ถอดแนวคิดขององค์กรในฝันได้ใจคนรุ่นใหม่ จาก Accenture: Workplace แบบไหนที่เรียกว่า ‘เวิร์ก’

Share

เมื่อโลกการทำงานเปลี่ยนไป ความคิดและทัศนคติของคนทำงานก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เลือกเปลี่ยนสถานะตัวเองจากตัวเลือก มาเป็นผู้เลือกองค์กรที่จะเข้าไปทำงานเอง แล้วสิ่งที่คนรุ่นใหม่หรือคนที่ใกล้เรียนจบแล้วกำลังเข้าสู่โลกการทำงานในอนาคตต้องการจากองค์กรคืออะไร?

มีรายงานที่น่าสนใจจาก LinkedIn โซเชียลมีเดียชั้นนำสำหรับคนหางาน กล่าวถึงความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคน Generation Z ที่มีต่องานและอาชีพของตนเอง โดยองค์ประกอบที่ใช้ตัดสินใจเลือกองค์กรเข้าไปทำงาน ได้แก่ ค่าตอบแทนและสวัสดิการ วัฒนธรรมองค์กร การ training หรือเสริมทักษะใหม่ ๆ ให้แก่พนักงานอยู่เสมอ รวมถึงการมี Work-Life Balance ช่วยให้พนักงานจัดการเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวอย่างสมดุล ขณะที่สไตล์การทำงานก็ไม่ใช่แค่การทำงานตามคำสั่งจากเบื้องบนเท่านั้น แต่คนรุ่นใหม่ยังต้องการพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น กล้าลองทำสิ่งใหม่ ๆ ได้ท้าทายตัวเอง เพื่อโอกาสเติบโตในสายงานอีกด้วย เสียงสะท้อนเหล่านี้ คือการบ้านชิ้นใหญ่ที่องค์กรจะปล่อยผ่านไปไม่ได้

มาฟังมุมมองที่น่าสนใจจากคุณวิทยา แซ่จาว กรรมการผู้จัดการสายงานบริการทางการเงิน บริษัท เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและธุรกิจชั้นนำ มีสาขามากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก นอกเหนือจากค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสมแล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญอะไรบ้างที่ทำให้องค์กรได้ใจคนรุ่นใหม่ และเป็นจุดหมายที่ไม่ว่าคน generation ไหนก็อยากร่วมงานด้วยที่สุด

‘งานที่ดี’ ต้องสมดุลและลงตัว

หากถามว่า ‘งานที่ดีคืออะไร’ กับ 100 คน ก็จะได้คำตอบ 100 แบบ แต่ถ้าให้สรุปจากสิ่งที่หลายคนตอบตรงกันก็คือ งานที่ดี คือ งานที่ให้โอกาสเราได้พัฒนาตัวเอง ให้ความรู้ใหม่ ๆ ให้ทักษะใหม่ ๆ ในสิ่งที่เราไม่เคยมี เพื่อให้เรามีความพร้อมในอนาคตอยู่เสมอ บวกกับงานที่เราทำต้องมีคุณค่า สร้าง impact ให้กับสังคม ไม่ว่างานนั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม และเราก็มีความสุขขณะที่ทำมันด้วย หากมองให้กว้างกว่าตัวงาน การที่ได้ทำงานภายใต้บริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่ดี อยู่แล้วสบายใจ ทัศนคติของผู้บริหารที่เข้าใจและสร้างความเท่าเทียมให้พนักงานทุกคน รวมถึงมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพในอนาคตที่พนักงานสามารถ balance ทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวได้ในแบบที่ต้องการจริง ๆ

‘Remote Working’ ทำงานที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ

เมื่อออฟฟิศไม่ใช่คำตอบเดียวของสถานที่ทำงาน และการที่พนักงานประจำทำงานจากที่ไหนก็ได้ก็มีให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งวิธีการ Remote Working ที่พนักงานไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ แต่ยังสามารถติดต่อกันภายในทีมและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น นับว่าตอบโจทย์คนทำงานในยุคนี้มาก เพราะได้มีอิสระในการทำงานสูง สามารถปรับเวลาหรือสไตล์การทำงานให้ยืดหยุ่นกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ คนทำงานมี productivity มากขึ้น ทำให้หลายบริษัทที่ใช้วิธีนี้ ได้รับฟีดแบกที่ดีจากพนักงานมากทีเดียว

โดยเฉพาะในช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนัก ทำให้การ ‘Work from Home’ กลายเป็นวิถีการทำงานแบบใหม่ที่คนทำงานเลี่ยงไม่ได้ ต่อให้วิกฤตโควิด-19 หมดไป วิถีการทำงานของพนักงานประจำคงไม่เหมือนเดิม ในอนาคตอาจจะเป็น Hybrid Workplace สามารถเลือกวันเข้าออฟฟิศ หรือทำงานจากที่บ้าน คาเฟ่ ริมทะเล หรือที่ไหนก็ได้ตามสะดวก ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนทำงานได้อย่างลงตัว หากบริษัทไหนมีความพร้อมด้านนี้ ย่อมได้ใจคนทำงานหรือคนที่กำลังหางานแน่นอน

‘วัฒนธรรมองค์กรที่ดี’ หัวใจหลักอยู่ที่การรับฟัง

เพราะสิ่งแวดล้อมในการทำงาน (Working environment) ที่ดีต้องมีความเท่าเทียม ยอมรับในความแตกต่าง ไม่แบ่งแยกเพศ อายุคน อายุงาน หรือความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยเฉพาะความคิดเห็นเรื่องงาน ทุกคนในทีมควรมีอำนาจในการตัดสินใจเท่ากัน ไม่ใช่ว่าพนักงานระดับ junior ต้องรับฟังและทำตามพนักงานระดับ senior เท่านั้น

ปัจจุบัน เอคเซนเชอร์ ประเทศไทยมีพนักงานที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปีมากกว่า 60% ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักในบริษัท ไม่ว่าจะทำงานตำแหน่งไหน พนักงานทุกคนใน Accenture ต่างก็เป็น ‘Good team player’ และเป็นกำลังขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตไปข้างหน้าร่วมกัน สิ่งสำคัญที่องค์กรต้องทำคือ เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่พูดได้เต็มที่ และเปิดใจรับฟังอย่างไม่มีอคติ เพื่อนำฟีดแบกนั้นมาปรับปรุงวิธีการทำงานที่ดีสำหรับทุกคนต่อไป

ท่ามกลางการถูก disrupt ทางธุรกิจที่มากขึ้นทุกวัน องค์กรควรมีความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยกลยุทธ์ที่จะพาองค์กรเติบโตในอนาคต ทั้งสายงานที่ปรึกษาด้านไอทีและอื่น ๆ ได้แก่

  1. มุ่งมั่นที่จะเข้าใจความต้องการของลูกค้า วันนี้ผู้บริหารหลายท่านอาจต้องออกไปรับฟีดแบกเอง ออกไปสำรวจตลาดจริง ซึ่งความเข้าใจในตลาด+ความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ
  2. เข้าใจในเทคโนโลยี ทำยังไงให้ลูกค้าสะดวกขึ้น ง่ายขึ้น เร็วขึ้น เพื่อลดต้นทุนการให้บริการ
  3. พัฒนาศักยภาพของบุคลากร ทำยังไงให้สร้าง Passion การเคารพความหลากหลาย การทำงานเป็นทีม ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม และประสบความสำเร็จไปด้วยกันกับองค์กร
  4. เคลื่อนตัวเร็ว ตัดสินใจไว กล้าลองผิดลองถูก

ให้โอกาสแสดงความคิดเห็น+ให้โอกาสลองผิดลองถูก = โอกาสเติบโตในสายงาน

คนทำงานหลายคนติดกับดักของความกลัว กลัวว่าตัวเองจะทำงานพลาดจนส่งผลเสียต่อองค์กร ทำให้พลาดโอกาสสำคัญในหน้าที่การงานไปหลายครั้ง จากคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มี passion อาจกลายเป็นคนที่ทำงานให้เสร็จไปวัน ๆ เท่านั้น

ซึ่ง Accenture มองว่า ผลของการทำงานให้เสร็จกับการทำงานให้สำเร็จถูกขับเคลื่อนด้วย passion ที่ต่างกัน ดังนั้น องค์กรที่ดีควร empower คนทำงานให้มี passion อยู่เสมอ ให้โอกาสแสดงความคิดเห็น แชร์ไอเดียใหม่ ๆ กับเพื่อนร่วมงาน ภายใต้การเคารพสิทธิในการแสดงออกซึ่งกันและกัน เพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด

หากคนรุ่นใหม่มีความสนใจเรื่องไหน มีโปรเจกต์อะไรที่อยากลองทำ หรืออยากเติบโตในหน้าที่การงาน ทั้งตรงสายงานหรือข้ามสายงานของตนเองก็ตาม ก็มีโอกาสได้แสดงศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวว่าจะผิดหรือถูก ถ้าประสบความสำเร็จก็ถือเป็นกำไร หากผิดพลาดก็แค่เรียนรู้ไปกับมัน ซึ่งไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดที่คนรุ่นใหม่จะได้หลังจากการกล้าลองผิดลองถูกคือ ประสบการณ์อันมีค่าที่หาจากที่ไหนไม่ได้ เมื่อสั่งสมประสบการณ์ได้มากเท่าไร ความพร้อมและโอกาสเติบโตในสายงานที่สนใจก็มาเร็วเท่านั้น โดยไม่มีเพดานเรื่องอายุคนหรืออายุงานมาเกี่ยวข้องเลย

‘Training’ ส่งเสริมคนทำงานให้เก่งด้วยทักษะใหม่ ๆ อยู่เสมอ

อย่างที่ทราบกันดีว่า ความรู้เดิมที่เรามีในวันนี้ อาจไม่เพียงพอต่อการทำงานในวันพรุ่งนี้แล้วก็ได้ การติดอาวุธทางความรู้ด้วยทักษะใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Hard Skill หรือ Soft Skill จึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากการเรียนรู้ด้วยตนเองของพนักงานแล้ว องค์กรที่ดีก็มีส่วนช่วยส่งเสริมได้เช่นกัน

เหมือนที่ Accenture ได้จัดคอร์สเรียนออนไลน์มากกว่า 24,000 คอร์ส เพื่อเสริมทักษะเดิมให้เฉียบคมขึ้น และได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคตหรือที่ตนเองสนใจได้ทุกที่ทุกเวลา โดยบริษัทจะแนะนำคอร์สเรียนที่เหมาะกับตำแหน่ง สายงาน และภูมิภาคที่พนักงานสังกัดอยู่ ผ่านแพลตฟอร์มสื่อการสอนออนไลน์มากกว่า 2,700 ช่องทาง เนื้อหาได้รับการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมอัปเดตให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันแบบ real time ทำให้พนักงานเรียนรู้ได้อย่างไร้พรมแดน ไร้ข้อจำกัด พร้อมช่วยให้พนักงานจากทุกสาขาทั่วโลกทำงานร่วมกันได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

คุณสมบัติแบบไหนที่องค์กรต้องการจากคนรุ่นใหม่

  1. Growth Mindset ชอบความท้าทาย ยอมรับการเปลี่ยนแปลง อยากพัฒนาตัวเองทุกวัน เพราะทักษะใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา คนรุ่นใหม่จึงต้องเตรียมให้พร้อมอยู่เสมอ
  2. Positive Attitude เพราะทัศนคติที่ดีจะทำให้เราผ่านปัญหาหลายอย่างไปได้
  3. Positive Impact มีพลัง มี passion สิ่งสำคัญคือ ‘ต้องรักลูกค้า’ ต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ซึ่งสิ่งนั้นต้องมีประโยชน์และมีความหมายต่อลูกค้า สังคม หรือประเทศชาติ โดยอาศัยความสามารถของคน+นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าด้วยกัน
  4. Commitment มีความมุ่งมั่นและทุ่มเทในสิ่งที่เราทำ เพื่อให้ผลงานออกมามีประสิทธิภาพที่สุด

ในมุมมองของสายงานไอที สิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องมีหากอยากก้าวกระโดดในสายงาน ได้แก่

  • ความสามารถในการเรียนรู้ให้ทัน skill ใหม่ ๆ ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ที่กว้างขึ้นมากกว่าสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญอยู่แล้ว สังเกตจากที่ธุรกิจสายเทคโนโลยีชั้นนำของโลกขนาดใหญ่เอง ยังมองหาคนที่มีศักยภาพทำได้หลาย ๆ อย่าง ถ้าเรามองเห็นภาพรวมได้กว้าง รอบด้าน ก็จะช่วยให้เราเติบโตได้สูงขึ้น
  • มีภาวะผู้นำ (Leadership) โดยต้องมี ‘Innovation+Role Model+Skill’ ทักษะที่ตัวเองเรียนรู้อย่างไม่หยุด ทำตัวเองให้เป็นแบบอย่างที่ดี เป็น Good team player สามารถนำประสบการณ์ที่มีไปช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งหน้าที่ขององค์กรคือ การสร้างโอกาส และผลักดันให้พนักงานมีความพร้อมเพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดดในสายงาน

เด็กรุ่นใหม่เตรียมความพร้อมอย่างไร เมื่อใกล้เข้าสู่ตลาดแรงงาน

ไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งเรียนจบมาใหม่ ๆ หรือใกล้เรียนจบแล้ว สิ่งที่เด็กรุ่นใหม่ทุกคนต้องเตรียมตัว เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานมีดังนี้

1. ค้นหาข้อมูลในสายงานที่สนใจอย่างลึกซึ้งและรอบด้าน นอกจากจะเป็นการเตรียมพร้อมก่อนเริ่มทำงานจริงแล้ว ยังช่วยให้เรารู้ใจตัวเองด้วยว่า ชอบหรือไม่ชอบสายงานนี้กันแน่

2. ทักษะต้องแน่น ทั้งตำราจากในรั้วสถานศึกษา และทักษะใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นเทรนด์ มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต หรือเป็นทักษะอื่น ๆ ที่สนใจที่ช่วยให้เราทำงานเก่งขึ้น และโอกาสเติบโตมากขึ้น

  • Hard Skill เช่น ภาษาต่างประเทศ ทักษะด้านดิจิทัล (Data Analytics / Cloud / การทำ Securities / Blockchain / DevOps : Development และ Operations / Digital Marketing ฯลฯ)
  • Soft Skill เช่น ทักษะการสื่อสาร Design Thinking / Critical Thinking / Agile ฯลฯ

3. เตรียมเอกสารสมัครงานให้พร้อม ทั้งเอกสารส่วนตัว เอกสารจบการศึกษา Resume CV ตัวอย่างผลงาน ฯลฯ หากมีการถูกเรียกสัมภาษณ์งานกะทันหันจะได้พร้อมอยู่ตลอดเวลา

4. มี Growth Mindset ไม่หยุดอยู่กับที่ อยากเติบโตอยู่เสมอ พร้อมที่จะเรียนรู้ ชอบความท้าทาย ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ  และอยากพัฒนาตัวเองทุกวันในสิ่งที่มหาวิทยาลัยไม่เคยบอก

5. มีทัศนคติที่ดี ขณะที่กำลังสัมภาษณ์งาน คนสัมภาษณ์จะสัมผัสได้ว่าผู้ถูกสัมภาษณ์มีทัศนคติอย่างไร มี passion แบบไหน ทำงานเป็นทีมได้ไหม มีการช่วยเหลือทีมไหม มีทักษะการสื่อสารไหม โดยเฉพาะเรื่องการทำงานเป็นทีมที่แทบทุกสายอาชีพต้องเจอ

6. มั่นใจเข้าไว้ หากเราคิดว่าเตรียมตัวมาดีและมีศักยภาพมากพอ เมื่อถึงวันสัมภาษณ์งาน จงนำเสนอตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ หากสัมภาษณ์ผ่านและได้งาน จงใช้โอกาสนี้พิสูจน์ความสามารถและท้าทายตัวเองอย่างเต็มที่ ถ้าเรามีใจ+ไฟในการเรียนรู้ โอกาสในการประสบความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อม

เพราะ Accenture เชื่อว่า คนรุ่นใหม่คือ หนึ่งในกำลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้า สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีแก่สังคม พร้อมคิดค้น innovation ล้ำ ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นองค์กรที่ดี ต้องสร้าง passion และ empower ให้ทุกคนมีโอกาสเติบโตในสายงาน พร้อมเสริมทักษะใหม่ ๆ ให้พนักงานอยู่เสมอ

หากใคร อยากรู้จักและร่วมงานกับ Accenture บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและธุรกิจชั้นนำมากขึ้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Accenture