‘e-Learning’ ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือทางรอด : คุยกับ Infographic Thailand ทำไมองค์กรถึงต้องให้ความสำคัญ

Share

‘disruption’ กลายเป็นคำที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ เพราะนับวันเทคโนโลยีก็ยิ่งพัฒนาตัวเองเร็วขึ้น เก่งขึ้น จนมนุษย์เงินเดือนแบบเราจะตามพวกมันไม่ทันกันอยู่แล้ว แต่ก็มีวิธีการหนึ่งที่เริ่มถูกพูดถึงไปพร้อมๆ กับการดิสรัปต์ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เช่นนี้ก็คือ การ ‘re-skill’ และ ‘up-skill’ ด้วยการเติมความรู้ให้ตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ‘e-Learning’ คือ หัวใจสำคัญที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์-เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดีขึ้น

แม้ e-Learning จะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เรากลับพบว่า มีหลายองค์กรอีกเช่นเดียวกันที่ e-Learning ไม่ได้ถูกให้ความสำคัญมากขนาดนั้น บางองค์กรทำคลิปวิดีโอหรือสไลด์ซึ่งเป็นตัวช่วยให้กับพนักงานก็จริงแต่กลายเป็นว่า ความรู้เหล่านั้นไม่ได้ถูกหยิบมาปัดฝุ่นให้สอดรับกับยุคสมัยเท่าที่ควร

โรส-รัสรินทร์ อัศววิภาโรจน์ Business Director Infographic Thailand

ถ้าอย่างนั้น e-Learning ที่ดีต้องเป็นแบบไหน? องค์กรจะมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่พนักงานได้ยังไงบ้าง เราลองมาฟังเรื่องนี้จากโรส-รัสรินทร์ อัศววิภาโรจน์ Business Director Infographic Thailand หนึ่งในผู้นำผลิตสื่อด้าน e-Learning ของไทยกัน

ทำไมการเรียนรู้ถึงเป็นสิ่งสำคัญของคนในยุคนี้มาก

เราจะเห็นข่าวมากมายที่ออกมาประกาศปลดพนักงาน โรงงานปิด เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ ใช้เครื่องจักรแทนคน เราอยู่กับข่าวแบบนี้มาเยอะมาก ซึ่งเทคโนโลยีก็เข้ามาจริงๆ มาแทนคนในหลายตำแหน่ง นอกจากตัวหุ่นยนต์แล้วยังมีระบบเอไออีก เขาพยายามลดสัดส่วนการใช้มนุษย์ลงโดยส่วนตัวเรารู้สึกว่า การจะอยู่รอดในยุคนี้ จะเป็นพนักงานในองค์กรได้โดยที่เขาไม่ได้มองว่า มีคนมาแทนเราง่ายๆ ตัวเราจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา อะไรที่เป็นองค์ความรู้ใหม่ๆ จำเป็นต้องใช้เราต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เราเรียนจบกันมาหลายปี ความรู้เดิมที่เคยเรียนบางครั้งก็ใช้ไม่ได้แล้วเพราะโลกเปลี่ยนไวจริงๆ

บางคนคิดว่า ยังไงก็อยู่รอดเพราะทำงานกับองค์กรขนาดใหญ่ ถ้ามีความคิดประมาณนี้สักวันอาจจะมีคนรุ่นใหม่ที่เก่งกว่ามาแทนที่เราก็ได้ เด็กรุ่นใหม่เขาโตมากับเทคโนโลยี เคยชินและใช้งานได้ดีกว่าเรา เราจะถูกแทนที่ด้วยคนยุคใหม่แน่นอน มันมีคนที่พร้อมจะทำในสิ่งที่เราทำได้ตลอดเวลา โลกปัจจุบันคนเก่งเยอะมาก ถ้าวันนี้ยังอยู่ที่เดิมไม่พัฒนาทักษะให้พร้อมมากขึ้น หรือองค์กรไม่ได้เห็นว่า เรากระตือรือร้น มีประโยชน์กว่าเดิมมันก็เพิ่มความเสี่ยงที่เราจะถูกปลดได้ง่ายๆ

แล้วองค์กรจะเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาพนักงานได้ยังไงบ้าง

ในมุมองค์กรเขาต้องดูภาพรวมก่อนว่า ธุรกิจจะเดินต่อไปยังไงในโลกที่มีการแข่งขันสูงมากๆ โลกที่ถูกดิสรัปต์ทุกวันด้วยเทคโนโลยี พอองค์กรมีกลยุทธ์ในการต่อสู้แข่งขันได้ ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กลยุทธ์นั้นประสบความสำเร็จคือ พนักงาน พนักงานปัจจุบันมีความรู้เพียงพอที่จะทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นรึเปล่า แข่งขันกับคนอื่นได้ไหม ฉะนั้น สิ่งสำคัญคือ องค์กรต้องให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมพนักงาน จากเดิมที่อาจจะอบรมอยู่แล้วเป็นปรกติ อาจจะให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น ต้องเติมทักษะอะไรให้กับพนักงานอีกรึเปล่า อาจจะต้องจ้างคนจากข้างนอกมาสอน หรือซื้อคอร์สเรียนดีๆ สักคอร์สให้พนักงาน เราอาจจะลงทุนเป็นระบบ e-Learning เลยไหม ในเมื่อวันนี้เราจำเป็นจะต้องมีพนักงานของเราตามกลยุทธ์ที่วางไว้

พอจะยกตัวอย่างองค์กรที่เราเคยเข้าไปช่วยดูเรื่อง e-Leaning ได้ไหมว่า มีการ เติมความรู้ด้วยวิธีการแบบไหน

อย่างเราในฐานะที่อยู่ในตำแหน่ง business director เรามีหน้าที่ดูแลตำแหน่ง sale ด้วย เวลามี sale เข้ามาร่วมงานกับเราใหม่ๆ ก็จะระบุเลยว่า คุณต้องผ่านการเรียนคอร์สอะไรบ้าง มีการเทรนนิ่งภายในยังไง ส่วนเรื่ององค์ความรู้อื่นๆ อาจจะให้วิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาช่วยสอนส่งพนักงานไปเรียนว่า ต้องปิดการขายยังไงให้มีประสิทธิภาพ เป็นต้น แต่สิ่งที่เป็นปัญหาในการเทรนนิ่งพนักงานคือ เรื่องของเวลาที่ไม่ตรงกัน บางครั้งพนักงานมีความพร้อมมากๆ แต่ติดเรื่องผู้สอนไม่มีเวลาสอน หรือเวลาที่เราส่งเขาไปเรียนก็อาจจะตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งบางคนเขาก็ติดปัญหาตรงนี้เหมือนกัน

เราเลยมีไอเดียวิธีการปรับทีมเกิดขึ้น บางส่วนที่เป็นแพทเทิร์นเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เราก็อัดวิดีโอ พอเขามาถึงก็สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้เลย หลังจากเรียนเสร็จเราก็มีตัวชี้วัดให้เขาลองตอบทบทวนอีกรอบเพื่อดูว่า เข้าใจมากน้อยแค่ไหน การมีระบบ e-Learning เข้าไปช่วย ทำให้บทเรียนที่ซับซ้อนเกิดความเข้าใจมากขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องการเรียนก็อาจจะเข้าใจยาก แต่พอทำออกมาให้สนุกแล้วพนักงานรู้สึกเอ็นจอย เห็นภาพ ใส่เทคนิคอื่นๆ เข้าไปด้วย ตรงนี้จะช่วยให้พนักงานเกิดความกระตือรือร้นมากขึ้น

UOB กองทุนคุณธรรม Motiongraphic โดย Infographic Thailand

e-Learning มีข้อดีหรือประโยชน์ยังไงบ้าง หลังจากที่ได้ลองใช้มาแล้ว

แต่ก่อนจะมีข้อจำกัดในการเทรนนิ่งพนักงานอยู่ ปีๆ หนึ่งเราอาจจะเทรนได้ไม่กี่รอบ เพราะมีปัจจัยเรื่องเวลา สถานที่ และวิทยากรเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งถ้าไม่สามารถเทรนได้ตามความต้องการจากปัจจัยที่ว่ามาเมื่อกี้ ก็อาจจะมีผลกับพนักงานกลายเป็นว่า เขาต้องมารอรอบเทรนใหม่ ต้องเริ่มทำงานก่อนที่จะได้เตรียมความพร้อม เท่ากับบริษัทเองก็เสียโอกาสทางธุรกิจไปเลย

แต่พอปัจจุบัน ระบบ digital learning เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนพนักงานและองค์กร ตัวพนักงานสามารถเรียนรู้แบบออนไลน์ เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา แล้วนำความรู้ตรงนั้นไปใช้ได้เลยทันที นอกจากนั้น ยังเป็นตัวช่วยเก็บข้อมูลด้วยว่า พนักงานมีความสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ เขาสนใจเรียนเรื่องไหนเพิ่มเติมอีกบ้างนอกจากส่วนที่เรามอบหมายไป ตรงนี้ก็นำไปสู่การพัฒนาประโยชน์ และระบบสวัสดิการขององค์กรได้ในภายหลัง

การมี e-Learning เข้ามาใช้ในองค์กรมีความสำคัญจำเป็นแค่ไหน แตกต่างจากการเรียนระบบออฟไลน์อย่างไร

ส่วนตัวมองว่า การเรียนออฟไลน์ก็ยังจำเป็นอยู่เพราะเราได้เจอหน้ากัน มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน แต่ถามว่า e-Learning จำเป็นไหม ก็ขึ้นอยู่กับว่า องค์กรนั้นมีแผนการบริหารยังไง การเรียนออนไลน์ตอบโจทย์รึเปล่า ถ้าเป็น e-Learning องค์กรอาจจะต้องหันมาดูความต้องการของพนักงานในแต่ละช่วงวัยที่ต่างกันด้วย เช่น ถ้าพนักงานในองค์กรเป็นคนเจนใหม่ค่อนข้างเยอะ เขาจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนกับเจนก่อนๆ เขาใช้พวกระบบพวกนี้คล่องมือมาก เขาอยู่กับมันทุกวัน อยากเรียนตอนไหนก็เรียน มีความสนใจเฉพาะด้าน อยากโตไว อยากประสบความสำเร็จเร็วๆ e-Learning ก็ตอบโจทย์กับองค์กรที่มีพนักงานรุ่นใหม่เยอะๆ แต่ก็ต้องบาลานซ์ด้วยไม่ใช่ว่าคนรุ่นเก่าๆ ไม่จำเป็นต้องเรียน

อยากให้แชร์ประสบการณ์หน่อยว่า พอนำระบบ e-Learning เข้าไปใช้ในองค์กรแล้ว ได้รับกระแสตอบรับกลับมายังไงบ้าง

จากฟีดแบ็คที่เราทำงานกับลูกค้ามาจะมีอยู่ 2 คำตอบใหญ่ๆ ที่ได้ คือ ฟีดแบ็คที่ไม่สามารถวัดผลได้ว่าพนักงานใช้ระบบ e-Learning จริงรึเปล่า เรียนแล้วช่วยให้งานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจริงไหม ซึ่งมุมนี้เรามองว่า ต้องมีการวางแผนตั้งแต่แรกในการวัดผลพนักงาน มีรูปแบบการวัดผลยังไงให้กลับมาตอบตัวองค์กรได้ว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า อาจจะต้องทำระบบหลังบ้านให้ช่วยตรวจสอบได้มากขึ้น หรือทำเป็นแบบสอบถาม pre test, post test ให้กับพนักงานทุกคน ก็จะช่วยวัดผลได้เหมือนกันว่า ก่อนเรียนมีความรู้แค่ไหน ปฏิบัติงานได้มีประสิทธิภาพยังไง หลังจากเรียนแล้วมีความเข้าใจมากขึ้นไหม นำความรู้ที่ได้ไปใช้หน้างานได้จริงๆ รึเปล่า ต้องออกแบบการวัดผลอย่างใกล้ชิด รวมถึงเก็บฟีดแบ็คในเรื่องของเนื้อหาที่ใส่เข้าไปใน e-Learning ด้วยว่า ตอบโจทย์พนักงานหรือยัง เขามีฟีดแบ็คอื่นๆ ในเนื้อหาไหม มันน่าเบื่อรึเปล่า อันนี้จะช่วยวัดผลได้

ในส่วนฟีดแบ็คอีกด้านก็จะแฮปปี้ไปเลยอย่างที่บอกว่า แต่ก่อนหลายองค์กรจะติดปัญหาเรื่องสถานที่ หรือวิทยากรที่ไม่สามารถอบรมได้บ่อยครั้ง ทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจไป พอมีระบบแบบนี้ก็ลดปัญหาไปได้ทั้งหมด พนักงานเรียนนอกเวลางานได้ เรียนเสาร์อาทิตย์ก็ได้ไม่เบียดเวลาการทำงาน ทำให้บริษัทมีโอกาส มีความได้เปรียบในการแข่งขันด้วย เนื่องจากพนักงานมีความพร้อม

เวลาเข้าไปวางระบบให้กับลูกค้า ส่วนใหญ่จะเป็นโปรดักต์แบบไหน

ส่วนใหญ่จะเป็นตัววิดีโอหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เราอัดแล้วให้น้องๆ เข้ามาเรียนในระบบ เป็นต้น หรือบางทีเป็นองค์ความรู้จากคนข้างนอกเข้ามาอัดเทปแล้วอัปโหลดเข้าไปในระบบก็ได้เหมือนกัน หรืออย่างอะไรที่เป็นเนื้อหายากๆ เป็นเชิงคอนเซปต์เราอาจจะเล่าในรูปแบบ motion graphic หรือ animation เพื่อช่วยให้สนุกและเข้าใจง่ายขึ้น material ของ e-Learning มีหลากหลายมากขึ้นอยู่กับเนื้อหา และพฤติกรรมของผู้เรียนว่า เขาต้องการแบบไหน และอินไซต์พนักงานเป็นยังไง

งาน e-Learning ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดย Infographic Thailand

แล้วทำไม Infographic Thailand ถึงหันมาทำ e-Learning

ต้องบอกว่า Infographic Thailand อยู่ในวงการการทำเรื่องยากให้เข้าใจง่ายมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา มีความเชี่ยวชาญในการแปลงคอนเทนต์ที่เข้าใจยากซับซ้อน ย่อยข้อมูลประเด็นสำคัญออกมา แล้วก็เอาภาพเข้าไปทำให้น่าสนใจ เราเลยใช้คอนเซปต์นี้มาผลิต e-Learning ให้ลูกค้า นั่นคือจุดที่เราแข็งแรงมากที่สุด อีกอย่างที่เกริ่นไปคือ ตัวเราเองเข้าใจปัญหาการเทรนนิ่งพนักงาน เราสามารถให้คำปรึกษาลูกค้าได้ว่า e-learning จะเข้าไปมีส่วนช่วยให้การอบรมพนักงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมยังไง เรามีความพร้อมเรื่องทีมงานในส่วนของการพัฒนาหลักสูตร e-Learning โดยเฉพาะ ทั้งส่วน developer และ designer บางครั้งเราพบว่า ลูกค้าไม่แน่ใจว่าจะต้องทำบทเรียนยังไงให้สอดคล้องกับพนักงานในองค์กร มีปัญหาแต่ไม่รู้จะใส่บทเรียนอะไรเข้าไป เราก็จะมีส่วนช่วยพัฒนาหรือเขียนหลักสูตรใหม่ขึ้นมา

e-Learning ของ Infographic Thailand มีจุดแข็งหรือแตกต่างจากที่อื่นยังไงบ้าง

e-Learning จะแบ่งเป็นสองส่วนคือ แพลตฟอร์มกับตัวคอนเทนต์ที่อยู่ใน e-Learning ส่วนที่ Infographic Thailand โฟกัสคือ ‘material learning’ เราเชื่อว่าคุณภาพคอร์สที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผู้เรียน และเราก็อยากให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ที่ดีด้วย เราอยากให้เขาสนุกในการเรียน มีเอ็นเกจกับเนื้อหานั้นๆ อยากออกแบบให้เขารู้สึกว่า การเรียมมันสนุก อยากจะไปต่อ และมีปฏิสัมพันธ์เชิงออนไลน์ e-Learning สามารถออกแบบให้ผู้ใช้งานมี interact เหมือนกับระบบออฟไลน์ได้ เช่น เนื้อหาบางอย่างออกแบบเป็น interactive ได้ ก็จะสนุกมากขึ้น ฉะนั้น คอนเซปต์หลักๆ ในการทำ e-Learning ของ Infographic Thailand ให้กับลูกค้าคือ คุณภาพคอร์ส และผู้เรียนต้องได้ประสบการณ์ที่ดีในการเรียนด้วย

Virtual Reality (VR) ทดสอบช่างไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง โดย Infographic Thailand

พอจะยกตัวอย่างเคสสนุกๆ ที่เข้าไปช่วยทำ e-Learning ให้ฟังหน่อยได้ไหม

อันนี้เป็นเคสที่สนุกแล้วเรารู้สึกว่า e-Learning เข้าไปช่วยได้จริงๆ คือ เราเข้าไปคุยกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เขามีแผนจะทำตัว e-Learning อยู่แล้ว ปัญหาคือ เขาต้องอบรมช่างไฟฟ้าในการต่อมิเตอร์ไฟหลายรูปแบบ ซึ่งทางกฟน. มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของพนักงานเป็นหลัก พอไปต่อจริงๆ มีเรื่องอันตราย ความเสี่ยงต่อชีวิต และทรัพย์สินของพนักงานเข้ามาเกี่ยว เราเลยเปลี่ยนการอบรมที่สอนกันหน้างานเป็นแบบ ‘VR Training’  คือ เสมือนว่าเราได้ต่อมิเตอร์ไฟจริงๆ ได้ประสบการณ์ที่ไม่ได้แตกต่างจากการต่อจริงๆ ขนาดนั้น VR คือ การจำลองเหตุการณ์ให้เสมือนจริง และสิ่งสำคัญคือ พนักงานปลอดภัย เขาสามารถผิดพลาดกี่ครั้งก็ได้ แต่ชีวิตก็ยังอยู่

หรืออีกเคสก็มีปัญหาในการอบรมพนักงานขายหน้าร้านค้าคือ ทางร้านมีกฎในการจัดหน้าร้านจากทางแบรนด์ต้นสังกัดระดับ global พออบรมไปแล้วพนักงานต้องจัดร้านให้ได้ตามนั้น ปัญหาคือ ผู้สอนเองมีปัญหาเรื่องเวลา ไม่สามารถอบรมได้บ่อยครั้ง แล้วพอให้คู่มือที่เป็นกระดาษไปพนักงานก็ไม่สามารถเข้าใจได้ พอลงไปตรวจเช็กก็พบว่า การเทรนนิ่งที่ผ่านมาไม่มีประสิทธิภาพ การจัดวางไม่เป็นไปตามที่กำหนด เราเลยเข้าไปให้คำปรึกษาว่า ลองเปลี่ยนวิธีการเทรนเป็นรูปแบบวิดีโอให้เข้าใจง่ายขึ้นไหม จัดให้เห็นเลยว่า แต่ละโซนจัดยังไง อย่างแรกเลยไม่เสียเวลา พนักงานจดจำง่าย เข้าใจง่ายเพราะเห็นภาพ เข้าใจได้เลยว่า อะไรอยู่ตรงไหน และถ้าเกิดลืมก็เปิดคลิปดูได้เลย

นอกจากรูปแบบวิดีโอและวีอาร์แล้ว ทาง Infographic Thailand มีการทำโปรดักต์อื่นๆ อีกไหม

หลักๆ จะมี motion graphic ที่เราถนัดมากๆ ทำมาหลายปีแล้ว ใช้ทีมที่เป็น specialist เลย นอกจากตัว motion graphic แล้วก็มี VR Training, interactive เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการคลิกโต้ตอบได้ มี expert video คือ เชิญวิทยากรในหัวข้อนั้นๆ มาอัดวิดีโอ แล้วก็ใส่ภาพกราฟิคเข้าไป ทำให้ส่วนที่ยากให้เข้าใจง่ายมากขึ้น

ทำไมองค์กรควรให้ความสำคัญกับการทำ e-Learning ในองค์กร

มันคือ การลงทุนในระยะยาว พนักงานในองค์กรต้องเรียนรู้ตลอดเวลาแล้ว ทั้งสกิลใหม่ๆ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ หรือองค์ความรู้ที่มีในองค์กร ทั้งเรื่องของขั้นตอนการทำงาน ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขององค์กร สิ่งสำคัญคือ ช่วยอำนวยความสะดวกให้พนักงานเข้าถึงการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา


ติดต่อปรึกษาเเละดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ e-Learning ได้ที่ https://bit.ly/futuretrendspradver