Type to search

ยอมรับตัวตนที่แตกต่าง เทรนด์โลกใหม่ไม่แบ่งแยก แม้สีผิว – รูปร่างแตกต่างกัน

March 21, 2023 By Future Trends

สรุปเทรนด์โลกจากรายงาน Meta Foresight 2023 ตอนที่ 1: ตัวตนนั้นสำคัญไฉน?

Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ออกรายงานประจำปีภายใต้ชื่อ ‘เมตา ฟอร์ไซต์’ (Meta Foresight) เพื่อแนะนำนักการตลาด และนักวางกลยุทธ์สร้างแบรนด์สินค้าทั่วโลก ให้ทราบเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ข้อมูลนี้มาจากการวิเคราะห์บทสนทนาบนแพลตฟอร์มโชเซียลมีเดียของ Meta ซึ่งมีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 3,700 ล้านคน รวมถึงการลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นกลุ่มตัวอย่าง 21,000 คน ใน 7 ประเทศทั่วโลก

บทความนี้ Future Trends จะพาไปดูข้อมูลในหมวดแรกเกี่ยวกับเทรนด์การสำรวจและค้นหาอัตลักษณ์ของตัวเอง (Exploratory identities) เพื่อตอกย้ำความสำคัญของการยอมรับความแตกต่างหลากหลายในสังคม

ตลอดปี 2022 ที่ผ่านมา การพูดถึงอัตลักษณ์ หรือตัวตนของตนเองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจน ส่วนใหญ่คนพูดถึงการสำรวจอัตลักษณ์ตัวเองผ่านเรื่องสิทธิในร่างกาย และการให้คำนิยมใหม่ของ ‘วัยกลางคน’ ตลอดจนยอมรับความลื่นไหลทางวัฒนธรรม และการแสดงออกผ่านการลิ้มลองอาหารต่างถิ่น

ประเด็นสิทธิในร่างกายที่ถูกพูดถึงมากที่สุดมักเกี่ยวข้องกับความพึงพอใจในเรือนร่างของตนเอง และมุมมองเรื่องความสวยงามที่แตกต่างกัน โดยหัวข้อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดทั่วโลกเมื่อเทียบแบบปีต่อปี ได้แก่

– เครื่องกำจัดขน (Epilator) +512% 

– การปรับเปลี่ยนร่างกาย (Body modification) เช่น เจาะ, สัก หรือศัลยกรรม +258%

– ขนรักแร้ (Underarm hair) +201%

– การกำจัดขนด้วยสารเคมี (Chemical depilatory) +123% 

– อวตาร (รูปบน Instagram) +122%

– สิทธิในเรือนร่าง (Bodily integrity) +90%

– ความเป็นของแท้ (Authenticity) +81%

– ความภูมิใจในร่างกายตัวเอง (Body positivity) +47%

– การออกแบบให้ทุกคนเข้าถึงได้ (Accessibility) +22%

ผลสำรวจภาคสนามพบว่า คน Gen Z มักมองหาอิสรภาพด้านความงามบนโลกเมตาเวิร์ส โดย 46% มองว่า ร่างกายในโลกความเป็นจริง คือ ส่วนสำคัญของการมีตัวตน แต่มีเพียง 28% บอกว่า รูปอวตารในโลกเสมือนควรสะท้อนรูปร่างที่แท้จริงของเจ้าของ

ส่วนหัวข้อที่คนวัยกลางคน (35 – 45 ปี) พูดถึงมากที่สุด ได้แก่

– วัยกลางคน (Middle age) +2,402%

– รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง (A rolling stone gathers no moss) + 386%

– โพธิปักขิยธรรม (Bodhipakkhiyadhamma) หรือธรรมที่เป็นฝ่ายให้ถึงการตรัสรู้ +271%

– สินเชื่อบ้านผู้สูงอายุ (Reverse mortgage) +260%

– มังสวิรัติแบบดื่มนมได้ (Lacto vegetarianism) +157%

– การทำความเข้าใจตัวเอง (Self-reflection) +92%

วัยกลางคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคน Gen X ถูกมองว่าเป็น “วัยรุ่นรอบสอง” เพราะพวกเขาอาศัยประสบการณ์ที่สะสมมาครึ่งชีวิต กลับมาทบทวนความคิดและเส้นทางชีวิตอีกครั้ง โดยคน Gen X จะให้ความสำคัญกับเรื่องต่างๆ ดังนี้

– 54% รักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย (มากกว่าคนรุ่นอื่น)

– 45% ใช้เวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น

– 44% บอกว่ารักษารากเหง้าของตัวเองได้ดีกว่าคนรุ่นก่อนๆ

– 39% เพิ่งเปลี่ยนงานเพื่อให้ตรงกับความสนใจและแพสชันมากขึ้น

ส่วนประเด็นความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ได้แก่

– เพลงป๊อปจีน (C-pop) +1,599%

– จาลาบียา (Jellabiya) หรือเสื้อผ้าแบบผืนเดียวของอาหรับ +769%

– วัฒนธรรมละตินอเมริกา (Latin American culture) +479%

– วัฒนธรรมจีน (Chinese culture) +332%

– วัฒนธรรมโพลีนีเซีย (Polynesian culture) +225%

– ผ้าคาตะ (Khata) +199%

– เพลงร็อคละติน (Latin rock) +143%

– เพลงร็อคฟิลิปปินส์ (Pinoy rock) +113%

– วัฒนธรรมยิว (Jewish culture) +79%

ผลสำรวจพบว่า คน 57% พยายามกลับไปเชื่อมวัฒนธรรมที่เป็นรากเหง้าของตนเอง ขณะที่ 71% พยายามทำความเข้าใจวัฒนธรรมอื่นที่นอกเหนือจากของตัวเอง

ปัจจัยอะไรที่สะท้อนอัตลักษณ์ของคนแต่ละคนมากที่สุด

– รากเหง้าทางวัฒนธรรม (Heritage) 43%

– สัญชาติ (Nationality) 42%

– เพศสภาพ (Gender) 41%

– ความพึงพอใจทางเพศ (Sexual Orientation) 40%

– เชื้อชาติ/เผ่าพันธุ์ (Race/ethnicity) 39%

– อายุ (Age) 37%

– ภูมิลำเนา (Hometown) 34%

แม้โลกจะเต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเชื่อมผู้คนต่างภาษาและวัฒนธรรมเข้าหากันได้ดีที่สุด คือ อาหาร โดย 43% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก ยอมรับว่า การลองชิมอาหารต่างวัฒนธรรม ช่วยทำให้เขาเข้าใจโลกเพิ่มขึ้น

หัวข้อเกี่ยวกับอาหารที่มีการพูดถึงมากที่สุด ได้แก่

– นมอูฐ (Camel milk) +2,682%

– กาแฟใส่ไข่ (Egg coffee) +2,369%

– เต้าหู้เหม็น (Stingy tofu) +1,359%

– น้ำแข็งไสใส่ผลไม้แบบโคลอมเบีย (Cholado) +876%

– แป้งพายสไตล์อาหรับ (Fatayer) +384%

– ขนมปังหน้าชีสแบบจอร์เจีย (Khachapuri) +264%

ปิดท้ายเซคชันนี้ รายงานของ Meta แนะนำให้นักการตลาดรับมือกับเทรนด์ของความแตกต่างหลากหลาย ด้วยการทำให้คนรู้สึกว่า แบรนด์เป็นตัวแทนของพวกเขาจริง คอยเป็นกระบอกเสียงให้ชุมชนคนไร้โอกาส หรือใช้เทคโนโลยีออโตเมชัน เพื่อเชื่อมต่อกับผู้คนเป็นการส่วนตัวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม วิธีอันทรงพลังที่สุดมักเป็นมากกว่าการทำแคมเปญทั่วไป แต่คือการกลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง และทำให้พวกเขาได้พบกับโอกาสใหม่ในชีวิต

เขียนโดย Phanuwat Auaudomchaisakun

Source: https://bit.ly/3yQndvn