LOADING

Type to search

‘Deinfluencer’ เทรนด์ใหม่มาแรงของ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ ที่ไม่ชวนคนซื้อสินค้า แต่รีวิวข้อเสียตรงไปตรงมา ตอบโจทย์ลูกค้าชอบความจริงใจ

‘Deinfluencer’ เทรนด์ใหม่มาแรงของ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ ที่ไม่ชวนคนซื้อสินค้า แต่รีวิวข้อเสียตรงไปตรงมา ตอบโจทย์ลูกค้าชอบความจริงใจ
Share

ถ้าจะให้อธิบายคำว่า ‘Deinfluencer’ (ดีอินฟลูเอนเซอร์) ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่มาแรงในโลกโซเชียลให้เข้าใจง่ายๆ อาจคล้ายคำว่า ‘Anti-social social club’ เป็นความย้อนแย้งของคนเป็น ‘อินฟลูเอนเซอร์’ ที่ต่อต้าน ‘อินฟลูเอนเซอร์’ ด้วยกันเอง เพราะเน้นขายของมากเกินไปจนลืมเรื่องความถูกต้องชอบธรรม

อย่างไรก็ตาม ความย้อนแย้งนี้ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่เป็นกระแสที่บ่งบอกถึงความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่รักความเป็นธรรม จริงใจ และไม่ ‘เฟค’

สำนักข่าว The Washington Post บรรยายถึงปรากฏการณ์ Deinfluencer หรือนักรีวิวผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์ ที่ไม่ใช่นักขายแบบเดิมว่า กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งพยายามดันยอดขายจนกลายเป็นไวรัลแฮชแท็ก #tiktokmademebuyit ไปก่อนหน้านี้

Deinfluencer คือนักรีวิวสินค้าที่เกิดขึ้นมาเพื่อตอบโต้อินฟลูเอนเซอร์นักขายแบบเก่า ซึ่งมักพูดแต่ข้อดีของผลิตภัณฑ์ที่ตนเองรับเงินมาช่วยโปรโมต โดย Deinfluencer จะรีวิวสินค้าอย่างตรงไปตรงมา พูดถึงข้อเสีย และบอกให้ผู้ติดตามอย่าหลวมตัวเสียเงินซื้อผลิตภัณฑ์นั้นมาใช้เป็นอันขาด

ปรากฏการณ์ Deinfluencer ที่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดใน TikTok และมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก เริ่มสังเกตได้ชัดในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2023

อลิสซา โครเมลิส (Alyssa Kromelis) Deinfluencer วัย 26 ปี จากเมืองดัลลัส บอกว่า เธอเริ่มเข้าสู่วงการนี้ หลังจากไถ TikTok เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาและพบว่า มีคนจำนวนมากทำคอนเทนต์แนวนี้ มันตรงจริตของเธอ จึงตัดสินใจทำคอนเทนต์ในแนวเดียวกัน

“ฉันเป็นคนประเภทที่ซื้ออะไรมาแล้วถ้ามันห่วย ฉันจะป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปดังๆ” อลิสซา บอกกับ The Washington Post โดยสินค้าที่เธอรีวิวส่วนใหญ่เป็นพวกโลชั่น เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม โพสต์ล่าสุดมีคนกดไลค์มากกว่า 804,000 ไลค์ และยอดวิวราว 5.5 ล้านวิว

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เทรนด์ Deinfluencer ถือเป็นจุดพลิกผันของการตลาดแบบใช้ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ (influencer marketing) ซึ่งในปี 2022 มีเม็ดเงินหมุนเวียนมากถึง 16,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ผู้บริโภครุ่นใหม่มองเห็นภาพการทำงานร่วมกันระหว่างสินค้ากับอินฟลูเอนเซอร์ชัดขึ้น และช่วยกันส่งเสียงเตือนไปยังธุรกิจต่างๆ ไม่ให้เน้นขายของจนลืมความถูกต้องชอบธรรม รวมถึงเตือนเหล่าครีเอเตอร์ ที่ให้ความสำคัญกับการหารายได้มากกว่าเล่าความจริง หรือพยายามโปรโมตลัทธิบริโภคนิยมจนเกินไป

นอกจากนี้ เทรนด์ดังกล่าวยังมาในยุคที่อเมริกามีอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง ทำให้เหล่านักช้อปต้องใช้จ่ายอย่างรัดกุมรอบคอบมากขึ้น

รอนนี กูดสไตน์ (Ronnie Goodstein) อาจารย์ด้านการตลาดของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ บอกว่า ภาคธุรกิจมีการปรับตัวรับกระแสนี้แล้ว โดยผลิตภัณฑ์ต่างๆ พยายามวิ่งเข้าหา Deinfluencer เพื่อให้ช่วยนำเสนอสินค้าทางเลือกแทนผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาไม่แนะนำให้ซื้อ

บางรายถึงขั้นยอมจ่ายเงินเป็นสปอนเซอร์ให้คอนเทนต์รีวิวสินค้าคู่แข่ง เพื่อให้ Deinfluencer นำเสนอสินค้าของตัวเองเป็นทางเลือก

“ผมคิดว่า Deinfluencer กำลังได้รับความสนใจจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ เพราะข้อมูลเชิงลบมันน่าเชื่อถือ ดังนั้น พวกเขาจะได้เรตติ้งความน่าเชื่อถือที่อินฟลูเอนเซอร์ทั่วไปเคยได้มาก่อน” กูดสไตน์ กล่าว

“ดังนั้น อิทธิพลของ Deinfluencer กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอิทธิพลของอินฟลูเอนเซอร์แบบเก่าก็กำลังลดลง”

ไฮดี คาลูซา (Heidi Kaluza) อินฟลูเอนเซอร์สายความยั่งยืนด้านแฟชั่น จากเมืองซีแอตเทิล ซึ่งมีผู้ติดตามใน TikTok เกือบ 50,000 คน บอกว่า ความจริงแล้ว Deinfluencer ไม่ใช่เรื่องใหม่

คนสร้างคอนเทนต์บนอินเทอร์เน็ต มีการพูดถึงอันตรายของ ‘ฟาสต์แฟชั่น’ และการบริโภคสินค้ามากเกินไปมาหลายปีแล้ว แต่คุณค่าของนักวิจารณ์สินค้าด้วยความซื่อสัตย์เพิ่งเปลี่ยนแปลง เมื่อเทรนด์ Deinfluencer เริ่มกลายเป็นกระแส

ไฮดี บอกว่า ก่อนหน้านี้คนมักโจมตีนักรีวิวที่จริงใจว่าเป็นพวก ‘Hater’ หรือ ‘คนจงเกลียดจงชัง’ ไม่ว่าแบรนด์จะทำอะไร ‘ถ้าคนจะเกลียด มันก็เกลียดวันยังค่ำ’ ทำให้ Deinfluencer ไม่มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป และนักรีวิวสาย Deinfluencer กำลังมาแรง เบรนแดน กาแฮน (Brendan Gahan) ผู้บริหารบริษัทโฆษณา Mekanism บอกว่า ธุรกิจอาจต้องปรับมุมมองเชิงกลยุทธ์ใหม่เพื่อรับมือกับกระแสนี้ เช่น สำรวจตรวจสอบผู้ที่จะจ้างมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ต้องมีความละเอียดรอบคอบยิ่งขึ้น และอาจต้องทำสัญญากันแบบระยะยาว

ด้าน กูดสไตน์ ทำนายว่า ปรากฏการณ์นี้อาจทำให้สินค้าบางยี่ห้อต้องปรับกลยุทธ์ไปไกลถึงขั้นจ่ายเงินจ้างอินฟลูเอนเซอร์ ไม่ให้พูดถึงผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ

“คนเราเชื่อข้อมูลเชิงลบ มากกว่าเรื่องดีๆ ดังนั้น Deinfluencer กำลังสร้างผลกระทบในตลาดได้รุนแรงกว่าอินฟลูเอนเซอร์ทั่วไปที่เคยทำได้มาก่อน”

ในยุคสมัยที่ทุกคนสามารถเป็นสื่อเองได้ และไม่มีใครควบคุมสื่อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คุณสมบัติอย่างความถูกต้อง จริงใจ ไม่เสแสร้ง จึงกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหา และนั่นเป็นที่มาให้ Deinfluencer กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดที่กำลังอยู่ในกระแส ณ ปัจจุบัน

เขียนโดย Phanuwat Auaudomchaisakun

Source: http://bit.ly/3m47V33

Tags::