“ในประเทศไทยประเทศเดียวมีเศษผ้าเหลือใช้กว่า 350,000 ตันนะครับ ซึ่งหมายถึงว่า เราสามารถทำเสื้อได้ 700 ล้านตัวจากผ้าที่เป็นผ้าส่วนเกิน” คือสิ่งที่คุณอมรพล หุวะนันทน์ อดีตนักการเงินผู้หลงใหลเรื่องสตาร์ทอัพ เล็งเห็นปัญหาของผ้าเหลือใช้ที่ถูกทิ้งขว้าง นำไปสู่การสร้างเป็นธุรกิจ Moreloop
ก่อนอื่นสำหรับผู้ที่ไม่รู้จักว่า Moreloop คืออะไร? Moreloop เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่รวบรวมผ้าส่วนเกินจากโรงงานอุตสาหกรรม มาสร้างเป็นตลาดผ้าของตัวเอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ
ทาง Future Trends มีโอกาสได้สัมภาษณ์ คุณอมรพล หุวะนันทน์ หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง Moreloop Passion และจุดประสงค์ของการทำธุรกิจในครั้งนี้เป็นอย่างไร ลองมาดูกัน
“สิ่งที่ Moreloop มองดูเป็นอันดับแรกคือ การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นครับ ตอนแรกเรามีหลายชื่อมากเลยนะครับว่าจะดำเนินธุรกิจในชื่อไหนดี จนกระทั่งมาเป็นชื่อของ Moreloop ที่มีความหมายถึง ‘การวนลูปไม่จบไม่สิ้น’ ทำให้เกิดเป็นชื่อ Moreloop ครับ”
“Moreloop เริ่มจากคนที่เป็นผู้ก่อตั้งเนี่ย 2 คนนะครับ เราจะเรียกว่าเป็นโมเดลแบบ pain and passion ความเจ็บปวดแล้วก็ความหลงใหลนะครับ ก็คือว่าของผมเนี่ย เป็นด้านความหลงใหลเกี่ยวกับเรื่องสตาร์ทอัพ เกี่ยวกับเรื่องการสร้างสิ่งใหม่ แล้วก็หลงใหลเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเรื่องของขยะ waste management”
“ก่อนหน้านี้ ผมทำเรื่องการเงินมาโดยตลอด ไม่เคยเกี่ยวข้องกับผ้า หรือ สตาร์ทอัพขนาดนั้น จนกระทั่งก็มาเจอยุคที่สตาร์ทอัพรุ่งเรือง แล้วมีคนพูดว่า คนเราเนี่ย สามารถจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้นะ ผ่านกลไกของแนวคิดแบบสตาร์ทอัพ ผ่านการใช้อินเตอร์เน็ต หรือว่า ช่องทางออนไลน์ ใช้ data เพื่อสร้างธุรกิจขึ้นมาเป็นยุคใหม่ เขาเรียกว่ายุค 4.0”
“เราก็เชื่อว่าเอออันนี้น่าจะเกิดขึ้นได้จริง เพราะเราก็เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านโซเชียลมีเดีย เปลี่ยนแปลงทางการซื้อของผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เราก็เลยคิดว่าเราน่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านกลไกแบบนี้ได้บ้าง ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อสร้างสตาร์ทอัพอะไรบางอย่างที่เราสนใจ”
“สิ่งที่เราสนใจเนี่ย เป็นเรื่องกี่ยวกับของเหลือ ในขณะที่เริ่มค้นคว้าก็ไปเจอว่าของเหลือมันมาจากอุตสาหกรรมการผลิตเยอะ ดังนั้น มันก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริโภคอย่างไม่ยั่งยืน หรือว่าเรียกว่า linear economy ทำให้ผมสนใจว่าเออความคิดแนวที่เราจะเห็นของเหลือไม่เป็นของเหลือเนี่ย ทำยังไงได้บ้าง”
“พอชัดเจนมากๆ แล้วก็เลยเอากลไกสตาร์ทอัพเนี่ย มารวมกับความคิดตรงนี้ พอรวมเสร็จปุ๊บเราก็ต้องถามตัวเองต่อว่า แล้วเราจะหมุนเวียนอะไร? เพราะขยะก็มีหลายแบบ ในฐานะที่ผมเป็นนักการเงินมาก่อนเนี่ย เมื่อก่อนเคยเยี่ยมโรงงานเยอะ ทำให้เห็นของเหลือในโรงงานเยอะ ตอนแรกยังไม่แน่ใจว่าจะเล่นอุตสาหกรรมไหนจนนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งได้”
“คือคุณแอ๋ม ก็จะมาถึงด้านความเจ็บปวดของคุณแอ๋ม ตัวเธอมีผ้าที่ค้างสต๊อก dead stock ที่เหลืออยู่ในโรงงาน ถ้าเกิดว่าเราสนใจเกี่ยวกับการหมุนเวียนอะไรบางอย่างเนี่ย ลองเอา dead stock พวกนี้มาหมุนเวียนไหม ผ่าน digital economy ที่เราสนใจ ก็เลยเกิดขึ้นมาเป็น Moreloop ที่จับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอครับ”
“จากผ้าที่รวบรวมมา สามารถหารายได้ ได้ในหลายรูปแบบ เราเปรียบเป็นเหมืองที่มีผ้ามารวมกัน มีผ้าหลากหลาย ก็ขึ้นอยู่ว่าเราจะเอาผ้าไปใช้แบบไหน แบบแรกก็คือขายเป็นวัตถุดิบ ขายผ้าเป็นผ้า ก็เหมือนตลาดผ้า เป็นเหมือนร้านขายผ้าร้านนึง แต่ผ้าที่เราขายไม่ใช่ผ้าที่ทอใหม่ เป็นผ้าที่เหลือ ซึ่งลูกค้าหลายคนก็นำไปใช้เป็นสารตั้งต้นของธุรกิจตัวเอง เพราะผ้าของเราไม่จำเป็นต้องซื้อเยอะ และราคาก็เข้าถึงได้ง่าย”
“แบบที่สอง ก็คือนำผ้าเหล่าเนี้ย มาผลิตเป็นของชำร่วยให้กับองค์กรต่างๆ ใช้แจกคนภายใน หลายบริษัทก็เอาผ้าของเราไปทำเป็นยูนิฟอร์ม เป็นยูนิฟอร์มที่ยั่งยืน เพราะว่าไม่ได้ใช้ผ้าใหม่ หรือจะนำไปเป็นของแจก เช่น กระเป๋า ของชำร่วย เป็นต้น”
“สุดท้ายก็คือการนำมาผลิตเป็นเสื้อผ้าในแบรนด์ของ Moreloop เองครับ”
“คืออย่างแรกเลยเนี่ย ต้องบอกว่าผ้าที่เป็นผ้าส่วนเกินที่เหลืออยู่ออะครับ มีจำนวนเยอะมาก อย่างในเมืองไทยเนี่ย เราประเมินว่ามีอยู่ประมาณ 350,000 ตันนะครับ ซึ่งแปลออกมาเนี่ย หมายถึงว่าเรา สามารถทำเสื้อได้ 700 ล้านตัวต่อปี เฉพาะแค่เมืองไทยนะครับ จากผ้าที่เป็นผ้าส่วนเกิน เพราะฉะนั้นเป็น เขาเรียกว่าเป็น resource เป็นทรัพยากรที่มหาศาลมาก”
“มันจึงเติบโตได้แน่นอนในการที่เราจะจับผ้าเหลือใช้มาสร้างเป็น Moreloop เริ่มจากโรงงานที่เราไปรวมผ้ามาเนี่ยจาก 5 โรงงานตอนนี้เราก็เติบโตมีเครือข่ายกว่า 70 โรงงาน มีผ้ากว่าพัน 3,000 ชนิด เพราะฉะนั้น เราจะสามารถเติบโตไปได้เยอะกว่านี้แน่ๆ”
“ส่วนด้านความต้องการเนี่ย เรามีลูกค้าหลายรูปแบบ ลูกค้าที่ซื้อผ้าเป็นผ้า ลูกค้าของชำร่วยจากผ้า และก็ลูกค้าแบรนด์ของ Moreloop เอง เพราะฉะนั้นเราเห็นการเติบโตมาเรื่อยๆ และมันจะเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืนครับ”
“ก็คือของเราเนี่ยนิยามตัวเองกับ SDGs ก็คือเบอร์ 9 เบอร์ 12 แล้วก็เบอร์ 13 นะครับ เบอร์ 9 ก็จะเป็นการสร้างโครงสร้าง เขาเรียกว่า infrastructure ใหม่ขึ้นมาเพื่อความยั่งยืนมากขึ้นนะครับ เบอร์ 12 ก็จะเป็นการผลิต แล้วก็การบริโภคแบบยั่งยืนนะครับ ของ Moreloop ก็จะค่อนข้างเด่นชัดในเบอร์นี้ และสุดท้ายเบอร์ 13 เนี่ย เป็นเกี่ยวกับพวก climate actionเราเกี่ยวข้องเพราะว่าการที่เราใช้ผ้าส่วนเกิน ส่งผลให้เราไม่ผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ใหม่ หมายถึงว่าถ้าเปรียบเทียบแล้วเนี่ย ผ้าพวกเนี่ย เคยผลิตคาร์บอนไดออกไซด์มาแล้วนะครับ”
“ถ้าเกิดว่า Moreloop ไม่ได้เก็บมา สมมุติว่าโดนทิ้งไป ก็แปลว่าตรงนั้นก็คือสูญเปล่าเลยนะครับเป็นการสร้างคอร์บอนไดออกไซด์แบบไม่มีประโยชน์ใดๆ เพราะฉะนั้นของที่เราผลิตขึ้นมาเนี่ย ทำให้ช่วยป้องกันการเกิดคาร์บอนใหม่ ก็จะเป็น SDGs 3 ข้อนี้ครับที่ Moreloop พยายามสร้างเพื่อความยั่งยืน”
“ที่ผ่านมา เรามีการรวบรวมผ้า แล้วก็หมุนเวียน จากตอนเริ่มต้นปีแรกๆ ประมาณ 500 กิโลกรัม ตอนนั้นปลายปี 2018 ก็คือถือว่าน้อยมากแหละในเชิงธุรกิจ แต่ว่าผ่านมา 4 ปีรวมกันทั้งหมดเนี่ย ตอนนี้เราหมุนเวียนผ้าไป 55,000 กิโลกรัมแล้วนะครับ”
“เราเห็นการเติบโตตรงเนี่ยอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นเราก็จะเห็นรายได้ของเราเติบโตทุกๆ ปีด้วย เพราะฉะนั้นในเรื่องของธุรกิจ เรามีทั้งการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้น ธุรกิจเรายิ่งโต เรายิ่งหมุนเวียนทรัพยากรมากขึ้น ก็จะยิ่งเกิดความยั่งยืนมากขึ้นครับ”
“คนขายก็ได้ขายของเหลือในราคาที่เป็นธรรม คนซื้อก็ได้ของดีที่ยั่งยืน แล้วก็สังคมก็จะเห็นภาพว่าเฮ้ยสิ่งนี้เกิดขึ้นได้จริง เป็นธุรกิจได้จริงนะ แล้วเราก็มีการหมุนเวียนทรัพยากรจริงๆ ครับ จึงส่งผลให้ตัว Moreloop เอง อยู่ได้ด้วยในเชิงธุรกิจ”
“ก็คือผ้าส่วนเกินเนี่ย จะมีเหลืออยู่ในห่วงโซ่ของการผลิตอยู่แล้วนะครับ ทั้งจากคนที่เป็นโรงงานผลิตผ้า คนที่ผลิตเสื้อผ้า คนที่เป็นคนซื้อมาขายไปนะครับ พวกนี้ทุกคนก็จะมี dead stock ของตัวเองในแบบต่างๆ หรือว่าสินค้าหรือวัสดุที่เคลื่อนไหวช้านะครับ”
“เพราะฉะนั้นความช้าอันเนี่ย Moreloop ก็เหมือนมาทำให้เร็วขึ้นนะครับ แล้วเราก็บอกว่าเออของพวกนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาไปขายแบบถูกๆ นะ สามารถเอามาฝากเราขายได้ เรามีหลายวิธีในการของเหลือพวกนี้เป็นเงินให้ได้ เราจึงเก็บได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ”
“คือภาพของการทำเศรษฐกิจหมุนเวียนนะครับ เราอยากจะเห็น เพราะว่า vision ของ Moreloop ก็คือว่า make circular economy a reality ก็คือทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนเกิดได้จริง คำว่าเกิดได้จริงของเราหมายถึงว่า เป็นธุรกิจได้จริง มีกำไรจริง แล้วก็สามารถขยายได้จริง การที่เราทำให้ตรงนี้เกิดขึ้นเนี่ย หมายถึงว่าเราจะสามารถที่จะทำให้เกิดการทำเศรษฐกิจหมุนเวียน แน่นอนปัจจุบันเนี่ย เราอยู่กับเศรษฐกิจที่เขาเรียกว่าเป็นเศรษฐกิจเส้นตรง”
“เป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน 9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเพียงแค่ Moreloop อย่างเดียวมันไม่สามารถเพิ่มขึ้นเปอร์เซ็นต์ขึ้นไปได้ แต่มันทำให้เราเห็นว่าทั้งสองเศรษฐกิจสามารถอยู่ด้วยกันได้ เขาว่ากันว่าถ้าเกิดว่าเป็นเส้นตรง 80 เป็นหมุนเวียน 20 เนี่ย เราจะสามารถควบคุมอุณหภูมิโลกได้”
“เพราะฉะนั้นก็จะเป็นโลกที่เราทุกคนยังสามารถอยู่ได้ จากการที่เราช่วยกันเปลี่ยนให้เศรษฐกิจของเรา ให้มีการหมุนเวียนและเส้นตรงอย่างสมดุล Moreloop อยากเป็นกลไกที่จะสร้างสมดุลใหม่ตรงนี้ให้เกิดขึ้น แล้วเราก็หวังว่ามันจะไม่ใช่เราคนเดียวที่ทำตรงนี้ เราเชื่อว่าช่วยกันทำเยอะขึ้น ความสมดุลก็จะเกิดเร็วมากขึ้นนะครับ”
“เข้าปีที่ 5 แล้วเนอะ คือเกิดเป็นธุรกิจแล้วแหละ แล้วก็มีคนรู้จักแล้ว แต่ว่าในฐานะเจ้าของอะ เราก็ไม่เคยพอใจกับธุรกิจเราหรอก ผมคิดว่ามันจะเป็นสเต็ปต่อไป คือมีความพอใจระดับนึงแล้ว แต่ว่าไปถึงตรงที่เราฝันไว้หรือยัง คิดว่ายังมีการต่อสู้อีกเยอะมากเลยที่เราจะต้องไป แต่ก็พร้อมครับ พร้อมที่จะไป แล้วก็เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ”
“เรามองว่าของที่อยู่ในอุตสาหกรรมอื่นๆ เนี่ย เราสามารถ apply ทฤษฎีแบบเดียวกันได้ ก็อาจจะรู้จัก Moreloop ในฐานะพ่อค้าผ้าเหลือดิจิตอลคนนึง แต่ผมมองว่าในอนาคตสามารถนำไปใช้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้ ซึ่งอันนั้นนะเป็นเป้าหมายของเราอยู่แล้วในการที่จะหมุนเวียนอย่างอื่นไปด้วยกัน ในระยะใกล้ก็คงจะเห็นเราเป็นเรื่องผ้าไปก่อนนะครับ”
“ในส่วนของอุตสาหกรรมอื่นๆ เนี่ย ผมคิดว่าเราพอเราเริ่มอยู่ตัวกับธุรกิจตรงนี้แล้ว เราก็คงจะค่อยๆ ลองทำอย่างอื่นไปด้วยครับ ก็อยากจะเป็นคลังวัตถุดิบสำหรับของเหลือทั้งหลายนะครับ ก็ฝาก Moreloop ตอนนี้ไว้ด้วย อนาคตอันใกล้เราจะเติบโตขึ้นไปอีกครับ”
ทาง Future Trends ก็หวังว่าจะได้เห็น Moreloop เติบโตเป็นธุรกิจที่ทำเศรษฐกิจหมุนเวียนในหลายๆ อุตสาหกรรมเพิ่มมากยิ่งขึ้นแต่ในตอนนี้สิ่งที่ทำอยู่ก็แสดงให้เห็นถึง Passion อันยิ่งใหญ่ของ คุณอมรพล หุวะนันทน์ ในการบริหาร Moreloop แล้วนะครับ
ในบทความสัมภาษณ์ต่อไปจะเป็นใครคอยติดตามดูกันนะครับ ว่าธุรกิจของพวกเขาจะมี Passion หรือ Pain Point อย่างไรในการช่วยเหลือโลกของเรา
สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน