Type to search

การจัดการความเครียด: ปัจจัยสำคัญสู่ความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน

October 18, 2024 By Pakanut Tariyawong

ในยุคที่โลกธุรกิจและการทำงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ความสามารถในการจัดการความเครียดไม่ได้เป็นแค่เรื่องส่วนตัวของผู้นำหรือคนทำงานอีกต่อไป แต่กลายเป็นทักษะสำคัญที่มีผลกระทบโดยตรงต่อความสำเร็จและความยั่งยืนขององค์กรโดยรวม การจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ผู้นำสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ บริหารทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสมดุลทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน

เนื่องในวัน World Mental Health Day ทาง Slingshot Group บริษัทที่ปรึกษาด้านการพัฒนาผู้นำและองค์กรระดับแนวหน้าของไทย ได้ร่วมมือกับ OOCA แพลตฟอร์มให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตออนไลน์ จัดงานสัมมนาพิเศษ “การจัดการความเครียดเพื่อการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ” เพื่อช่วยให้ผู้นำและคนทำงานไทยเข้าใจถึงวิธีบริหารจัดการความเครียดในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย และมุ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของสุขภาพจิตในการสร้างผู้นำระดับสากล

งานสัมมนานี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรชั้นนำ ได้แก่ คุณฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ttb bank, รศ. พญ. ณัฏฐา สายเสวย จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความเครียดและซึมเศร้า และ ทพญ. กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์ CEO ของ OOCA ทั้งสามท่านได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงในการจัดการความเครียดจากมุมมองของผู้นำองค์กร ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช และผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มสุขภาพจิต ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับความรู้และแนวคิดที่นำไปปรับใช้ได้จริง

ความสำคัญของการจัดการความเครียดในบทบาทของผู้นำ

หนึ่งในบทเรียนสำคัญที่งานสัมมนานี้เน้นย้ำคือ “การจัดการความเครียดคือพื้นฐานของการเป็นผู้นำที่ยั่งยืน” ผู้นำที่ดีไม่เพียงแต่ต้องมีความสามารถในการบริหารงานและทีมงานเท่านั้น แต่ยังต้องรู้จักจัดการกับความเครียดของตนเองเพื่อรักษาความสมดุลทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ โดยมีตัวอย่างจาก คุณฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ของ ttb bank ที่ได้แชร์ประสบการณ์ตรงในการเผชิญกับความเครียดจากการทำงานที่มากเกินไปในอดีต จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย เช่น อาการปวดหัวที่หาสาเหตุไม่ได้ แม้ตรวจร่างกายก็ไม่พบปัญหา เมื่อเขาตัดสินใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การนอนให้เพียงพอ และมีทัศนคติเชิงบวก ก็พบว่าสุขภาพกายและใจดีขึ้นอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ คุณฐากรยังกล่าวถึงการ “ปล่อยวางสิ่งเล็กน้อย” เพื่อไม่ให้ความเครียดสะสม ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามแผนในชีวิตการทำงานและการเป็นผู้นำ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เขาสามารถจัดการกับความเครียดของตนเองได้ แต่ยังส่งผลต่อการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

สุขภาพจิตในองค์กร: ปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

นอกจากการจัดการความเครียดส่วนตัวแล้ว ผู้นำยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมสุขภาพจิตของทีมงานด้วย การเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถพูดคุยเรื่องสุขภาพจิตอย่างเปิดเผยได้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเครียดในองค์กร โดย รศ. พญ. ณัฏฐา สายเสวย ได้เน้นถึงความสำคัญของการสร้าง “วัฒนธรรมการพูดคุยเรื่องสุขภาพจิต” ในองค์กร ว่าผู้นำควรส่งเสริมการเปิดใจของพนักงานเพื่อสร้างความไว้วางใจและลดการปิดกั้นเรื่องปัญหาสุขภาพจิตที่มักถูกมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว

คุณกัญจน์ภัสสร CEO ของ OOCA ยังได้เสริมถึงวิธีการที่แพลตฟอร์มของเธอเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ โดย OOCA มีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพจิตได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ผ่านการให้คำปรึกษาด้านจิตเวชออนไลน์ เพื่อช่วยสร้างสังคมที่ยอมรับการดูแลสุขภาพจิตเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปกปิดหรือหลบเลี่ยง

บทบาทของผู้นำในการจัดการความเครียดของทีมงาน

ในการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ สิ่งที่สำคัญอีกประการคือการ “สังเกตและช่วยเหลือทีมงาน” เมื่อพนักงานเผชิญกับความเครียด คุณฐากร ปิยะพันธ์ ได้เน้นถึงความสำคัญของการสื่อสารอย่างมีสติและสร้างสรรค์กับพนักงาน การให้คำชื่นชมแม้เพียงเรื่องเล็ก ๆ ก็สามารถสร้างแรงจูงใจและลดความเครียดได้ นอกจากนี้ยังมีการแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับวิธีการปล่อยวางความคาดหวังที่สูงเกินไปเพื่อให้ทีมงานรู้สึกผ่อนคลายและมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

เทคโนโลยีกับการดูแลสุขภาพจิต

ปัจจุบัน เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การดูแลสุขภาพจิตเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น OOCA แพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย คุณกัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์ ช่วยให้คนไทยสามารถเชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตผ่านวิดีโอคอลได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งช่วยให้การปรึกษาปัญหาด้านจิตเวชหรือความเครียดไม่ต้องเป็นเรื่องซับซ้อนอีกต่อไป ผู้ใช้สามารถรับคำปรึกษาได้จากที่บ้านหรือที่ทำงาน โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ในโรงพยาบาล ซึ่งสะดวกและปลอดภัยต่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

Key Takeaways สำคัญจากงานนี้:

  1. การจัดการความเครียดคือทักษะพื้นฐานของการเป็นผู้นำที่ยั่งยืน – ผู้นำที่สามารถดูแลสุขภาพจิตและจัดการความเครียดได้ดี จะสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และพร้อมรับมือกับความท้าทายที่ไม่คาดคิดในทุกวัน
  2. สุขภาพจิตที่ดีช่วยเสริมสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง – การสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดรับการพูดคุยเรื่องสุขภาพจิตในองค์กร จะช่วยให้พนักงานรู้สึกมั่นใจและผ่อนคลาย ทำให้สามารถดึงศักยภาพในการทำงานออกมาได้สูงสุด
  3. เทคโนโลยีช่วยให้การดูแลจิตใจเข้าถึงง่ายขึ้น – แพลตฟอร์ม OOCA ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตได้สะดวกและปลอดภัย ลดการตีตราและทำให้การดูแลจิตใจเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้
  4. ผู้นำที่มีทักษะในการจัดการความเครียดสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับสากล – การรู้จักปล่อยวาง ปรับมุมมอง และสร้างวัฒนธรรมการดูแลสุขภาพจิตในองค์กร เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้นำไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในระดับโลก

บทสรุป
การจัดการความเครียดไม่ใช่แค่ทักษะส่วนตัว แต่เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาองค์กรและผู้นำที่ยั่งยืน การเข้าใจและบริหารจัดการความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเสริมสร้างทั้งประสิทธิภาพส่วนบุคคลและทีมงาน รวมถึงผลักดันให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคงและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ ผู้นำที่ดีจึงต้องไม่เพียงแค่บริหารงาน แต่ยังต้องบริหารตนเองและทีมงานให้มีสุขภาพจิตที่ดีพร้อมเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เข้ามาในอนาคต