งาน World Economic Forum ประจำปี 2025 เต็มไปด้วยประเด็นการขับเคลื่อนสังคมของเหล่าผู้นำระดับโลก ที่พร้อมจะนำพาเศรษฐกิจและการเมืองโลกของเราในปีนี้ให้เติบโตไปได้มากยิ่งขึ้น
ท่ามกลางแนวคิดหลักอย่าง ‘Collaboration for the Intelligent Age’ ที่เน้นการร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐกิจของโลก โดย Future Trends จะมาสรุปให้ ว่าในมุมมองของผู้บริหาร นักธุรกิจ หรือเจ้าของกิจการ ในประเทศไทย จำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับสิ่งใดบ้าง หากอยากจะก้าวทันโลก
1. การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแผนการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับธุรกิจทั่วโลกเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
2. การแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
การพัฒนา AI อย่างรวดเร็วทำให้เกิดการอภิปรายเกี่ยวกับการใช้ AI ในการทำงานอัตโนมัติและความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนพวกมัน ซึ่งในปีนี้ความต้องการในความสามารถของ AI จะไม่ใช่แค่ Generative แต่ยังรวมไปถึง Solution และ Agent อัตโนมัติอีกด้วย
3. ความเสี่ยงจากสงครามการค้า
ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (WTO) เตือนว่าการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีระหว่างประเทศอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นสงครามการค้าเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังหากจะลงทุนทำธุรกิจใดๆ
4. การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วม (DEI)
การลดทอนโปรแกรม DEI ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทำให้บริษัทต่างๆ ต้องปรับตัวและหาวิธีใหม่ในการส่งเสริมความหลากหลายในที่ทำงาน และการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายนี้ยังส่งผลต่ออัตราการเลิกจ้างงานอีกด้วย หลายๆ บริษัทเริ่มมีการ Layout อย่างต่อเนื่อง
5. การลงทุนในยุโรป
ซีอีโอของ BlackRock แสดงความเห็นว่าอาจถึงเวลาที่ควรพิจารณาการลงทุนในยุโรปอีกครั้ง เนื่องจากมองว่าความกังวลเกี่ยวกับภูมิภาคนี้อาจมากเกินไป ณ ตอนนี้ประเทศในทวีปยุโรปสามารถฟื้นตัวจากโควิดได้ค่อนข้างมากแล้ว บวกกับกลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคาร และสาธารณูปโภค ทำกำไรได้สูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
6. ความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางอาวุธ
การสำรวจของ WEF ระบุว่าความขัดแย้งทางอาวุธเป็นความเสี่ยงอันดับต้นๆ ในปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นของประเทศมหาอำนาจ
7. การเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลาง
มีการพูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะการหยุดยิงของอิสราเอลกับฮามาสและเฮซบอลเลาะห์ โดยหวังว่าหากสงครามจบลงจะนำพามาซึ่งสันติภาพของตะวันออกกลางได้
8. มีแนวโน้วสูงมากที่ชาตินิยมจะสูงขึ้น
จากการประชุมสะท้อนให้เห็นว่า ความร่วมมือระดับโลกอาจจะถูกรบกวนด้วยแนวคิดชาตินิยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลโดยตรงต่อการทำธุรกิจและความร่วมมือระหว่างประเทศ
9. ความยั่งยืนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะมีท่าทีที่ไม่สนับสนุนสิ่งแวดล้อมแบบที่สุด แต่บริษัททั่วโลกยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ โดยมองว่าการลงทุนในพลังงานสะอาดและความยั่งยืนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาว
10. การฟื้นฟูเศรษฐกิจของยูเครน
ผู้นำยูเครนเรียกร้องการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อฟื้นฟูประเทศ แม้ยังไม่มีข้อตกลงสันติภาพอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการเปิดโอกาสของความเป็นไปได้ใหม่ๆ
11. การปฏิรูปกฎระเบียบในยุโรป
ผู้นำยุโรปหารือเกี่ยวกับการลดกฎระเบียบเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับสหรัฐฯ ที่กำลังลดกฎระเบียบอย่างรวดเร็ว
12. ความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
นักลงทุนกังวลว่านโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
13. การพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์ในที่ทำงาน
การใช้ AI เพื่อทำงานอัตโนมัติกำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อโครงสร้างการจ้างงานและความต้องการทักษะใหม่ๆ ในอนาคต ทักษะของคนทำงานจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
14. การคาดการณ์การทำข้อตกลงทางการเงิน
การลดกฎระเบียบในสหรัฐฯ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะมีการทำข้อตกลงทางการเงินเพิ่มขึ้น
15. การอภิปรายเกี่ยวกับอนาคตของสกุลเงินดิจิทัล
มีการอภิปรายเกี่ยวกับอนาคตของสกุลเงินดิจิทัลและความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สนับสนุนสิ่งเหล่านั้น อย่าง Blockchain
16. การเปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงานของสหรัฐฯ
นโยบายพลังงานของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ประกาศกลับไปใช้พลังงานฟสซิล รวมถึงการถอนตัวจากข้อตกลงปารีส ส่งผลกระทบต่อการสนทนาเกี่ยวกับพลังงานในระดับโลกอย่างมาก รวมทั้งการเขย่าตลาดน้ำมันโลกด้วย
17. แนวโน้มด้านการค้าและเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์และสื่อมวลชนเห็นว่าการกลับมาของทรัมป์อาจส่งผลให้มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น มีการวิเคราะห์ว่า “รัฐบาลทรัมป์อาจมีความไม่แน่นอนมากขึ้นถึง 200 เท่า” ซึ่งอาจส่งผลต่อการเจรจาการค้าและความร่วมมือระหว่างประเทศ
18. มุมมองจากอาเซียน
เกา กึมฮวน เลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า “ความหลากหลายคือจุดแข็งของเรา” โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
19. ผู้หญิงพลังสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
มีการเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปิดช่องว่างทางเพศในด้านสุขภาพ การเมือง และเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้หญิงและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ Anita Zaidi ประธานด้านความเท่าเทียมทางเพศของมูลนิธิ Bill & Melinda Gates กล่าวว่า “การลงทุนทุก 1 ดอลลาร์ในสุขภาพของผู้หญิง ให้ผลตอบแทนถึง 3 ดอลลาร์”
Catherine Russell ผู้อำนวยการ UNICEF กล่าวว่า “หากผู้หญิงมีสุขภาพดีและมีส่วนร่วมในสังคม เศรษฐกิจของสังคมนั้นก็จะเติบโตไปด้วย”
Anna Bjerde กรรมการผู้จัดการด้านปฏิบัติการของธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า “หากผู้หญิงมีบทบาทในเศรษฐกิจเท่ากับผู้ชาย GDP โลกจะเพิ่มขึ้นถึง 20%”
20. การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานและอนาคตของงาน
รายงาน Future of Jobs 2025 ที่เปิดตัวก่อนการประชุมระบุว่า 39% ของทักษะปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงหรือกลายเป็นทักษะที่ล้าสมัยภายใน 5 ปีข้างหน้า
คนทำงานมีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและตลาดแรงงาน และกังวลว่าจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ทั้งหมดนี้เป็น 20 ประเด็นสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้ดียิ่งขึ้นในปีนี้ ถึงแม้เรื่องของภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวคนทั่วไป แต่การรับรู้เอาไว้ก็ช่วยให้คุณสามารถก้าวไปพร้อมๆ กับโลกที่ไม่หยุดนิ่งได้
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์