“ตลาดวัฒนธรรมลาวเวียง” พลังการพัฒนาร่วมที่เรียนรู้จากโครงการ “ผู้นำชุมชนประโยชน์สุข” ฟื้นชุมชนเปลี่ยนเมืองผ่านเป็น “เมืองแห่งโอกาส” สร้างรายได้อย่างยั่งยืน

การพัฒนาในหลายชุมชนอาจต้องพึ่งพาเงินทุนเป็นหลัก แต่บนเส้นทางของ “ตลาดวัฒนธรรมลาวเวียง” กลับถูกสร้างด้วยพลังของคนในชุมชนเอง กลายเป็นอีกหนึ่งต้นแบบที่สะท้อนว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนคือ การพึ่งพาตนเองและการเชื่อมั่นในศักยภาพของคนรอบข้าง โดยใช้แนวคิด “การพัฒนร่วม” เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน ซึ่ง“พี่ปู–กัญญ์ศิริ ยิ้มประสิทธิ์” ประธานเครือขายโอทอป อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี และประธานตลาดวัฒนธรรมลาวเวียง ได้เรียนรู้จากโครงการ “ผู้นำชุมชนประโยชน์สุข” ของเอสซีจี
มองปัญหาอย่างเข้าใจ ลุกขึ้นสร้างโอกาสด้วยตัวเอง
อ.ท่ามะกา ประตูสู่เมืองกาญจน์ และเป็นพื้นที่ย่านอุตสาหกรรมน้ำตาล ซึ่งปัญหาชาวบ้านรายได้น้อยและไม่มั่นคงมักถูกมองข้าม “พี่ปู” จึงลุกขึ้นมาสร้าง “ตลาดวัฒนธรรมลาวเวียง” เพื่อฟื้นชีวิตชุมชนโบราณที่ตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 แม้ต้องเริ่มจากศูนย์ เพื่อเปลี่ยนเมืองผ่านที่ถูกลืมให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดยใช้พื้นที่วัดตะคร้ำเอนจัดทำเป็นตลาดนัดคนไทย เนื่องจากเป็นวัดที่คนนิยมเดินทางมากราบไหว้บูชาขอพร “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และยังเป็นวัดที่มีความสวยงาม

ตลาดวัฒนธรรมลาวเวียง ณ วัดตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

แผนที่ตลาดวัฒนธรรมลาวเวียง จุดหมายปลายทางของชุมชน วัดตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
พี่ปูมองว่า หากทำตลาดนัดทั่วไปร้านค้าน่าจะขายได้ไม่มาก จึงตั้งใจทำเป็นตลาดท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยดึงคนเข้าวัดเพิ่มได้ด้วย โดยมีปัญหาสำคัญที่ต้องแก้คือ อาจเกิดความขัดแย้งกับแม่ค้าพ่อค้ารายเดิมในวัด ทำให้ต้องคิดหนักทั้งนี้ เป็นจังหวะที่ได้รับการติดต่อจากทางเอสซีจีให้ชวนสมาชิกกลุ่มโอทอปเข้าร่วมในโครงการ “ผู้นำชุมชนประโยชน์สุข” จึงนำปัญหามาปรึกษากับวิทยากร และได้รับคำแนะนำชี้ให้เห็นสิ่งที่ต้องทำ

บรรยากาศตลาดวัฒนธรรมลาวเวียง ที่มีการแสดงพื้นถิ่นสะท้อนอัตลักษณ์และวิถีชุมชน
“สิ่งที่ได้มาคือคำว่า การพัฒนาร่วมกัน หรือพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม เราเลยเอาแม่ค้าทั้งหลายมาเป็นกรรมการร่วมกัน จากนั้นก็มาวิเคราะห์ SWOT ประเมินจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค พร้อมตั้งเป้าหมายทำให้ตลาดติดภายใน 3 เดือน เพราะอย่างทุกอย่างคือ การลงทุนของชาวบ้าน หากขายไม่ได้เขาต้องขาดทุน เราปล่อยให้ตลาดนัดเจ๊งชาวบ้านจะอยู่ไม่ได้”
ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ฟื้นเศรษฐกิจฐานราก
หลังจากการเปิดตลาดวัฒนธรรมลาวเวียงตามแผน โดยได้รับการสนับสนุนไม้พาเลทจากเอสซีจีเพื่อใช้ทำที่นั่งรับประทานอาหาร ผลลัพธ์คือ ภายใน 2 เดือน มียอดขายกว่า 100,000 บาทต่อสัปดาห์ และสร้างรายได้ให้แม่ค้าเพิ่ม จากวันละไม่กี่ร้อยบาทเป็นหลายพันบาท อีกทั้งดึงนักท่องเที่ยวแวะเช็กอินก่อนเดินทางไปสถานที่อื่น ทำให้อ.ท่ามะกาไม่ใช่เมืองผ่านอีกต่อไป แต่หลังเทศกาลสงกรานต์คนเริ่มไม่ค่อยมีเงินใช้จ่าย ส่งผลให้ยอดขายรวมของตลาดลดลงจากหลักแสนเหลือแค่ 5-6 หมื่นบาท กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ แต่ในครั้งนี้พี่ปูบอกว่า รู้สึกเหนื่อยมาก จนคิดอะไรไม่ออก เพราะเป็นคนคิดและสั่งการทุกอย่าง

พลังความร่วมมือของชุมชน ภาคีเครือข่าย ในการพัฒนาตลาดวัฒนธรรมลาวเวียง
นับเป็นจังหวะดีโครงการ “ผู้นำชุมชนประโยชน์สุข” วนกลับมา และ “พี่ปู” ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการอีกครั้ง ซึ่งนอกจากจะได้มุมมองในการแก้ปัญหาเรื่องยอดขายแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ การได้ทบทวนและปรับเปลี่ยนตัวเอง เช่นลดท่าทีที่ดุดัน และลดน้ำเสียงการพูดให้เบาลง จากที่เคยเสียงดังมาก จนที่ประชุมกลัวไม่มีใครกล้าตอบโต้หรือแสดงความคิดเห็น ซึ่งทำให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป ทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารตลาดมากขึ้น เป็นการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แค่รับฟังคำสั่งอย่างเดียว นอกจากนี้ ตลาดวัฒนธรรมลาวเวียงยังรวมของกินขึ้นชื่อที่สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น อาทิ ผัดไทยสูตรขวัญจิรา เต้าหู้ทอดไหหลำ ขนมต๊ายลืม ทอดมันป่าปลายี่สก ห่อหมกน้ำพริก 3ภาค น้ำพริกผักกาดดอง
ทอดมันป่าปลายี่สก หนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่นำปลายี่สกมาคลุกเคล้ากับพริกแกงป่ารสชาติต้นตำรับกาญจนบุรี
พลังการเรียนรู้และการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม
“พอได้รับคำแนะนำจากวิทยากร เราเลยลดวอลุ่มตัวเองลง วันรุ่งขึ้นเรียกประชุม ปรากฎว่าทุกคนให้การตอบรับกลับมาดีมาก วันนี้เราสามารถบริหารตลาดได้แบบไม่เหนื่อยอีกต่อไป ขอขอบคุณเอสซีจีอย่างมากที่เป็นพี่เลี้ยงให้เราและขอขอบคุณ “โครงการผู้นำชุมชนประโยชน์สุข” ที่เป็นแสงสว่างนำทาง ทำให้เราสามารถพาญหา เพราะทุกการทำงานย่อมมีปัญหาเสมอ และทุกปัญหามีทางออกตลอด”
วันนี้ตลาดวัฒนธรรมลาวเวียง กลายเป็นศูนย์รวมของความรัก ความสามัคคี และรายได้ของชาวบ้าน จนพัฒนาเป็นตลาดประจำจังหวัดกาญจนบุรี และเป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนเมืองผ่านให้กลายเป็น เมืองแห่งโอกาส ด้วยพลังของคนในชุมชนเอง โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญคือ การนำแนวคิดการพัฒนาจากโครงการ “โครงการผู้นำชุมชนประโยชน์สุข” ของเอสซีจีที่เน้น “การพัฒนาร่วม” และ “การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม” ในชุมชนมาปรับใช้และแก้ปัญหา