LOADING

Type to search

SMEs ไปต่ออย่างไรในยุคหลังโควิด-19 : คุยกับบอม-สิริชัย จากคอร์ส ‘SME Future Hope ฝ่าวิกฤตโควิด สร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน’

SMEs ไปต่ออย่างไรในยุคหลังโควิด-19 : คุยกับบอม-สิริชัย จากคอร์ส ‘SME Future Hope ฝ่าวิกฤตโควิด สร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน’
Share

นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปี 2563 จนถึงตอนนี้ หนึ่งในประเภทธุรกิจที่ได้รับรับแรงกระแทกรุนแรงที่สุด และแทบจะเป็นด่านหน้าของการล็อกดาวน์ทุกครั้งเลยก็คือ ธุรกิจรายย่อยและธุรกิจขนาดกลาง หรือ ‘SMEs’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดที่ทำให้สถานประกอบการหลายแห่งต้องเลิกจ้างชั่วคราว หยุดพักกิจการไประยะหนึ่ง หรือหนักที่สุดคือต้องปิดกิจการถาวรไปเลยก็มีเช่นกัน

สาเหตุที่ทำให้ SMEs ล้มหายตายจากไปได้ง่ายๆ เป็นเพราะสายป่านกระแสเงินสด (cash flow) ที่ไม่ได้ยาวมากนัก เมื่อต้องสูญเสียรายได้จากการปิดกิจการลงชั่วคราว ทำให้เงินสดที่ต้องนำมาหมุนต่อในระบบก็เหลือน้อยลงเต็มที แต่ในขณะเดียวกัน ข้อดีของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางเช่นนี้ก็คือ หากเกิดวิกฤตที่ต้องมีการปรับแผนกระทันหัน SMEs นี่แหละที่มีความสามารถในการปรับตัวได้คล่องแคล่วมากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่

บอม-สิริชัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท BIW Products จำกัด ธุรกิจผู้ให้บริการผ้าม่านครบวงจร และ Program Director จากคอร์ส ‘SME Future Hope ฝ่าวิกฤตโควิด สร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน’

วันนี้ Future Trends มีโอกาสพูดคุยกับบอม-สิริชัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท BIW Products จำกัด ธุรกิจผู้ให้บริการผ้าม่านครบวงจร และ Program Director จากคอร์ส ‘SME Future Hope ฝ่าวิกฤตโควิด สร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน’ ถึงปัญหาและวิกฤตของธุรกิจ SMEs ที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาแบบนี้ SMEs จะเอาตัวรอดและสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างไร เทคนิคและความเป็นไปได้ที่จะช่วยสร้างทางรอดให้กับผู้ประกอบการเหล่านี้ต้องมีปัจจัยอะไรส่งเสริมบ้าง

ปัญหาของธุรกิจ SMEs ที่เห็นตอนนี้มีอะไรบ้าง

สำคัญที่สุดสำหรับ SMEs คือต้องดูยอดขาย ถ้าเราขายไม่ได้ต้องกลับมาดูว่า เกิดจากการที่สินค้าไม่แมชกับตลาดหรือเปล่า บางทีเราไม่เข้าใจ เราทำสินค้าจากตัวตน จากความชอบ แต่เราไม่รู้ตลาด ไม่รู้คู่แข่ง โปรโมชัน หรือสถานที่จัดจำหน่ายว่าต้องทำยังไงถึงจะสอดคล้องกัน ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น โอกาสที่จะได้ยอดขายกลับมาก็มีน้อยมาก คนที่อุดหนุนก็จะเป็นเพื่อนๆ กันหมด สนับสนุนครั้งเดียวแล้วเลิกใช้ไม่ซื้อซ้ำ ยอดขายก็จะน้อย อันนี้สำหรับสเตจแรก

สเตจต่อมาคือเราต้องดูว่า ลูกค้ามีความประทับใจแล้วบอกต่อขนาดไหน บางทีเราขายได้โดยกระบวนการการทำโปรโมชัน หรือหาลูกค้าใหม่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้ดูเลยว่า เราเติมน้ำไปทุกวันแล้วถังน้ำมันรั่วหรือเปล่า กระบวนการที่สำคัญมากๆ ที่ทำให้ถังน้ำรั่ว เกิดจากการบริการหรือเซอร์วิสดีไซน์ เวลาผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการสักครั้งจะมีประสบการณ์ดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทรีตเขา บางทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการตอบอินบอกซ์ของแอดมิน การรอคิวที่นานเกินไปแล้วเราไม่รู้ตัวว่าเป็นปัญหา แม้กระทั่งงานสั่งทำ อย่างผมทำผ้าม่านถ้าเราไปติดตั้งผ้าม่านลูกค้าสกปรก ผลงานไม่ดีอย่างที่คุยไว้ คนก็จะใช้ครั้งเดียวแล้วก็ดรอปลงเรื่อยๆ เราเอาแต่ทำการตลาดกระตุ้นหาลูกค้าใหม่ แต่ลูกค้าเก่าไม่มีการซื้อซ้ำและบอกต่อ ธุรกิจที่ไปอย่างนี้ก็จะติดขัด

สเตจที่สาม ผมว่าเป็นเรื่องของสต๊อกสินค้า การบริหารจัดการการเงิน จะ operated ยังไงให้ประหยัดต้นทุน พอข้ามสเตจหนึ่งกับสอง สเตจสามนี่สำคัญมาก บางธุรกิจหายไปเพราะไม่มีตังจ่ายพนักงาน ผมเคยไม่รู้ตัวทีหนึ่งว่าทำไมอยู่ๆ ตังหมด ไปเจอว่าเป็นเพราะงานระหว่างทางเกือบ 20 ล้านบาท มีลูกหนี้ค้างชำระเยอะมาก พอเราไปไล่เก็บเรื่อยๆ กระแสเงินสดก็เริ่มเข้ามา การไม่ดูกระแสเงินสดไม่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้ในระยะยาว

แปลว่าเราต้องเลือกทำสินค้าที่แมชกับตลาด มากกว่าทำธุรกิจจากความชอบหรือเปล่า

สำหรับผมต้องเริ่มทำทั้งจากสิ่งที่ชอบและมีตลาด ถ้าชอบในสิ่งที่ไม่มีตลาดก็ยาก ต้องไปดูว่าจะทำธุรกิจนี้อย่างไร ลูกค้าอยู่ตรงไหน บางคนขายต้นไม้ราคาแพงก็มีคนคิดว่าแล้วมันจะไปขายได้ยังไง แต่ตอนนี้เห็นเลยว่า ต้นไม้ต้นหนึ่งราคาเป็นพันเลย ต้นเล็กๆ เอง เมื่อวานผมเพิ่งเห็นการประมูลต้นไม้ต้นเดียวราคา 570,000 บาท ซึ่งเจ้าของธุรกิจเขาใช้เวลาในการทำธุรกิจนี้จากตลาดเล็กๆ ให้ใหญ่ขึ้นได้ มันมีกระบวนการของมันอยู่

ผมไม่ได้คิดว่า การเริ่มต้นจากสิ่งที่รักจะผิดนะ สำคัญสุดคือต้องมองตลาดให้ออก หาลูกค้าให้เจอ แล้วต้องคิดว่า เราจะไปตอบโจทย์ให้ลูกค้ารักเราเหมือนที่เรารักสินค้าตัวนี้ได้ยังไง ทำยังไงเขาถึงจะบอกต่อความรักนี้ไปยังคนอื่นๆ วันแรกต้นไม้ใบด่างมีแต่คนคิดว่าไร้สาระ แต่เราเห็นแล้วว่า วันนี้มันไม่ไร้สาระเลย โพสต์ๆ เดียวมี 2,000 คอมเมนต์ วันเดียวจำนวนแชร์นับไม่ถ้วน นี่คือตัวอย่างที่ดีมากๆ 

พอจะมีเทคนิคหรือคำแนะนำสำหรับ SMEs เพื่อเอาตัวรอด ฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างไรบ้าง

ผมเชื่อว่า โควิด-19 เป็นปัญหาระดับโลก ทุกคนกระทบหมด เหมือนเจอสงครามโลก ทำยังไงจะรอดจากวิกฤตนี้ไปได้ ซึ่งในทุกๆ วิกฤตจะมีคนที่รวยขึ้น ทำยังไงให้คนนั้นเป็นเรา คนที่เจอผลกระทบในส่วนของกระแสเงินสดมากๆ เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์จะหายไปเลย หนทางรอดทางเดียว คือต้องบิดไปทำธุรกิจที่หารายได้ได้ ส่วนตัวผมเวลามอง ผมต้องมองธุรกิจและเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้น เหมือนเป็นแม่น้ำ ถ้าสมมติแม่น้ำกำลังไหลไปแล้วน้ำมันแผ่วเบา วันหนึ่งน้ำอาจจะขึ้นก็ได้ ฉะนั้น เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เดิมทีปลาว่ายมาตรงนี้เราได้รับปลาจำนวนหนึ่ง วันหนึ่งเดี๋ยวมันก็ฟื้นขึ้นมาโอเค

แต่ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นมันคือเหตุการณ์ที่แม่น้ำเปลี่ยนสาย อยู่ๆ สิ่งที่เราดักไว้อย่างเทรนด์หรือความต้องการอยู่ทางหนึ่ง แม่น้ำเปลี่ยนไปอีกทิศไม่มีทางที่จะฟื้นขึ้นมา แบบนี้ต้องเปลี่ยน business model ใหม่ วันนี้ SMEs ได้รับผลกระทบไม่เหมือนกัน บางคนยังไม่สามารถใช้สูตรสำเร็จในธุรกิจเดียวกันได้เลย นี่คือเหตุผลที่เจ้าของธุรกิจต้องขวนขวายหาความรู้เพื่อจับธุรกิจใหม่อย่างรวดเร็ว

ผมเองก็ปรับเยอะแยะเหมือนกัน ที่ผ่านมาพอเจอสิ่งที่ใช่เรารู้แล้วว่านี่ใช่ ก็ต้องพยายามใส่ทรัพยากรไปในจุดนั้นเยอะๆ อย่างสิ่งที่ผมทำเยอะมากในช่วงที่ผ่านมาคือการสร้างทีมมาร์เกตติ้ง ปีที่แล้วผมมี 2 บริษัท เจ้าของ 5 คน จากคนเป็นร้อยมีทีมมาร์เกตติ้งเพียง 2 คน แต่ตอนนี้มี  15 คนภายในระยะเวลาปีเดียว แล้วปรากฏผลลัพธ์มันออกมาดี ไม่ใช่ว่าผมเก่ง แต่ว่าธุรกิจมันมีดีเทลไม่เหมือนกัน เราไม่จำเป็นต้องเลียนแบบใคร ทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเองทำได้ดีก็พอ

แล้วความพิเศษของคอร์ส ‘SME Future Hope ฝ่าวิกฤตโควิด สร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน’ มีอะไรบ้าง

คอร์สนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปของยุคปัจจุบันในทุกๆ มิติ จากคนที่เป็นผู้ลงมือทำจริง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการ ผู้เชี่ยวชาญ นักธุรกิจ หรือผู้บริหารระดับสูง ทุกคนเป็นคนที่มีประสบการณ์แล้วเอาประสบการณ์มาเล่า และทุกคนยังอยู่ในธุรกิจ เขามองเห็นภาพของธุรกิจ เราเลือกสรรมาว่า เขาเป็นสุดยอดสำหรับนักธุรกิจ SMEs ในเลเวลที่ต้องการไปให้ถึงร้อยล้าน เราสามารถทำแบบนี้ได้จริง เราเห็นว่า ถ้าไปเชิญแต่คนที่ทำให้เป็นหมื่นล้านพันล้าน เราไม่สามารถเลียนแบบเขาได้ ด้วยเงินทุนอะไรต่างๆ แต่สิ่งนี้วิทยากรทุกท่านมีความเป็นไปได้ จับต้องได้หมด มีประสบการณ์ เป็นคนเก่งมากๆ

สำคัญที่สุด คือคนที่จะมาเรียนในคลาสนี้จะได้รับคู่มือในการทำธุรกิจของเขา ซึ่งเป็นประตูสู่ความหวังในอนาคต จะได้รับการเคาะ ปรับแก้ ให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ แล้วก็มีพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ก็คือเมนเทอร์ของเรา ซึ่งทั้งสองคนก็คอยดูแลนักธุรกิจในเลเวล 75-500 ล้านอยู่แล้ว ความเข้าใจในการพูดคุย เข้าถึงปัญหา ตัวตน และให้คำแนะนำสามารถทำได้อย่างดี และเป็นนักธุรกิจที่ทำงานอยู่จริงๆ ในปัจจุบัน

มีรายละเอียดที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีกไหม คอร์สนี้จะช่วยนักธุรกิจได้ยังไงบ้าง

สิ่งที่ผมคิดว่า น่าสนใจมากๆ ของคลาสนี้คือการได้คุณวิเชียร ฤกษ์ไพศาล หรือพี่นิคแห่ง genie records ที่เป็นทั้งผู้บริหาร personal branding ของค่าย และเป็นคนลงมือทำที่เก่งที่สุดในประเทศคนหนึ่งมาเป็นที่ปรึกษาให้คอร์สนี้ด้วย ทุกคนรู้จักวง bodyslam, Big Ass, Potato หรือ Cocktail ศิลปินค่าย genie records ทุกคนรู้จักหมด เราได้ตำนานของการทำธุรกิจและปั้นศิลปินมาตั้งแต่ต้น ซึ่งมีความคมคายในการช่วยเคาะวิธีคิด มุมมองในการแก้ปัญหามาช่วยเป็น advisor

แล้วยังมีอีกหลายอย่างที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน อย่างเช่นวันแรกที่พี่นิคเข้าไปที่ค่าย พี่นิคทำงานเป็นเด็กจัดฉากหลังเวที  ไต่เต้าจนเป็นผู้บริหารสูงสุด เห็นทุกกระบวนการในการทำให้ศิลปินดัง ทิศทางค่ายเป็นอย่างไร จนบริษัทเข้าตลาดหุ้น จากธุรกิจห้องแถวเป็นระดับร้อยล้าน ความวุ่นวายหลังเกิดตลาดหุ้น จุดสูงสุดของวงการเพลง เราได้คนแบบนี้มาเป็นที่ปรึกษาถือว่าสุดยอด

อีกอย่าง คือไม่มีคลาสเรียนไหนที่จะให้คู่มือที่คุณอยากไปใช้ได้ตรงแล้วมีประโยชน์จริงๆ เหมือนคลาสนี้ ตัวคู่มือฉบับนี้จะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์แล้วทุกคนจะเอาไปใช้ได้จริง นอกจากนั้น ในวันสุดท้ายเรายังได้รับเกียรติจากผู้บริหารของธนาคารไทยพาณิชย์ และนักธุรกิจชั้นนำมาช่วยคอมเมนต์ว่า แผนของคุณ คู่มือของคุณโอเคแค่ไหน คือคุณไม่ได้แค่เมนเทอร์มาช่วยทำอย่างเดียว แต่ยังมีกรรมการอีกส่วน มาประกวด มาคอมเมนต์ให้รางวัล แล้วรางวัลก็ถือว่าน่าสนใจมากๆ ขออุบไว้ก่อนว่ารางวัลเป็นอะไร แต่บอกเลยว่า เป็นรางวัลที่ทุกคนต้องว้าวครับ


สำหรับเจ้าของธุรกิจ SME ที่สนใจอยากจะติดสปีดธุรกิจ แก้ปัญหา ฝ่าวิกฤติ พิชิตยอดขาย สามารถลงทะเบียนคอร์ส ‘SME Future Hope ฝ่าวิกฤตโควิด สร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน’ ได้ที่ https://page.futureclass.co/business-smefuturehope 

FutureClass เป็นสถาบันพัฒนาทักษะแห่งอนาคตและ SME Hope คือผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาธุรกิจ SME ต่างเล็งเห็นถึงปัญหาที่นักธุรกิจ ในปัจจุบันต้องเผชิญ จึงได้ร่วมมือกันออกแบบหลักสูตรพัฒนาธุรกิจแนวคิดใหม่ ที่ช่วยพลิกวิกฤติธุรกิจ SME ให้เป็นโอกาสสู่การเพิ่มยอดขายและความสำเร็จ 

คอร์ส ‘SME Future Hope ฝ่าวิกฤตโควิด สร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน’ เป็นคอร์สที่จะจัดขึ้นทั้งหมด 8 สัปดาห์ พร้อม 3 เมนเทอร์ และสปีคเกอร์จากทุกธุรกิจชั้นนำของประเทศกว่า 21 คน โดยแต่ละคนนั้นต่างก็เป็นผู้ประกอบการ และเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และสร้างผลงานมากมายในปัจจุบัน ที่จะมาแชร์ความรู้ พร้อมฝึกหัดจัดเต็มด้วย 8 Group Assignment และ 1 Final Business Development Project ซึ่งเป็นรูปแบบคอร์สเรียนที่ถูกดีไซน์มาเป็นอย่างดีให้เหมาะกับการเรียนรู้ในยุคปัจจุบัน และยังง่ายต่อเจ้าของธุรกิจ SME ในการนำองค์ความรู้ และเทคนิคต่างๆ ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเอง

โดยในคอร์สนี้จะประกอบไปด้วย 9 หัวข้อองค์ความรู้ที่น่าสนใจได้แก่ 

  1. Business Foundations
  2. Customer 5.0
  3. Branding In VUCA World
  4. Growing Sale with Social Media 
  5. Growing Sale with E-Commerce
  6. Growing Sale with Sale Team
  7. People Management for Growth
  8. Financial Management for Growth
  9. Final Business Development Project

ลงทะเบียนคอร์ส ‘SME Future Hope ฝ่าวิกฤตโควิด สร้างธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน’ ได้ที่ https://page.futureclass.co/business-smefuturehope  

Tags::

You Might also Like