ในปี 2025 โลกธุรกิจกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่พลิกกฎการบริหารแบบเดิมโดยสิ้นเชิง และผู้นำที่เลือกจะไม่ปรับตัว อาจ ‘พลาด’ โอกาสสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า วันนี้ Future Trends ขอชวนทุกคนมารู้จักกับ 5 เทรนด์สำคัญที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมองค์กรต่างๆ
[ 1. ความได้เปรียบทางธุรกิจไม่ได้อยู่ถาวร ความยืดหยุ่นและการเรียนรู้ต่างหาก ที่เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ]
ในอดีต องค์กรสามารถสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจได้จากตลาดที่มั่นคงและลูกค้าที่ภักดี แต่ในยุคปัจจุบัน ความสามารถในการปรับตัวคือข้อได้เปรียบที่แท้จริง แนวคิด ‘ความได้เปรียบชั่วคราว (Transient Advantage)’ จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ โดยองค์กรต้องเน้นไปที่ความเร็วและการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ มากกว่าการยึดติดกับกลยุทธ์เดิม
Accenture 2024 Pulse of Change Index เผยว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 183% ตั้งแต่ปี 2019 และกว่า 22.5% ขององค์กรต้องปรับโครงสร้างทุกปี ดังนั้น ผู้นำที่พร้อมยอมรับความเปลี่ยนแปลงจะมีโอกาสก้าวหน้าในยุคที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
[ 2. การขาดความผูกพันกับงานกำลังกลายเป็นปัญหาระดับโลก ]
ผลสำรวจจาก Gallup ระบุว่า 15% หรือคิดเป็นกว่า 525 ล้านคนของพนักงานทั่วโลก กำลังขาดความผูกพันกับงาน (Actively Disengaged) ที่พวกเขาไม่ได้เพียงแค่เบื่อ แต่กำลังแสดงความไม่พอใจ และบางครั้งถึงขั้นทำสิ่งที่บั่นทอนประสิทธิภาพขององค์กร เช่น ทำงานไม่เต็มที่ ชะลอหรือขัดขวางงาน ลดทอนขวัญกำลังใจของทีมงาน เป็นต้น
สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพองค์กรและบรรยากาศการทำงาน โดยสาเหตุหลักมาจากภาวะหมดไฟ การขาดการเชื่อมโยง การไร้อำนาจในการตัดสินใจจากโครงสร้างองค์กรที่เข้มงวด
สำหรับการแก้ไขนั้น ผู้นำต้องการฟื้นฟูความไว้วางใจให้กับทีม เปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วม และสร้างความรู้สึกมีคุณค่าในองค์กร เพื่อช่วยลดปัญหาความขัดแย้งภายใน
[ 3. ยุคใหม่ของการทำงานแบบ 4 วันต่อสัปดาห์ ]
ปี 2025 อาจเป็นปีที่แนวคิด ‘ทำงาน 5 ’ กำลังจะหายไป โดยหลายๆ บริษัทได้เริ่มทดลองใช้ ‘สัปดาห์ทำงาน 4 วัน’ และพบว่า ทั้งความโปรดักทีฟและความสุขของพนักงานนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาทิ Unilever และ Microsoft Japan ที่พิสูจน์แล้วว่า การที่วันทำงานน้อยลง ไม่ได้แปลว่าคุณภาพของงานจะลดลงตาม
ดังนั้น ความท้าทายสำหรับผู้นำในปี 2025 นี้ จึงไม่ใช่แค่การตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนรูปแบบวันทำงานหรือไม่ แต่เป็นการหาวิธีเปลี่ยนแปลงสมดุลระหว่างความยืดหยุ่นของพนักงานและความต้องการของธุรกิจ
[ 4. จาก ‘Command-and-Control’ สู่ ‘Swarming Leadership’ ]
การบริหารแบบลำดับชั้น (Command-and-Contro) ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ดังนั้น การบริหารแบบ ‘Swarming Leadership’ หรือการทำงานร่วมกันแบบกระจายอำนาจ คือคำตอบที่ช่วยให้องค์กรจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าในอดีต
โดยทีมงานจะรวมตัวเพื่อแก้ปัญหา และกระจายตัวเพื่อรับมือกับงานใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งการบริหารในรูปแบบนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก และทำให้องค์กรตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ทันเวลา
หน้าที่ของผู้นำในปี 2025 ในการปรับเปลี่ยนแนวทางขององค์กร คือการสร้างวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจ ให้ทีมเชื่อมั่นว่าความคิดเห็นของทุกคนมีความสำคัญ
พร้อมเสริมการสื่อสารอย่างเปิดเผย เพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มความเข้าใจ โดยอาจเพิ่มยืดหยุ่นต่อบทบาทยิางขึ้น เพื่อให้พนักงานปรับบทบาทได้ตามความจำเป็น
[ 5. การปรับตัว (Reinvention) ไม่ใช่แค่ตัวเลือก แต่เป็นมาตรฐานใหม่ ]
Reinvention คือ การปรับเปลี่ยนและสร้างใหม่ ซึ่งในอดีต สิ่งนี้เคยเป็นเพียงแนวคิดเฉพาะกลุ่ม แต่ปัจจุบัน Reinvention ได้กลายเป็นกลยุทธ์หลักสำหรับองค์กรและผู้นำ ในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
PwC ระบุว่า การปรับโครงสร้างและปรับกลยุทธ์ต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง ของ CEO ทั่วโลกติดต่อกันถึง 2 ปีซ้อน โดยองค์กรที่ไม่ยอมปรับตัวนั้น จะมีความเสี่ยงต่อการตกขบวนในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่องค์กรที่วางแผนปรับตัวเป็นแกนหลัก จะสามารถขยายการเติบโตในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปี 2025 นี้ ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ผู้นำองค์กรที่ยังคงยึดติดกับกฎเกณฑ์แบบเดิมๆ เสี่ยงที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ดังนั้น สิงที่ผู้นำต้องตอบคำถามให้ได้คือ “จะเปลี่ยนหรือจะพลาดโอกาส” และนี่คือเวลาสำคัญ ที่ผู้นำต้องพร้อมปรับองค์กรให้ทันต่อความท้าทาย และสร้างโอกาสจากความเปลี่ยนแปล งเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
เขียนโดย ชนัญชิดา พลอยพลาย
#FutureTrends #FutureTrendsetter #FutureTrendsLeadership
Source: