‘ทองสมิทธิ์’ ทำยังไงให้ก๋วยเตี๋ยวชามละ 200 บาทขายได้
‘ก๋วยเตี๋ยว’ แทบจะเป็นอาหารจานหลักของคนไทยก็ว่าได้ นึกอะไรไม่ออก ไม่รู้วันนี้จะกินข้าวกับอะไรดีก็ก๋วยเตี๋ยวนี่แหละที่สั่งง่าย อยู่ท้อง และหาได้ไม่ยากนัก
ก๋วยเตี๋ยวในความเข้าใจของเราอาจจะมีราคาตั้งแต่ 30-60 บาท หรือถ้าบางร้านอาจสร้างกลยุทธ์ให้ก๋วยเตี๋ยวมีขนาดชามที่เล็กหน่อย ทำให้ราคาลงไปถึง 10 บาท ชามใหญ่เครื่องล้นก็อาจจะแตะๆ ใกล้ๆ 100 บาทก็มีเหมือนกัน ซึ่งถ้าเกินจากนี้ก็คงเป็นราคาก๋วยเตี๋ยวที่สูงมากแล้ว..
แต่สำหรับ ‘ทองสมิทธิ์’ ก๋วยเตี๋ยวเรือพรีเมียมเจ้านี้สนนราคาที่ชามละ 200 บาท สูงไปจนถึง 500 บาทก็มี แถมยังขายดิบขายดีจนสามารถขยายสาขาได้ถึง 10 สาขา ภายในระยะเวลา 3 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งร้านในปี 2561 ด้วย
ทองสมิทธิ์ทำยังไงถึงสร้างรายได้หลักร้อยล้าน กับกำไรอีกเกือบๆ 40 ล้านได้ ทำยังไงให้ ‘ก๋วยเตี๋ยว’ อาหารจานเดียวที่คนไทยคุ้นชินกับราคาหลักสิบ ยอมจ่ายเพื่อกินก๋วยเตี๋ยวในราคาหลักร้อย เราจะพาทุกคนไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน
ร้านทองสมิทธิ์เกือบทุกสาขาเลือกทำเลที่ตั้งใจกลางเมือง ที่คนทำงานออฟฟิศและกลุ่มวัยรุ่นนักศึกษาเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งมีทั้งทำเลบนห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้ มอลล์ แน่นอนว่าที่ตั้งร้านเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเดินทางง่าย มีที่จอดรถ แต่ขึ้นชื่อว่าของกินสิ่งสำคัญที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ‘รสชาติ’ และหน้าตาอาหาร
ในยุคที่ใครๆ ก็ถ่ายรูปลงโซเชียล มีเดีย ของตนเองนั้น ก๋วยเตี๋ยวทองสมิทธิ์ถูกแชร์ออกไปเยอะมาก เพราะด้วยดีไซน์การตกแต่งร้าน การจัดวางชาม ส่วนประกอบอื่นๆ อย่างการวางคอนเซปต์ การเล่าเรื่องผ่านชามก๋วยเตี๋ยวที่ทำให้ทองสมิทธิ์โดดเด่น สดใหม่กว่าก๋วยเตี๋ยวเรือยักษ์ใหญ่ดั้งเดิมในท้องตลาด
ส่วนที่เป็นไฮไลต์และสร้างความต่างได้อย่างสิ้นเชิงก็คือก๋วยเตี๋ยวเนื้อวากิว ที่คัดสรรเนื้อวากิวออสเตรเลียเฉพาะส่วนชิ้นใหญ่มาให้ลูกค้าได้กินคู่กับก๋วยเตี๋ยวน้ำตกรสชาติเข้มข้น แบบที่ยังไม่มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าไหนทำมาก่อน เครื่องปรุงสำคัญของก๋วยเตี๋ยวอย่างพริกคั่วและกระเทียมทางร้านก็ลงมือทำเองทั้งหมด หรือหากใครไม่รับประทานเนื้อก็มีก๋วยเตี๋ยวหมูคุโรบูตะและก๋วยเตี๋ยวไก่ รวมถึงของหวานทีเด็ดอย่างขนมถ้วยเช่นกัน
หัวใจสำคัญของการสร้างความแตกต่างของทองสมิทธิ์ คือการหาจุดบาลานซ์ของแบรนด์ตัวเองให้เจอ สร้าง ‘touch point’ ที่โดดเด่นบนตลาดให้ได้ แม้ว่าก๋วยเตี๋ยวเรือจะไม่ใช่เรื่องใหม่และเป็นของที่หากินได้เพียงแค่เดินไปหน้าปากซอย แต่ทองสมิทธิ์ทำให้เห็นแล้วว่า ของเพลนๆ หาทานง่ายแบบนี้ก็สามารถดึงดูดลูกค้าให้มารับประทาน บอกต่อกันปากต่อปากโดยที่ไม่ต้องใช้กลยุทธ์ทางการตลาดอะไรมากมายได้
เพียงแต่หันกลับไปใส่ใจสิ่งสำคัญที่สุดบนจานอาหารอย่างวัตถุดิบ ก็ทำให้ชื่อของ ‘ทองสมิทธิ์’ ผงาดท่ามกลางเชนก๋วยเตี๋ยวยักษ์ใหญ่ และไต่ระดับทั้งเรื่องของรายได้และการสะสมฐานแฟนบอยของแบรนด์ไปได้อีกยาวไกลเลยทีเดียว
ซึ่งในปีที่ผ่านมา (2563) รายได้ของทองสมิทธิ์อยู่ที่ 286.8 ล้านบาท กำไร 38.8 ล้านบาท ส่วนปี 2564 นี้ทองสมิทธิ์ก็เป็นอีกแบรนด์ที่ต้องเจอกับมรสุมล็อกดาวน์จากวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น รายได้ลดลงไปเยอะ และต้องปรับตัวจัดเซ็ตก๋วยเตี๋ยวขายในรูปแบบเดลิเวอรีแทน
ต้องมาดูกันต่อไปว่า ปี 2565 ทองสมิทธิ์จะเติบโตด้วยกราฟเอ็กซ์โพเนนเชียลอีกหรือไม่ ก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้านี้จะขยับขยายกลายเป็นเชนใหญ่ที่น่าจับตามองในตลาดต่อไปหรือเปล่า..