงแค่การถกเถียงเรื่องตัวเลขค่าเสียหาย แต่คือการวัดกันว่าในยุค AI นั้น อะไรควรถูกนับว่าเป็น Fair Use และใครคือเจ้าของผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

หาก NYT ชนะคดี โลกอาจเห็นโมเดลใหม่ที่ผู้ให้บริการ AI ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อให้โมเดลเรียนรู้ ซึ่งหมายความว่า สตาร์ตอัป AI รายเล็กอาจไม่มีทางแข่งขันได้อีกต่อไป

ดังนั้น มันคือสงครามที่กำลังวางรากฐานกฎหมายให้กับทั้งอุตสาหกรรม AI ในอีกหลายสิบปีข้างหน้า

3️⃣ จุดเปลี่ยนที่ 3 วิกฤตความจริงและการเมือง (The Erosion of Truth in Politics)

ความจริงในสังคมกำลังถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรงในช่วงปี 2024–2025 ด้วยความสามารถของ Deepfake และโมเดลสร้างภาพและเสียงที่สมจริง

กรณีที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2025 วิดีโอ Deepfake ที่แสดงภาพอดีตประธานาธิบดีโอบามาถูกจับกุมแพร่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์ด้วยความสมจริงจนแทบแยกไม่ออก ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่ามันคือเหตุการณ์จริง แม้ภายหลังจะมีการพิสูจน์ความจริงแล้วก็ตาม

แต่ในโลกข้อมูลข่าวสาร ความจริงที่ถูกแก้ไขย้อนหลังมักมาช้ากว่าความเสียหายทางสังคมเสมอ ความไว้วางใจที่สูญเสียไปแล้วไม่ใช่สิ่งที่เรียกคืนได้ง่ายๆ

เครื่องมือสร้างภาพและเสียง เช่น Sora และระบบ Voice Cloning ที่มีอยู่ใน ChatGPT ทำให้ต้นทุนของการผลิต Fake News ลดลงจนแทบเป็นศูนย์ นี่คือยุคที่การสร้าง Disinformation ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่ใครก็ทำได้

สังคมกำลังเดินหน้าสู่ยุค Zero Trust ยุคที่แม้แต่ตาเนื้อของเราเอง ก็อาจจะเชื่อไม่ได้อีกต่อไป

[ ChatGPT มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ]

เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดสามปีของ ChatGPT ผลกระทบของ AI นั้นแผ่ซ่านไปทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม และชีวิตประจำวันของผู้คน ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีตัวนี้จะช่วยเหลือเรามากขนาดไหน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันมีทั้งด้านสว่างและด้านมืด

✅ ผลกระทบเชิงบวก

– ประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่เคยมีมาก่อน (Productivity Explosion)

ในระดับองค์กรและโลกของธุรกิจจะได้สัมผัส “การเพิ่มผลผลิตแบบก้าวกระโดด” ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดคือกรณีของ Walmart ซึ่งใช้ Generative AI สร้างข้อมูลสินค้าถึง 850 ล้านรายการ ปริมาณงานที่หากให้มนุษย์ทำจะต้องเพิ่มจำนวนบุคลากรขึ้น 100 เท่า

ส่วนในระดับบุคคลฟีเจอร์อย่าง Canvas ทำให้พนักงานคนหนึ่งสามารถสร้างโค้ด ทำเอกสาร และออกแบบเวิร์กโฟลว์ได้ด้วยความเร็วที่เทียบได้กับทีมงานขนาดเล็กหนึ่งทีม ทำให้ถึงแม้องค์กรจะไม่ได้จ้างคนเพิ่ม แต่ก็มีเครื่องมือที่มอบประสิทธิภาพในระดับนั้นให้แทน

– การปฏิรูปสาธารณสุข (Healthcare Revolution)

ปี 2025 งานวิจัยหลายชิ้นเริ่มยืนยันว่าการผสาน AI เข้ากับงานแพทย์ช่วยลดภาระงานเอกสารลงได้ถึง 30% การใช้ระบบสรุปเวชระเบียนหรือระบบถามตอบทางการแพทย์แบบมีการกำกับดูแล เป็นระบบที่ช่วยเพิ่มเวลาของแพทย์ให้กลับไปสู่หัวใจสำคัญ คือ การดูแลคนไข้

– การเข้าถึงการศึกษา (Democratization of Education)

แม้จะมีความกังวลเรื่องการโกงทางการศึกษา แต่ปี 2025 มีนักเรียนกว่า 80% ในมหาวิทยาลัยชั้นนำใช้ AI เป็นติวเตอร์ส่วนตัวเพื่ออธิบายบทเรียนยากๆ ในแบบที่ปรับตามความเร็วการเรียนรู้ของแต่ละคน

มองอีกมุมหนึ่งนี่คือการลดความเหลื่อมล้ำโดยตรง นักเรียนไม่จำเป็นต้องเข้าสถาบันกวดวิชาราคาแพงอีกต่อไป แต่เข้าถึงความรู้คุณภาพสูงได้ทุกเวลา

❌ ผลกระทบเชิงลบ (The Vices)

– การแทนที่แรงงานและการสูญเสียทักษะ (Displacement & De-skilling)

รายงานของ Goldman Sachs และ OpenAI เผยแพร่สัญญาณร่วมกันว่า งานเอกสาร งานแปลภาษา และงานวิเคราะห์ข้อมูลระดับต้น กำลังเป็นกลุ่มแรงงานที่เสี่ยงที่สุดต่อการถูกทดแทน

ปี 2025 ยืนยันปรากฏการณ์นี้อย่างชัดเจน กลุ่มบัณฑิตจบใหม่เริ่มเผชิญหน้ากับการจ้างงานที่ชะลอตัว เพราะตำแหน่งระดับ Entry-level ซึ่งเคยเป็นสนามฝึกฝนทักษะถูก AI ยึดพื้นที่ไปเกือบหมด ทำให้ Career Ladder เริ่มขาดช่วงตั้งแต่ขั้นแรก

– ภาวะหมดไฟและ AI Fatigue

ความสะดวกรวดเร็วของ AI กลับส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง ผลสำรวจปี 2025 ชี้ว่าผู้ใช้งานเครื่องมือจำนวนมากเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า กับเนื้อหาที่สร้างโดย AI เพราะมันมักขาดความละเอียด แรงบันดาลใจ และความเป็นมนุษย์

– ความเปราะบางของความเป็นส่วนตัวและข้อมูล

เหตุการณ์ Memory Failure ในต้นปี 2025 และกรณีข้อมูล Deepfake ที่รั่วไหลคือบทเรียนราคาแพงของยุค AI ข้อมูลส่วนตัวตั้งแต่ความรู้สึกจนถึงประวัติการทำงาน ล้วนถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทเอกชน และเสี่ยงต่อการถูกใช้ฝึกโมเดล ถูกโจมตีจากแฮ็กเกอร์ หรือสูญหายจากความผิดพลาดของระบบ

ความเป็นส่วนตัวในยุค AI จึงไม่ได้เป็นสิทธิ์ที่มั่นคง แต่เป็นสถานะที่เปราะบางรอวันถูกท้าทายเสมอ

[ อนาคตของมนุษย์ในเงาของปัญญาประดิษฐ์ ]

เมื่อเราหันกลับไปมองเส้นทางตลอดสามปีตั้งแต่ 2022 ถึง 2025 สิ่งที่เด่นชัดที่สุดไม่ใช่ยอดผู้ใช้งาน หรือฟีเจอร์ใหม่ที่ผุดขึ้นเกือบทุกเดือน แต่คือความจริงที่ว่า ChatGPT ได้กลายเป็นมากกว่าแอปพลิเคชันหนึ่งตัว มันกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมของมนุษย์

มันปลดล็อกความเร็วและพลังในการคิด สร้าง เขียน ออกแบบ และแก้ปัญหา ในวิธีที่มนุษย์ไม่เคยทำได้มาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เปิดกล่องแพนโดร่า กล้องต้องห้ามที่ทำให้เราเผชิญความท้าทายทางจริยธรรม กฎหมาย ความจริง และความเป็นมนุษย์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน

วันนี้ เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ Agentic Web โลกที่ AI จะไม่ใช่เพียงผู้ให้คำปรึกษา แต่เป็นผู้ลงมือแทน เป็นผู้กดปุ่ม ส่งอีเมล ซื้อของ สร้างโค้ด และบริหารเวิร์กโฟลว์ให้เราอย่างเงียบเชียบ นี่คือการเปลี่ยนแปลงเชิงอำนาจที่ท้าทายที่สุดตั้งแต่การเกิดมากของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

แม้กฎหมายอย่าง EU AI Act ซึ่งมีผลบังคับสำคัญในปี 2025 จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นบรรทัดฐานให้สังคม แต่ประวัติศาสตร์บอกเรามาตลอดว่า กฎหมายมักจะตามหลังเทคโนโลยีเสมอ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เติบโตในอัตราเร่งแบบทวีคูณเช่นนี้

บทเรียนที่ใหญ่ที่สุดจากสามปีที่ผ่านมาคือ เราไม่สามารถฝากความหวัง หรือความทรงจำทั้งหมดไว้กับ AI ได้ เหตุการณ์ Memory Failure ได้ย้ำเตือนว่า ความทรงจำดิจิทัลไม่เคยมั่นคง และความผูกพันกับเทคโนโลยีไม่เคยเพียงพอสำหรับการฝากชีวิตส่วนหนึ่งของเราไว้กับมัน

ดังนั้น ในโลกที่ AI กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของสังคม มนุษย์ยิ่งจำเป็นต้องรักษาสิ่งที่ไม่มีโมเดลใดลอกเลียนแบบได้อย่างความเป็นมนุษย์ ความคิดวิเคราะห์ ความสงสัยใคร่รู้ ความสัมพันธ์จริงระหว่างมนุษย์ด้วยกัน และเจตจำนงที่เลือกเส้นทางของตัวเอง

เพราะท้ายที่สุด เป้าหมายไม่ใช่การปล่อยให้เครื่องจักรคิดแทนเรา แต่คือการทำให้เครื่องจักรขยายศักยภาพของเรา โดยที่เราไม่ลืมว่าใครควรเป็นผู้นำในความสัมพันธ์นี้

เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์

Sources: Github : https://githubcom/jqueryscript/chatgpt-timeline

Search Engine Journal – Timeline Of ChatGPT Updates & Key Events : https://wwwsearchenginejournalcom/history-of-chatgpt-timeline/488370/

OpenAI – SearchGPT Prototype : https://openaicom/index/searchgpt-prototype/

Development Community – Catastrophic Failures of ChatGpt that’s creating major problems for users : https://communityopenaicom/t/catastrophic-failures-of-chatgpt-thats-creating-major-problems-for-users/1156230

Timeline of ChatGPT : https://timelinesissaricecom/wiki/Timeline_of_ChatGPT

OpenAI : https://helpopenaicom/en/articles/9624314-model-release-notes

eDiscoveryToday – The OpenAI NY Times Case is a Blueprint for AI Discovery: eDiscovery Trends : https://ediscoverytodaycom/2025/10/27/the-openai-ny-times-case-is-a-blueprint-for-ai-discovery-ediscovery-trends/

Nelson Mullins – From Copyright Case to AI Data Crisis: How The New York Times v OpenAI Reshapes Companies’ Data Governance and eDiscovery Strategy : https://wwwnelsonmullinscom/insights/blogs/corporate-governance-insights/all/from-copyright-case-to-ai-data-crisis-how-the-new-york-times-v-openai-reshapes-companies-data-governance-and-ediscovery-strategy

Crescendo – 17 Biggest AI Controversies of 2025 | Latest Edition : https://wwwcrescendoai/blog/ai-controversies

OpenAI – Jobs in the Intelligence Age : https://cdnopenaicom/global-affairs/06025361-1ede-4402-97d2-daf1e5918b43/jobs-in-the-intelligence-age-sept-2025pdf

Dr7 – ChatGPT in Healthcare: Safe Uses & Risks in 2025 : https://dr7ai/blog/health/chatgpt-in-healthcare-safe-uses-risks-in-2025/

World Economic Forum – 7 ways AI is transforming healthcare : https://wwwweforumorg/stories/2025/08/ai-transforming-global-health/

QuadC – Top Trends In AI For Higher Education In 2025 : https://wwwquadcio/blog/top-trends-in-ai-for-higher-education-in-2025

Nexford University – How Artificial Intelligence Will Change the World : https://wwwnexfordedu/insights/how-will-ai-affect-jobs

Mark Chen – Is US AI Adoption Plateauing? A Comprehensive Analysis : https://mediumcom/@markchen69/is-u-s-ai-adoption-plateauing-a-comprehensive-analysis-cf5c1beef8cf

JP Morgan – Is AI already impacting job growth? : https://wwwjpmorgancom/insights/global-research/artificial-intelligence/ai-impact-job-growth

EY – EY position paper on Artificial Intelligence (AI): AI-generated content in transition – between progress and fatigue : https://wwweycom/en_ch/insights/ai/ai-generated-content-challenges-and-opportunities
Nemko Digital – EU AI Act Delay: Why the Gap Between Compliance and Trust is a Strategic Opportunity : https://digitalnemkocom/news/eu-ai-act-delay-announced