เปิดประตูออฟฟิศ SCG WEDO: Digital Office ของคนพันธุ์ ‘เป็ด’ แต่ผลงานสุด ‘ปัง’
เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคหมุนไปไวในยุคดิจิทัล และ Social Challenges ใหม่ๆ เกิดขึ้นในทุกวัน ไม่ว่าจะปัญหาเศรษฐกิจ โรคภัยไม่คุ้นเคย และ Climate Change ฯลฯ ทำให้องค์กรธุรกิจต้องปรับตัวใน 3 ด้านหลักๆ ปรับปรุงการทำงานของภายในองค์กร, ปรับตัวให้ทันกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปหรือโอกาสใหม่ และแน่นอน ต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่แห่งอนาคต ให้ทันเทรนด์
นั่นคือที่มาของ “SCG : The Next Chapter” Exposition งานแถลงข่าวครั้งสำคัญ ที่แบรนด์ซีเมนต์ประกาศเสียงดังว่า พวกเขาจะไม่ได้ผลิตแค่ซีเมนต์อีกต่อไป แต่จะขยายสู่ New Business ใหม่ๆ และโซลูชันล้ำๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
โดยหนึ่งในยูนิตที่สำคัญในงานนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจาก ‘SCG WEDO’ ดิจิทัล ออฟฟิศที่ก่อตั้งมา 3 ปี ปัจจุบันมีพนักงานที่ไทยและอินเดียกว่า 300 คน ที่ทำงานกันด้วยแพสชัน (passion) ความบ้าพลัง เพื่อสร้างโปรดักต์และนวัตกรรม ให้เป็นกระดูกสันหลังใหม่ๆ ขององค์กรขนาดใหญ่แห่งนี้ ภายใต้ม็อตโตปลุกใจ “What the hell WEDO” “กว่าจะเป็นนวัตกรรม เราต้องทำขนาดไหน”
มาเปิดประตูออฟฟิศพวกเขาไปพร้อมกันดีกว่า…
ทำไมต้อง What the hell WEDO? ถ้าตอบง่าย ๆ ก็คงเพราะพวกเขาผ่านการโละทิ้ง prototype นับพัน พับไอเดียดีไซน์เกือบร้อยตัวอย่าง ทั้งการชำแหละนวัตกรรมที่มีอยู่ตามท้องตลาดเพื่อศึกษา ผ่านทั้งคราบน้ำตา ทั้งแก้วชาไข่มุก ที่เป็นแรงขับเคลื่อนในการทำงานของพวกเขา
ทีม WEDO เป็นทีมงานคนรุ่นใหม่ ที่ทำงานด้วยรูปแบบ flat organization พวกเขาเน้นทำงานแบบรีโมต และเน้น output ของงานมากกว่าระบบการทำงานที่มีขั้นมีตอน – DNA ของชาว WEDO จึงเต็มไปด้วยคนมีแพสชันในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าและสังคม ทั้งยังต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างกลมกล่อมใน 3 ด้านสำคัญ คือ Design, Business และ Technology หากเก่งลึกด้าน Tech ก็ต้องเติมความรู้ด้าน Business + Design หรือหากเก่ง Design จะออกแบบอย่างเดียวไม่เข้าใจโปรดักต์คงเป็นไปไม่ได้ ต้องเข้าใจโฟลวการทำงานเชิง Business และเข้าใจ Tech เบื้องต้นให้สามารถตีโจทย์การออกแบบให้แตกได้
นั่นทำให้พวกเขาเรียกตัวเองว่า พวกที่เก่งแบบ ‘เป็ด’ นั่นเอง คือเก่งรอบด้าน และแน่นอนคนที่เก่งแบบเป็ดสำหรับชาว WEDO จึงไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ super เก่ง หรือฉลาดล้ำ พวกเขามองหาคนทำงานที่จับมือไปด้วยกันได้อย่างลงตัว บน skill set ‘DODEE’ คือ Mindset DEE มีมุมมองต่อการทำงานที่ดี มีแพสชันในการทำงาน ไม่ล้มเลิกง่ายๆ หรือล้มแล้วลุกให้ไวแล้วไปต่อ พวกเขาเชื่อว่าเรื่องนี้สอนกันไม่ได้ แต่เรื่องสกิลสอนกันได้, Skillset DEE อย่างที่บอกไปว่าต้องมีความรู้สามขา นอกจากนั้นยังต้องสื่อสารเป็น รู้จักการปรับตัวในการทำงาน เรียนรู้จะเป็นทั้ง leader และ follower ที่ดี และ Contribution DEE ทำงานบนความเชื่อว่า ตัวเองจะสามารถสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ที่มอบความหมายหรือเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ และหาทางเชื่อมโยงทุกสิ่งรอบตัวเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
SCG WEDO มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการนำเสนอสินค้า และบริการที่ตอบสนองลูกค้าได้อย่างครบวงจรมากขึ้น ตลอดระยะเวลา 3 ปี พวกเขาจึงไม่ได้โฟกัสการทำงานว่าต้องสร้างเทคโนโลยีที่เจ๋งสุดในโลก แต่โฟกัสว่า Innovation must be purposeful สิ่งที่สำคัญในการพัฒนาโปรดักต์ที่สุดคือต้องมอบคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีให้กับ ‘ลูกค้า’ ในงานเปิดบ้าน WEDO รอบนี้ เราเลยได้เห็นอะไรที่น่าสนใจหลายอย่าง ที่เป็นคำตอบของประโยคข้างต้นนี้
เริ่มกันที่ Trinity Smart Living Platform แอปพลิเคชันครบวงจรสำหรับสมาร์ทโฮม ที่ยกระดับความสะดวกสบาย และคุณภาพชีวิตให้ผู้ใช้งาน เพราะแอปฯ ตัวนี้ไม่ได้ออกแบบให้เชื่อมได้เฉพาะสินค้าของ SCG เท่านั้น แต่ทำงานร่วมกับ IoT device อื่นๆ ได้ด้วย เพราะผู้ใช้งานควรจะใช้งานได้อย่างลื่นไหลและไม่ติดขัดที่สุด
อีกเทคโนโลยีที่น่าสนใจและจะเปลี่ยนวงการแพทย์ได้ คือ BCI ระบบที่ช่วยผู้ป่วยอัมพาตให้สื่อสารความต้องการได้ด้วยตัวเอง เพิ่ม self-esteem และ ลดความจำเป็นในการพึ่งพาผู้อื่น โดยผู้ป่วยสวมอุปกรณ์ที่เมื่อจดจ้องไปยังคำสั่งตาม ๆ บนโปรแกรม จะทำหน้าที่อ่านคลื่นสมองผ่านการจดจ้อง ทำให้สามารถทำอะไรได้ด้วยตนเองได้ เช่น การปรับเตียง หรือการปรับอุณหภูมิห้อง เป็นต้น
ONE – Offline NLP Enablement นวัตกรรมที่สามารถนำไปต่อยอดกับข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่สามารถพูดคุยสั่งการด้วยเสียง ตัวอย่างเช่น เครื่องคิดเลขแบบใหม่ในดีไซน์สวยงาม สามารถคำนวณสิ่งที่ซับซ้อนและแก้สมการได้ ด้วยคำสั่งเสียง ผู้ใช้งานเพียงสื่อสารผ่านเสียง เช่น “ห้า คูณหก คูณเจ็ด” เทคโนโลยีนี้ก็สามารถคำนวณคำตอบให้คุณได้ทันทีโดยไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งในอนาคตสามารถใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกมาก
อันที่จริงยังมีนวัตกรรมอีกมากที่น่าจับตาจากทีม WEDO แต่เรื่องที่น่าสนใจคือ หากสังเกตจะเห็นว่า การออกแบบของทีม WEDO เน้นการออกแบบ physical design ที่ไม่ได้เน้นการออกแบบแบบดิจิทัล หรือ physical product 100% แต่เป็นการผสมผสานกัน – โปรดักต์จะไม่ใช่การออกแบบเชิงกายภาพจับต้องได้ หรือมองเห็นแค่ในโลกดิจิทัล แต่ต้องทำให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับบริการ และสินค้าอย่างลื่นไหลระหว่างสองโลก โดยคำนึงถึงการใช้งานที่ต้องง่าย และเป็นธรรมชาติ
ซึ่งนี่ก็คือ DNA ของทีม WEDO อย่างที่บอกไป พวกเขามองหาคนทำงานที่มองเห็นลูกค้าเป็นปลายทางหลัก เทคโนโลยีเจ๋ง ดีไซน์ก็ต้องออกมาสวยและตอบโจทย์การใช้งาน เหมาะกับเทรนด์ปัจจุบันและตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้บริโภคด้วย
ทั้งหมดนี้คือ ส่วนหนึ่งของผลงานที่จัดแสดงในงาน SCG Digital Innovation Garage Open House ภายใต้ธีม “What the hell WEDO?” จาก SCG WEDO ก้าวสำคัญของ SCG กับทีมงานรุ่นใหม่ ที่เต็มไปด้วยความทุ่มเท ความมุ่งมั่น spirit และ passion ซึ่งน่าติดตามต่อว่าในอนาคต เราจะได้เจอกับผลงานอะไรใหม่ๆ ของพวกเขาอีกบ้าง
แต่สำหรับนิทรรศการต่างๆ ในงาน open house ของทีม SCG WEDO จะจัดแสดงต่ออีก 1 ปี หากสนใจชมผลงานที่ผ่านทั้งคราบน้ำตา น้ำตาล และคาร์บ ติดต่อขอเยี่ยมชมได้ที่ เฟซบุ๊ก SCG WEDO : https://www.facebook.com/wedotheofficial/