Type to search

ผู้นำโลกสนใจเรื่องอะไรในปี 2023 เก็บตก 4 เรื่องใหญ่ที่ผู้นำใน WEF พูดคุยกันมากที่สุด

January 28, 2023 By Future Trends

World Economic Forum (WEF) เป็นงานประชุมประจำปีที่มีผู้นำทั้งภาคธุรกิจ การเมือง และสังคมหลากหลายองค์กรมารวมตัวกันมากที่สุด จัดขึ้นทุกปีที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ โดยปีนี้ (2023) มีผู้นำกว่า 1,500 คนทั่วโลก เดินทางมาเข้าร่วม

แม้การประชุมจะปิดฉากลงไปแล้ว แต่ประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเวทีนี้ ยังคงเป็นที่จับตา และคาดว่าจะเป็นเทรนด์ใหญ่ของโลกในปัจจุบัน และอนาคต

สำนักข่าว Business Insider สรุป 4 หัวข้อใหญ่ ซึ่งถูกพูดถึงมากที่สุดในการประชุม WEF ปีนี้ จากการพูดคุยกับบรรดาซีอีโอ มหาเศรษฐี ผู้บริหารระดับสูง รวมถึงผู้นำรัฐบาลที่เดินทางมารวมตัวกัน 

โดย 4 หัวข้อใหญ่ ที่ผู้นำทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุด มีดังต่อไปนี้

1. เศรษฐกิจถดถอยมาแน่ แต่ไม่น่าวิตกมาก

ผู้นำหลายคนจากทั่วโลก ไม่ว่าจะมาจากนิวยอร์ก มิวนิก ลอนดอน ซูริก หรือเซี่ยงไฮ้ ล้วนพูดถึงภาพเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเลวร้ายน้อยลง บางคนชี้ว่าเป็นผลมาจากการเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาดของจีน โดยผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว การจับจ่ายสินค้าหรู และยอดขายในภัตตาคารร้านค้า จะเห็นผลชัดเจนภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ความสัมพันธ์ระหว่างจีน – สหรัฐฯ ก็มีสัญญาณเชิงบวก เมื่อรองนายกฯ หลิว เหอ ของจีน กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุม เน้นย้ำความสำคัญของ “การกระชับความร่วมมือกันระหว่างประเทศ”

ขณะที่ระหว่างมีการประชุม เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ส่งสัญญาณเชิงบวกจากตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลง การจ้างงานยังคงแข็งแกร่ง และยอดคนขอสวัสดิการว่างงานน้อยกว่าที่คาด

สงครามรัสเซียบุกยูเครน ยังกระตุ้นอุตสาหกรรมผลิตอาวุธในสหรัฐฯ ให้คึกคัก และเม็ดเงินลงทุนพัฒนาสาธารณูปโภคก้อนใหญ่จากภาครัฐที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามรับรอง ก็จะอัดฉีดเข้าสู่ระบบเพิ่ม 

ส่วนฤดูหนาวในยุโรป มีอุณหภูมิอุ่นกว่าที่คาดไว้ ทำให้คลายความวิตกเรื่องขาดแคลนพลังงาน โดยผู้นำส่วนใหญ่บรรยายภาพรวมเศรษฐกิจโลกในเชิงบวกมากขึ้น (หรือแย่น้อยลง) แต่ยังคงคาดว่า โลกจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย และยุโรป น่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าที่อื่น

2. AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

ทุกหัวข้อที่คุยกันในดาวอส แทบไม่มีเรื่องไหนไม่เอ่ยถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence หรือ AI) และการมาของ ‘แชตบอต’ อัจฉริยะที่ชื่อว่า ChatGPT

โอมาร์ บิน สุลต่าน อัล-โอลามา รัฐมนตรีเทคโนโลยีสารสนเทศและ AI ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บอกว่า “ผมไม่เคยเห็นอะไรน่าตื่นเต้นเท่าสิ่งนี้มาก่อนในชีวิต” ขณะที่ ซีอีโอบางคนเปรียบเทียบ ChatGPT กับเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ ในแง่จินตนาการ และบางคนบอกว่า แชตบอตที่ว่าจะเป็น ‘ตัวเปลี่ยนเกม’ ของโลกไอที

อย่างไรก็ตาม การพูดถึง AI และ ChatGPT ยังคงมีทั้งเชิงบวกและลบ โดยนอกจากมุมบวกเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ยังมีมุมลบในแง่ความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดการให้ข้อมูลข่าวสารผิดพลาดครั้งใหญ่ ไปจนถึงผลกระทบต่อตลาดแรงงาน ทำให้หลายอาชีพต้องหายไป หรือไม่ก็ต้องหันไปพัฒนาทักษะด้านอื่นแทน

“เทคโนโลยีทุกอย่างมีทั้งด้านดีและลบ” ริมา คูเรชี (Rima Qureshi) ประธานบริหารฝ่ายกลยุทธ์ของ Verizon บริษัทสื่อสารโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ กล่าว “ฉันเชื่ออย่างหนักแน่นว่า ในระยะยาว ผลดีจะมากกว่าผลเสีย แต่เราก็ต้องระลึกไว้เสมอว่า ทุกเทคโนโลยียังมีด้านลบ”

3. ความยั่งยืนยังสำคัญ แต่จะทำอย่างไรต่อไป?

วิกฤตสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาความยั่งยืน และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ยังคงเป็นประเด็นที่ผู้นำหลายคนไม่ลืม แต่หลายองค์กรยังมองหาจุดเริ่มต้นไม่ได้อย่างชัดเจน

“เรารู้ว่า มันคืออะไรและทำไมต้องทำ แต่ช่วยบอกแนวทางปฏิบัติเรื่องนี้ให้เราทราบหน่อยได้ไหม” แอบบี คลาเนกกี (Abby Klanecky) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและบริการลูกค้าของ Kearney บริษัทที่ปรึกษาการจัดการ ระบายความในใจ

นอกจากแอบบีแล้ว ซีอีโอหลายคนก็สะท้อนปัญหาเดียวกัน โดยหลายบริษัทมีการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซมลพิษให้เหลือศูนย์ (net-zero) แต่ยังไม่มีแผนเป็นรูปธรรมที่จะไปถึงจุดนั้นอย่างชัดเจน

ผู้นำหลายคนไฮไลต์ความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทต่างๆ ในระดับที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงปรารถนาที่จะทดลองและยอมรับว่าอาจเกิดความผิดพลาด แต่นั่นยังดีกว่าไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย

4. อยากให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศ ทำอย่างไร?

หัวข้อสุดท้ายที่ผู้นำลืมไม่ได้ คือ คำถามที่ว่า บริษัทควรดึงพนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศ หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลงแล้วหรือไม่

นิค สติวเดอร์ (Nick Studer) ซีอีโอของบริษัทที่ปรึกษาการจัดการ Oliver Wyman บอกว่า ประเด็นนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องตกยุคไปแล้ว เพราะนายจ้างจำเป็นต้องออกแบบสถานที่ทำงาน และรูปแบบการทำงานใหม่หมด

“เราต้องการมาเจอหน้ากันเมื่องานนั้นมันจำเป็นต้องทำร่วมกัน แต่ไม่ใช่ต้องเจอหน้ากันทุกงาน” นิค กล่าว

ผู้นำภาคอสังหาฯ หลายคนก็บอกว่า อาคารสำนักงานหลายแห่งจะกลายเป็นตึกเก่าล้าสมัย บางตึกอาจเปลี่ยนไปทำเป็นที่พักอาศัย แต่บางตึกอาจถึงเวลาต้องทุบทิ้งไปได้แล้ว

“เราจะมีตึกเก่ามากมาย ซึ่งสุดท้ายไม่สามารถบูรณะ หรือทำแล้วไม่คุ้มค่า ดังนั้น เราจำเป็นต้องหาลู่ทางใหม่ในการใช้ประโยชน์ หรือจะปล่อยให้มันว่างลงและทุบทิ้งไปเมื่อถึงเวลา” คริสเตียน อุลบริช (Christian Ulbrich) ซีอีโอของ JLL กล่าวถึงสภาพอาคารสำนักงานในอนาคต

ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ 4 หัวข้อหลักที่ผู้นำโลกพูดถึงกันมากที่สุดในงาน WEF ที่ดาวอส และ 4 หัวข้อที่ว่านี้ น่าจะเป็นเทรนด์ใหญ่ที่โลกจะขับเคลื่อนไปด้วยกันในปี 2023 และปีต่อๆ ไป ท่ามกลางความหวังว่า โลกในภายภาคหน้าจะฟันฝ่าวิกฤตต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ด้วยความร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

เขียนโดย Phanuwat Auaudomchaisakun

Source: https://bit.ly/3HMJlMJ