LOADING

Type to search

หยุดบอกให้ทำงานด้วยการใช้ ‘Passion’ ได้แล้ว! ทำไมการปลุกใจด้วย Passion ถึงทำให้งาน ‘พังกว่าเดิม’

หยุดบอกให้ทำงานด้วยการใช้ ‘Passion’ ได้แล้ว! ทำไมการปลุกใจด้วย Passion ถึงทำให้งาน ‘พังกว่าเดิม’
Share

Passion หรือความหลงใหลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ วลี 2 พยางค์สุดคลาสสิกที่สังคมหยิบยกมาผลิตซ้ำในการสร้างแรงบันดาลใจครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ให้ ‘Follow your Passion’ แล้วชีวิตจะมีความหมาย ทุกอย่างจะออกมาดีเอง เพราะถ้าได้ทำในสิ่งที่รัก จะรู้สึกเหมือนไม่ได้ทำงานเลย

แต่ถึงอย่างงั้น หากไม่มี ก็ต้องตามหา Passion ที่เป็น ‘ดาวเหนือ’ ของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้เจอ คล้ายกับเวลาที่หัวหน้าอย่างเราๆ ชอบบอกให้ลูกน้องใช้ Passion ในการทำงานนั่นเอง

ทุกวันนี้ หากลองเสิร์จฮาวทูตามอินเทอร์เน็ต ก็จะพบว่า มีหลายเว็บไซต์ได้พูดถึงสูตรสำเร็จในการตามหา Passion ไว้เพียบ ซึ่งก็น่าจะพอตีความได้คร่าวๆ ว่า มีคนจำนวนหนึ่งที่ให้ค่า เอาชีวิตไปผูกติดกับคำๆ นี้มากพอสมควร เชื่อว่า Passion เปรียบเสมือนพลังวิเศษที่ชุบชูชีวิต และจิตใจขึ้นใหม่ โดยที่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า คำๆ นี้เข้ามามีอิทธิพลกับความคิดตัวเองตั้งแต่ตอนไหนกัน?

passion-is-not-the-answer 1

ว่ากันตามตรง จริงๆ แล้ว Passion ไม่ได้ดีไปหมดทุกแง่มุม และก็ไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างในชีวิตทุกคนเสมอ งานวิจัยเรื่อง Implicit Theories of Interest: Finding Your Passion or Developing It? ของพอล โอคีฟ (Paul O’Keefe) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาวิทยาลัยเยล-เอ็นยูเอส (Yale-NUS College) มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore), แครอล ดเว็ค (Carol Dweck) นักจิตวิทยา ผู้เขียนหนังสือขายดีอย่าง Mindset The New Psychology of Success ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา และเกร็กกอรี วอลตัน (Gregory Walton) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) ได้พูดถึงประเด็นนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า การบอกคนอื่นให้หา Passion ตัวเองให้เจอ เป็นคำแนะนำที่ไม่เวิร์ก แถมยังทำให้พวกเขาทำงานได้แย่กว่าเดิมด้วย

พอล โอคีฟ อธิบายว่า ตรรกะการไล่ความตามความหลงใหลนี้มักมาพร้อมกับแรงจูงใจที่ไร้ขอบเขต ราวกับการบอกให้ใครสักคนตามหาของวิเศษ ไม่ต้องทำอะไรเยอะ คอยนั่งวาดฝันว่า ถ้าเจอ Passion แล้วชีวิตจะออกมา Perfect

ซึ่งการที่หัวหน้าอย่างเราๆ บอกลูกน้องว่า จะต้องตามหา Passion ให้เจอ จะต้องมี Passion ในงานให้มากๆ นั้นไม่ได้ช่วยให้ผลลัพธ์ของงานดีขึ้น หรือมีชีวิตออกมา Perfect เหมือนที่ถูกขายฝันไว้ แต่แท้จริงแล้ว วลีสุดคลาสสิกนี้กลับไปบั่นทอนผลลัพธ์ของงาน ทำให้โลกแคบลง จำกัดกรอบความคิดของลูกน้องให้มี Fixed Mindset ตั้งคำถามกับเรื่องต่างๆ น้อยลง คิดแต่สิ่งเดิมๆ มากขึ้นต่างหาก หรือพูดง่ายๆ ว่า คนกลุ่มนี้จะสนใจแค่ว่า ถ้าเจอสูตรสำเร็จก็เป็นอันว่า Happy Ending แล้ว

ส่วนลูกน้องที่ไม่ได้ถูกให้ค่ากับ Passion มาก ก็จะมี Growth Mindset มองไปที่ความสนใจ และสิ่งอื่นที่ชอบระหว่างทางไปพร้อมๆ กัน โดยก็จะมี Energy ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากกว่า และมีแนวโน้มจะเจอปัญหาในพื้นที่ที่อยู่นอกเหนือ Passion ของตัวเองน้อยกว่าด้วย

เขาแนะนำเสริมว่า วิธีที่จะดึงศักยภาพในตัวลูกน้องออกมาให้ได้มากที่สุด คือการมองด้วย ‘สายตาแห่งความเข้าใจ’ ว่า Passion ไม่ใช่สิ่งที่จะตามหาได้ง่าย ไม่ใช่วิธีคิดที่ Make Sense เท่าไร มันเป็นเรื่องที่ต้อง Take time ประมาณหนึ่ง และมีพัฒนาการในตัวเอง

เพราะฉะนั้น แทนที่จะบอกลูกน้องว่า “ต้องตามหา Passion ให้เจอ” อาจจะลองเปลี่ยนเป็นประโยคง่ายๆ ที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาลอย่าง “ไม่มีหรือไม่เจอ Passion ก็ไม่เป็นอะไร ค่อยๆ สร้าง ค่อยๆ พัฒนากันไป น้องพี่เก่งขนาดนี้ ทำได้อยู่แล้ว” หรือการบอกให้พวกเขาเชื่อว่า ‘ต้องเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง’ แทน

การไม่มี Passion การทำงานไปวันๆ ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ได้แปลว่า ชีวิตของลูกน้องจะจบลง งานตรงหน้าที่พวกเขาทำออกมาจะแย่ ไร้ค่า ไร้ความหมาย

แม้ Passion จะเป็นถ้อยคำที่สวยหรู ดูดีในสายตาหัวหน้าบางคน แต่เราไม่ต้องมีมันอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องยึดมันเป็นปัจจัยที่ 5 ที่จำเป็นกับชีวิตก็ได้ Passion ของคนเราแปรเปลี่ยนได้ตามกาลเวลา วันนี้มีอยู่ พรุ่งนี้อาจจะหายไป ในช่วงชีวิตของทุกคนล้วนมีส่วนผสม ทั้งเรื่องที่ Passion และไม่ได้ Passion ด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือ ‘Passionate’ ที่เป็น Adjective ของ Passion

เพราะการที่ Passionate กับทุกงาน ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความหลงใหล ความตั้งใจดี จะทำให้ทั้งเรา และลูกน้องขึ้นชื่อว่า ‘เป็นมืออาชีพในโลกแห่งการทำงาน’ นั่นเอง…

Sources: https://bit.ly/3IKgW8L

https://bit.ly/3z8o8s8

https://bit.ly/3AVkCTl

Tags::
Chompoonut Suwannochin

อดีตเด็กฝึกงาน และ Content Creator ประจำเพจ Future Trends จบเอก Creative และการจัดการวัฒนธรรมจากรั้วเหลืองแดง ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ มี ‘Sarah Salola กับ Jixgo’ เป็นศิลปินคนโปรด เวลาว่างชอบชุบชูใจด้วยการกิน และการไปติ่ง

  • 1

You Might also Like