ในโลกแห่งพลวัตที่การเปลี่ยนแปลงคือองค์ประกอบสำคัญ การอยู่เฉยไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีอีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อ AI กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจไปอย่างสิ้นเชิง แต่ความท้าทายไม่ได้อยู่แค่ในเรื่องของเทคโนโลยี ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จำเป็นต้องมองการณ์ไกลและกล้าตัดสินใจในสภาวะที่ไม่แน่นอน
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ 4 Insight สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจคุณปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย จาก ‘McKinsey Year in Review 2024’
[ Insight 1: Generative AI โอกาสที่มาพร้อมกับความกล้า ]
Generative AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็น ตัวเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจ ผมเชื่อว่าผู้อ่านคงจะได้ยินคำพูดเชิงนี้จนชินชากันไปแล้ว แต่มันเป็นเรื่องจริงที่ต้องให้ความสำคัญ
จากข้อมูลของ McKinsey พบว่าการนำ AI มาใช้ในด้านการจัดการซัพพลายเชน การขาย และการตลาด สามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้องค์กรได้มากกว่า 5% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์กรชั้นนำ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ING ซึ่งพัฒนา AI Chatbot ให้พร้อมใช้งานในเวลาเพียงแค่ 7 สัปดาห์เท่านั้น ธุรกิจไหนก็ตามที่ปรับตัวได้เร็วก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้น
บทเรียน: หากองค์กรคุณยังไม่ได้เริ่มต้นใช้งาน AI ตอนนี้ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะเปลี่ยน ‘ความล้าหลัง’ ให้กลายเป็น ‘จุดเริ่มต้นใหม่’
How to
1. เริ่มต้นด้วยก้าวเล็กๆ: ทดลองใช้ AI ในส่วนงานที่มีข้อมูลชัดเจน เช่น การวิเคราะห์ซัพพลายเชน หรือระบบตอบคำถามอัตโนมัติ
2. เรียนรู้จากคู่แข่ง: ศึกษาองค์กรที่นำ AI มาใช้สำเร็จ และถอดบทเรียนเพื่อวางแผนกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณเอง
3. สร้างทีม AI: จ้างหรือพัฒนาทีมงานที่มีทักษะในด้าน AI เช่น Prompt Engineers เพื่อเป็นรากฐานของการเปลี่ยนแปลงในบริษัท
[ Insight 2: ผู้นำที่แท้จริงต้องเข้าใจลูกทีมและตัวเอง ]
ในยุคที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่โลกต้องการไม่ใช่เพียง CEO ที่ฉลาดที่สุด แต่คือผู้นำที่มองการณ์ไกลและเข้าใจความสำคัญของ ‘การพัฒนา’ ไปร่วมกันกับทีม
หนังสือ ‘CEO Excellence’ เน้นย้ำถึงอันตรายของความพึงพอใจในความสำเร็จที่ผ่านมา เพราะมันนำไปสู่ความล้มเหลว อีกทั้ง McKinsey ยังเปิดเผยว่าผู้นำในเอเชียหลายคนมั่นใจในการ ‘ปลุกระดมไฟในทีม’ แต่กลับสอบตกในการบริหารงานร่วมกับคณะกรรมการ
บทเรียน: การพัฒนาทีมงานและตัวเองให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ใหม่ๆ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตในระยะยาว และต้องห้ามลืมเด็ดขาดว่าคุณเก่ง ไม่เท่ากับ ทีมเก่ง!
How to
1. สำรวจตัวเอง: ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เรากำลังยึดติดกับความสำเร็จเก่าหรือไม่?” ถ้าหากเรากำลังยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ เราจะทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากกับดับนั้นได้
2. สร้างระบบ Feedback: เปิดโอกาสให้ทีมเสนอแนวทางหรือปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างเปิดกว้าง เช่น SBI Feedback หนึ่งในหนทางที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้ คือการยอมรับ Feedback อย่างจริงใจ
3. พัฒนาทีม: ลงทุนในการพัฒนาความสามารถของพนักงานผ่านการอบรมและเวิร์กช็อป อย่าเลือกที่จะพัฒนาคนเดียว การเติบโตไปด้วยกันคือคำตอบแห่งยุคสมัย และจุดหมายแห่งการเป็นผู้นำ
[ Insight 3: การลงทุนที่ชาญฉลาดใน AI และเทคโนโลยี ]
แม้ว่าการลงทุนในเทคโนโลยีโดยรวมจะลดลงถึง 40% ในปีที่ผ่านมา 📉 แต่การลงทุนใน AI กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ McKinsey เอง ซึ่งสร้างแพลตฟอร์ม AI ภายในชื่อ ‘Lilli’ และมีสมาชิกในทีมใช้งานมากถึง 72% นอกจากนี้บทบาทงานใหม่ๆ เช่น ‘AI Ethics Stewards’ และ ‘Prompt Engineers’ กลายเป็นตำแหน่งที่น่าจับตามอง
บทเรียน: ธุรกิจต้องมองหาโอกาสในพื้นที่ที่กำลังเติบโต เช่น AI หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีความยั่งยืน เพราะอนาคตของตลาดอยู่ตรงนั้น และใครที่เข้าก่อนย่อมได้เปรียบ
How to
1. วิเคราะห์ ROI: ประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนใน AI โดยเริ่มจากโครงการที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากที่สุด
2. ติดตามเทรนด์: เข้าร่วมงานสัมมนา AI หรือศึกษากรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง
3. สนับสนุนการเรียนรู้: สนับสนุนให้พนักงานพัฒนาทักษะด้าน AI ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
[ Insight 4: 163 ล้านล้านบาท มูลค่าของอุตสาหกรรมที่รอคุณอยู่ ]
เมื่อพูดถึงการเติบโต หลายคนอาจนึกถึง ‘โชค’ แต่จริงๆ แล้ว การเติบโตของธุรกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้น หากแต่เป็นการทำงานหนักเพื่อสร้างโอกาสในเวลาที่ใช่ และที่สำคัญคือการเลือกลงทุนในจุดที่มีศักยภาพ
จากรายงานของ McKinsey Global Institute ที่ศึกษาอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตสูง พบว่า อุตสาหกรรม AI Software and Services มีศักยภาพสร้างรายได้สูงถึง $4.6 Trillion หรือ 163 ล้านล้านบาทภายในปี 2040 พร้อมกำไรที่อาจสูงถึง $920 Billion หรือ 32.66 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้อุตสาหกรรมอื่น เช่น รถยนต์ไร้คนขับ พลังงานแบตเตอรี่ และพลังงานนิวเคลียร์ ก็เป็นอีกตลาดที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต
โดย Mckinsey ชี้ว่าการเติบโตของธุรกิจในตลาดที่แข่งขันสูง ต้องพึ่งพาปัจจัยสำคัญดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจหรือเทคโนโลยี (Business Model/Technological Step Changes)
ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงาน หรือใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อสร้างความได้เปรียบ เช่น การนำ AI เข้ามาช่วยในกระบวนการต่างๆ
2. การลงทุนอย่างมีเป้าหมาย (Escalatory Investments)
การลงทุนในสิ่งที่เสริมสร้างศักยภาพระยะยาว เช่น การฝึกอบรมพนักงานในด้านเทคโนโลยี
3. ตลาดที่กำลังเติบโตและขยายตัว (Growing Addressable Market)
เลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีการขยายตัว เช่น พลังงานสะอาด หรือเทคโนโลยีอัตโนมัติ
Case Study: Starbucks กับการสร้างการเติบโตผ่าน Inclusivity
McKinsey ได้นำเสนอกรณีศึกษาของ Starbucks ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การเน้นความหลากหลายและการมีส่วนร่วม ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่า ทั้งสำหรับลูกค้าและพนักงาน และเมื่อพนักงานมีเป้าหมายร่วมกัน องค์กรจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น และประสิทธิภาพก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน การลงทุนในพนักงานไม่ใช่แค่ช่วยเพิ่มผลกำไร แต่ยังเป็นรากฐานของความสำเร็จในระยะยาว
How to
1. ระบุอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต: ศึกษาอุตสาหกรรมที่ McKinsey ชี้ให้เห็น เช่น AI หรือพลังงานสะอาด
2. ปรับโครงสร้างทีมให้พร้อมสำหรับอนาคต: ลงทุนในพนักงานเพื่อให้พวกเขามีทักษะที่จำเป็นในยุคเทคโนโลยี
3. สร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วม: ให้พนักงานทุกระดับรู้สึกว่ามีส่วนร่วมในเป้าหมายขององค์กร
4. ติดตามการเปลี่ยนแปลง: ตลาดและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องพร้อมปรับตัวเสมอ
การปรับตัวในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายถึงแค่การวิ่งตามเทคโนโลยี แต่มันเกี่ยวกับการตัดสินใจอย่างกล้าหาญและการพัฒนาทั้งองค์กรให้พร้อมรับมือกับอนาคต บทเรียนที่ได้จากทั้ง 4 Insight ของ McKinsey Year in Review 2024 คือการมองให้ไกลกว่าเทคโนโลยี และมุ่งเน้นไปที่ตลาดและคนที่มีความสามารถจะเติบโตไปพร้อมกันได้
อย่าลืมที่จะแชร์ไว้ให้ทีมเห็น เพื่อรับมือกับปี 2025 ไปด้วยกัน
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
