Type to search

หมดปัญหา Work – Life Balance นวัตกรรมจักรยานออกกำลังกาย ปั่นไป ทำงานไป ชาร์จไฟได้ด้วย

January 09, 2023 By Future Trends

งานก็เยอะ ค่าใช้จ่ายก็แยะ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ไม่รู้ทำอย่างไรดี? ปัญหาเหล่านี้อาจช่วยผ่อนคลายได้ด้วยนวัตกรรมล่าสุด ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในงาน Consumer Electronics Show (CES) นิทรรศการแสดงสินค้าเทคโนโลยีสุดล้ำประจำปี 2023 ที่นครลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา

นวัตกรรมที่ว่า คือ โต๊ะทำงานที่ผสมผสานกับจักรยานออกกำลังกาย และเครื่องปั่นไฟ กลายเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ 3-in-1 เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ Acer บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปชื่อดัง โดยตั้งชื่อนวัตกรรมนี้ว่า ‘Acer eKinekt BD 3’

คุณสมบัติพิเศษของ Acer eKinekt BD 3 คือการเป็นจักรยานออกกำลังกายที่มีแท่นเป็นโต๊ะทำงานอยู่ด้านหน้า ทำให้สามารถวางโทรศัพท์ หรือโน้ตบุ๊ก เพื่อออกกำลังกายไปด้วยและทำงานไปด้วยในเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ แท่นขาปั่นยังทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟ โดยระหว่างปั่นจักรยานออกกำลังกาย มันจะผลิตกระแสไฟออกมา โดย Acer ระบุว่า หากปั่นต่อเนื่องนาน 1 ชั่วโมง ด้วยความเร็ว 60 รอบต่อนาที (RPM) สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 75 วัตต์

กำลังไฟที่ผลิตได้แม้ไม่ถือว่ามาก แต่ก็เพียงพอสำหรับใช้ชาร์จโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปหลายรุ่นให้เต็มได้ โดยแล็ปท็อปรุ่นใหม่ซึ่งมีขนาดบางเบา ส่วนใหญ่ใช้ไฟแค่ประมาณ 45 – 65 วัตต์

สำหรับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ออกแบบมาพร้อมกับจักรยานออกกำลังกาย 3-in-1 เครื่องนี้ คือ ช่องชาร์จ USB ทั้งหมด 3 ช่อง หนึ่งในนั้นเป็นช่องชาร์จขนาดเล็กสำหรับ USB-C ส่วนที่เหลือเป็นช่อง USB-A แบบคลาสสิก

ขณะเดียวกันยังมีช่องสำหรับวางแก้วน้ำบนส่วนโต๊ะทำงาน และแท่นโต๊ะทำงานสามารถเลื่อนเข้า-ออกได้ เพื่อปรับให้เข้ากับสรีระและท่าทางการออกกำลังกายของแต่ละคน

นอกจากนี้ แท่นทำงานและตัวเครื่องภายนอกยังทำจากพลาสติกรีไซเคิลทั้งหมด ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้านหน้าของโต๊ะทำงานมีหน้าจอและปุ่มปรับระดับความยากของการปั่นจักรยาน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บสถิติการออกกำลังกายได้ด้วย

แม้นวัตกรรมหลายชิ้นที่นำมาจัดแสดงในงาน CES มักถูกค่อนขอดว่า เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ไอเดียกระฉูด แต่สุดท้ายไม่ได้ผลิตออกมาวางขายจริง

แต่สำหรับจักรยานออกกำลังกาย Acer eKinekt BD 3 ตัวนี้ มีแผนออกสู่ตลาดจริง โดยจะเริ่มวางขายในยุโรป เดือนมิถุนายน 2023 ในราคาเครื่องละ 999 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 33,000 บาท)

ส่วนในเอเชีย และประเทศไทย ยังไม่มีข่าวว่าจะเข้ามาเมื่อไหร่ แต่ถ้ามาขายจริงก็น่าจะได้รับความสนใจไม่น้อย เนื่องจากเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ปัญหาของคนยุคนี้ ที่ต้องทำงานจนไม่มีเวลาออกกำลังกาย แถมยังต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นอีกด้วย

เขียนโดย Phanuwat Auaudomchaisakun

Source: https://bit.ly/3XkkCnP