คุณเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “เจ้านายคือโค้ช หรือไม่?” คิดเห็นอย่างไรกันประโยคนี้ เราคิดว่าเจ้านายที่ดีควรจะมีความเป็นโค้ชที่นำทางคนที่อยู่ภายใต้การดูแล ให้มีความเก่งมากยิ่งขึ้น พวกเขามีหน้าที่ขัดเกลาความสามารถ ด้วยการแบ่งปันความรู้ที่มีพร้อมทั้งประสบการณ์ ดังนั้นเราเห็นด้วยกับประโยคที่ว่าเจ้านายคือโค้ช
ในความคิดแบบเก่าเจ้านายดูเหมือนจะเป็นภาพตัวแทนของคำว่าเผด็จการ ซึ่งส่วนมาก หรือ เกือบจะทั้งหมดไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนในทีมเท่าไหร่นัก มันคงถึงช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว วันนี้ Future Trends จะมานำเสนอกฎ 10 ข้อในการฝึกฝนทีมของคุณสู่ความยิ่งใหญ่ ในฐานะของเจ้านายรูปแบบโค้ชไม่ใช่ เจ้านายเผด็จการ
การทำงานเมื่อมันมีทีมเราจะต้องมีผู้นำ และเขาจะเป็นตัวกำหนดทิศทางต่างๆ ของทีมว่าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง รับผิดชอบอะไรบ้าง คนที่ทีมจะเห็นมากที่สุดคือหัวหน้า หรือ ผู้นำ ถ้าคุณแสดงออกให้เห็นถึงความสามารถของคุณ พวกเขาจะจดจำ และมันจะแทรกซึมเข้าไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดคุณจะเป็น Role Model ของพวกเขา ดังนั้น จงเป็นแบบอย่างที่ดี
ผู้นำควรแสดงทัศนคติเชิงบวกเสมอ มันมีความสามารถในการกระจายอารมณ์ไปสู่ผู้อื่นได้ การเป็นพลังบวกให้กับทีม คือสิ่งที่ผู้นำต้องทำทุกวัน แม้ว่าจะมีความท้าทาย หรือ ปัญหาเกิดขึ้นก็ตาม จงอย่านำมันมาเป็นข้ออ้างในการสร้างบรรยากาศเสียในทีม ดังนั้น สอนให้พวกเขาคิดบวกด้วยการคิดบวกก่อนใครเพื่อน
หากคุณต้องการที่จะเป็นผู้ได้รับความเคารพ คุณต้องเป็นผู้ให้ความเคารพก่อน ไม่เห็นคนใดคนหนึ่งในทีมสำคัญเป็นพิเศษ ถึงแม้เขาจะมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงกว่าใครเพื่อน แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมในทีมว่าใครๆ ก็มีสิทธิได้รับความยุติธรรม ดังนั้น เริ่มที่ตัวคุณพยายามทำตัวให้พวกเขารู้สึกว่าคุณเป็นผู้ที่น่าเคารพ เพราะมีความยุติธรรม
เป็นผู้ฟังที่ดีโดยรับฟังสิ่งที่พวกเขาต้องการจะสื่อให้หมดก่อน แล้วค่อยเริ่มตั้งคำถามอย่าง “มีเรื่องอะไรอีกไหมที่จำเป็นต้องรู้?” สิ่งสำคัญคือตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับข้อมูลทั้งหมดมาแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่ลูกทีมคุณจะคิดว่าคุณรู้ทุกอย่างหมดแล้ว แต่อย่าทำให้มันเป็นปกติเลยพวกเขาควรรู้ว่ามีหน้าที่ให้การให้ข้อมูลผู้นำอย่างครบถ้วน ดังนั้น จงฟัง ตั้งคำถาม และให้คำแนะนำกับพวกเขา ข้อควรระวังคือไม่ควรด่วนตัดสินจากสิ่งที่พวกเขานำเสนอมา
คงจะดีไม่น้อยหากทีมของคุณอ่านใจคุณได้ และทำสิ่งที่คุณต้องการโดยไม่ต้องบอกกล่าว แต่ในความเป็นจริงมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีทีมไหนตรัสรู้ได้ขนาดนั้น ดังนั้น หากคุณต้องการให้ความต้องการของคุณเป็นจริง ทีมของคุณต้องรู้ว่ามันคืออะไร และที่สำคัญอย่าทำให้การถามความต้องการ หรือ ถามคำถามเป็นสิ่งที่น่ากลัว ต้องการความชัดเจนไม่ใช่เรื่องผิด
ถ้าคุณไม่มีความซื่อสัตย์แม้แต่ในการใช้ชีวิตของตัวเองลูกทีมที่ไหนเขาจะมั่นใจในตัวคุณกัน?
การเป็นผู้นำการศึกษาจะต้องไม่หยุดนิ่ง เพราะถ้าคุณหยุดคนในทีมก็จะหยุด ไม่ว่าจะตามกระแสในอุตสาหกรรมธุรกิจของคุณ หรือ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คุณไม่จำเป็นต้องได้รับปริญญาหลายใบ เพียงแค่อ่านหนังสือ เข้าฟังบรรยาย หรือแค่แสดงความอยากรู้อยากเห็นในกระแสแต่ละวันก็จะช่วยฝึกสติปัญญาของคุณได้ ดังนั้น อย่าเป็นน้ำเต็มแก้วไม่อย่างนั้นทีมคุณจะมีแต่น้ำเต็มแก้ว
สิ่งที่ได้ผลในวันนี้อาจจะไม่ได้ผลในวันหน้า คุณต้องพยายามมองหา คาดเดาทางออกที่ดีกว่าอยู่เสมอ เพราะไม่มีอะไรการันตีว่าความสำเร็จของคุณจะอยู่ตลอดไป ดังนั้น พยายามสร้างนิสัยในการหาทางออกให้กับตัวเอง และเผยแพร่ให้กับทีม
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีนั้นเกิดขึ้นอย่างเร็วน่าทึ่งมาก การต่อต้านพวกมันไม่เพียงแต่ไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่มันยังสร้างปัญหาและเป็นอันตรายต่อการทำงานอีกด้วย ควรเปิดกว้างต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ และรับข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ทัศนคติของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งเสริมการทำงานร่วมกับเทคโยโลยีในทีมของคุณ
การสร้างวัฒนธรรมของทีมเป็นสิ่งที่คุณต้องทำทุกวัน ทุกสัปดาห์ และตลอดทั้งปี ไม่สามารถบอกแล้วเกิดขึ้นได้เลย มันใช้เวลาในการผลิตและปลูกฝัง แต่อย่าสร้างวัฒนธรรมที่ทางทีมมีคำถามขึ้นมาเชียว เพราะนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์พวกเขาเมื่อมันมีคำถามเกิดขึ้น
ทั้ง 10 ข้อที่เรานำเสนอไปสามารถนำไปปรับใช้งานเพื่อให้คุณสามารถเป็นหัวหน้าที่มีความเป็นโค้ชอยู่ด้วยในตัว “จงดึงศักยภาพของคนในทีมออกมา ไม่เพียงแต่เพื่อบริษัท แต่มันเพื่อตัวพวกเขาเอง บางครั้งผู้นำก็เป็นผู้ค้นพบความชอบและความถนัดในตัวพนักงาน”
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
Source: https://www.entrepreneur.com/leadership/10-rules-for-coaching-your-team-to-greatness/458206?fbclid=IwAR03e-BZbVsjI2fGjffnnq8v2flANMGMUICZ1ApKqjFYyZ2odS6-d7q548I