จากราชสีห์ในปี 2020 สู่ความธรรมดาในปี 2022 ถอดบทเรียน ‘Tesla’ ในวันที่ตลาดเทคฯ ซบเซา
เมื่อวานนี้ (21 มิถุนายน) เจ้าของธุรกิจด้านเทคโนโลยีมูลค่าเกิน 7 หลัก ควบตำแหน่งมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลของโลกอย่าง ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) ได้ปรากฏตัวผ่านการ Video Conference ในงาน Qatar Economic Forum ที่จัดโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) และการปรากฏตัวในครั้งนี้ มัสก์ก็ทำหน้าที่สมฉายา ‘นิวส์ เมกเกอร์’ (News Maker) หรือ ‘คนสร้างข่าว’ จริงๆ เพราะทุกสิ่งที่เขาตอบในงาน ขึ้นหน้าหนึ่งของทุกสำนักข่าวทันที
มัสก์แสดงความคิดเห็นในหลากหลายประเด็น โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เขามองว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเกิดความถดถอย มีมากกว่าโอกาสที่จะไม่เกิดแน่ๆ รวมถึงจุดยืนของเขาที่มีต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptourrency) ยังไม่เปลี่ยนไป และจะสนับสนุนเหรียญโดชคอยน์ (Dogecoin) ต่ออย่างแน่นอน ถึงแม้ตอนนี้ การลงทุนในตลาดคริปโทฯ จะไม่ค่อยสดใสก็ตาม
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือคำตอบของมัสก์เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของ ‘เทสลา’ (Tesla) ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่เขากุมบังเหียน เป็นผู้ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน โดยคำตอบของเขาสะท้อนให้เห็นว่า ตอนนี้ เทสลากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการผลิตต้องหยุดชะงัก เพราะถูกดิสรัปต์ (disrupt) จากวิกฤตโลก การปลดพนักงานจำนวนมาก เพื่อรักษาเสถียรภาพของบริษัท รวมถึงการถือกำเนิดของคู่แข่งหน้าใหม่ ท่ามกลางกระแสความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นสูงทุกวัน
ถึงแม้ มัสก์จะออกมาพูดด้วยความรู้สึกว่า “I’m OK.” แต่การที่เขาออกมาพูดถึงสถานการณ์ของเทสลาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทำให้หลายๆ คน เชื่อว่า เขาเองคงไม่ได้รู้สึกโอเคสักเท่าไร และต่างพากันตั้งข้อสงสัยว่า ความยิ่งใหญ่ของเทสลาหายไปไหนหมดแล้ว?
ย้อนรอยความเป็นราชสีห์ของ ‘เทสลา’ ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้า ปี 2020 : ใครไม่รอด แต่ ‘อีลอน มัสก์’ รอด
ปี 2020 เป็นปีที่ภาคธุรกิจไม่สามารถต้านทานความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ จนต้องล้มหายตายจากกันไปนักต่อนัก เรียกได้ว่า เป็นฤดูกาลแห่งการ ‘คัดคน’ อย่างแท้จริง ยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ ยิ่งได้รับผลกระทบหนัก เพราะนอกจากความต้องการในการใช้รถยนต์จะน้อยลงแล้ว สภาพคล่องในครัวเรือนก็ไม่เพียงพอที่จะออกรถใหม่ด้วย
ถึงแม้ว่า ตลาดรถยนต์เชื้อเพลิงดั้งเดิมจะซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากลับดูคึกคักผิดหูผิดตา เนื่องจาก การมาของโควิด-19 ทำให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการใช้พลังงานมากขึ้น จนหันมาให้ความสนใจกับพลังงานสะอาดแทน และในตอนนั้น ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ได้รับการยอมรับมีเพียงเทสลา ประกอบกับความสามารถในการช่วงชิงพื้นที่สื่อ และแคแรกเตอร์ที่โดดเด่นของมัสก์ ทำให้เทสลากลายเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ยอดขายถล่มทลาย นักลงทุนแห่กันมาลงทุน เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพ จนราคาหุ้นพุ่งกระฉูด กลายเป็นบริษัทยานยนต์ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก
‘เทสลา’ กับการหวนคืนสู่ความธรรมดาในปี 2022
หากปี 2020 คือปีทองของเทสลา ก็ต้องบอกว่า ปี 2022 ยุคทองได้จบลงแล้ว…
เราคงไม่ต้องเท้าความอะไรกันมากมาย เพราะเชื่อว่า ในช่วงนี้ ทุกคนคงเห็นข่าวเกี่ยวกับความซบเซาของเทสลากันอยู่แล้ว ซึ่งความซบเซาเหล่านั้น สามารถส่งสัญญาณถึงสถานะของบริษัทในตอนนี้อย่างไรได้บ้าง เราจะมาวิเคราะห์กันเป็นข
- ปลดพนักงานครั้งใหญ่ราว 10 เปอร์เซ็นต์
นับเป็นข่าวสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ในวงการเทคฯ เมื่อบริษัทส่วนใหญ่ต่างพากันชะลอการจ้างงาน รวมถึงมีการปลดพนักงานบางส่วน เพื่อลดต้นทุน และรักษาเสถียรภาพของบริษัท ซึ่งเทสลาก็เป็นหนึ่งในบริษัทเหล่านั้น ปัจจุบันเทสลามีพนักงานมากถึง 100,000 กว่าคน ทำให้พนักงานที่ถูกปลดมีจำนวนราวๆ 10,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพนักงานภาคการผลิต
การที่เทสลามีจำนวนพนักงานมากขนาดนี้ เป็นเพราะมัสก์ต้องการสร้าง ‘Economy of Scale’ หรือการผลิตมาก ยิ่งลดต้นทุนมากให้กับเทสลา รวมถึงเพื่อรองรับความเติบโตของบริษัทในอนาคต อันเนื่องมาจากยอดขายที่ถล่มทลายในปีก่อนๆ แต่เมื่อความเติบโตไม่เป็นดังที่หวัง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ส่งผลให้ยอดขายลดลง การมีพนักงานมากเกินไป กลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น ทำให้มัสก์ต้องตัดสินใจปลดพนักงาน หรือเปลี่ยนประเภทการจ้างงานเป็นแบบรายชั่วโมงแท
- ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ถูกตัดขาด ทำการผลิตหยุดชะงัก กระทบการส่งมอบรถ
ปี 2022 เป็นปีที่มีวิกฤตใหญ่ของโลกเกิดขึ้นมากมาย ทั้งภาวะเงินเฟ้อ สงครามรัสเซีย-ยูเครน การล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้อย่างเข้มข้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ล้วนส่งผลกระทบต่อเทสลาทั้งหมด โดยเฉพาะการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ที่เป็นฐานการผลิตใหญ่ของเทสลา ซึ่ง Gigafactory (ชื่อเรียกโรงงานขนาดใหญ่ของเทสลา) ที่ตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้มีกำลังการผลิตรถยนต์ประมาณ 2,100 คันต่อวัน และเมื่อมีการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น ก็ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นศูนย์แทน
อีกทั้งเทสลา ยังเป็นบริษัทที่จำหน่ายรถยนต์ในรูปแบบ ‘พรีออเดอร์’ (Pre-Order) กล่าวคือให้ลูกค้าจ่ายเงินจองสิทธิ์ไว้ก่อน เมื่อรถยนต์ผลิตเสร็จ จะทำการส่งมอบภายหลัง โดยปกติต้องใช้เวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี ในการรอรถอยู่แล้ว ยิ่งฐานการผลิตใหญ่ ต้องมาหยุดการผลิตไปอีก ทำให้เกิดปัญหาส่งมอบรถล่าช้า และความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อเทสลาก็จะลดลงไปด้วย
- คู่แข่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ถือกำเนิดมากขึ้นเรื่อยๆ
หากจะกล่าวว่า ความเติบโตอย่างก้าวกระโดดในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา ไปเตะตาบริษัทน้อยใหญ่มากมาย จนทำให้บริษัทเหล่านั้นเล็งเห็นโอกาสบางอย่างก็คงไม่ผิดนัก เพราะตอนนี้ ผู้เล่นในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้ามีจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ มีเจ้าตลาดเก่าที่เก๋าเกมเรื่องรถยนต์อย่างฟอร์ด (Ford) และฟ็อลคส์วาเกิน (Volkswagen) รวมถึงน้องใหม่ไฟแรงจากจีนอย่างนีโอ (Nio) และเสี่ยวผิง (Xpeng) ที่พร้อมบุกตลาดต่างประเทศเต็มที่
ถึงแม้ว่า บริษัทเหล่านี้ จะยังไม่เป็นที่รู้จักในวงการรถยนต์ไฟฟ้าเท่าเทสลา แต่ความเก๋าเกมด้านการผลิตของฟอร์ดและฟ็อลคส์วาเกิน อาจจะเอาชนะปัญหาการส่งมอบรถล่าช้าของเทสลาได้ รวมถึงความไฟแรงของน้องใหม่อย่างนีโอและเสี่ยวผิง ก็มีแววจะเอาชนะด้านสมรรถนะได้เช่นกัน จนทำให้เทสลาอาจจะไม่ใช่เบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์อีกต่อไป
บทเรียน ‘เทสลา’ กับการยืนหยัดในวันที่ตลาดเทคฯ ซบเซา
หากใครที่เคยติดตาม หรือศึกษาประวัติของเทสลามาก่อน คงทราบดีว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เทสลาต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของบริษัท โดยในปี 2017 เทสลาเคยเกือบล้มละลาย เพราะผลิตรถยนต์ไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า ด้วยปัจจัยจากเงินทุน และกำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอ แต่มัสก์ก็สามารถพาบริษัทผ่านพ้นวิกฤตครั้งนั้นมาได้
แต่วิกฤตในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายในบริษัทเป็นหลัก แต่เกิดจากความกดดันทางเศรษฐกิจ และวิกฤตใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่มัสก์ต้องได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างแน่นอน โดยบทเรียนสำคัญอย่างแรก ก็คือภัยจากการผูกติดฐานการผลิตในที่ใดที่หนึ่งมากเกินไป พอเกิดปัญหาขึ้นมา ก็กลายเป็นล้มทั้งหมด และอย่างที่สอง ก็คือการทำธุรกิจไม่มีทางที่เราจะเป็นเบอร์หนึ่งในวงการตลอดไป เพราะโลกแห่งธุรกิจมีพื้นที่สำหรับคนที่เห็นโอกาส และกล้าได้กล้าเสียเสมอ
แล้วทุกคนคิดว่า คนที่ฉีกกรอบการทำธุรกิจจากในตำราแบบ ‘อีลอน มัสก์’ จะทำให้เทสลาผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปได้อย่างไร?
Sources: https://bloom.bg/3ObpQhm
https://bloom.bg/3zQwNQJ
https://cnb.cx/3zRnArd
https://cnb.cx/3HHOpQu
https://bit.ly/3QIxsKa