LOADING

Type to search

ทำยังไงให้งานเติบโตแบบก้าวกระโดด แนะนำ ‘6 สูตรลับไม่ลับ’ แซงหน้าคู่แข่งในองค์กรโดยไม่ต้องถีบหัวใคร

ทำยังไงให้งานเติบโตแบบก้าวกระโดด แนะนำ ‘6 สูตรลับไม่ลับ’ แซงหน้าคู่แข่งในองค์กรโดยไม่ต้องถีบหัวใคร
Share

“ใครก็อยากเติบโตในองค์กรมีความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด”

แล้วมีสูตรลับ (หรือไม่ลับ) บ้างไหม ที่จะตรียมตัวคุณให้พร้อมเพื่อเติบโตกว่าไวใครๆ ในองค์กร หาใช่การถีบหัวเพื่อนร่วมงานขึ้นไป แต่อยู่ที่ความพร้อมในการเตรียมตัวพร้อมรับหน้าที่สูงขึ้น ผมแนะนำ 6 สูตร ที่สามารถเอาไปปรับใช้กับคุณเพื่อการนี้

1. Be top performer

ทำผลงานให้โดดเด่น : ไม่มีอะไรแทนผลงานที่ยอดเยี่ยมได้ การที่คุณพูดนำเสนอเก่งอย่างเดียว ไม่ทำให้คุณไปถึงฝั่งฝัน ถ้าผลงานของคุณด้อยกว่าเพื่อนร่วมงาน การได้แสงไฟหรือความสนใจที่เหมาะสมจะสร้างโอกาสในการแสดงความสามารถ ยิ่งทำให้คุณเป็นที่รู้จักในองค์กรมากขึ้น เป็นเสมือนตั๋วนำคุณไปสู่ประตูของความก้าวหน้าที่เปิดกว้าง ผมได้มีการพูดถึง P.I.E. ในบทความที่แล้วว่า การได้แสงในเวลาที่เหมาะสมนั้น สำคัญไม่แพ้ผลงานที่ดีเลิศเช่นกัน (อ่านได้ที่ : ทำงานเก่งอย่างเดียวอาจไม่พออีกต่อไป รู้จัก ‘P.I.E.’ ที่จะทำให้คุณได้ ‘แสง’ เพื่อโดดเด่นและก้าวไปสู่การเป็นผู้นำที่ดี)

2. Come with solutions

มาพร้อมด้วยวิธีแก้ปัญหา : หลายครั้งเมื่อเรามีปัญหามักจะร้องเรียนและบ่นต่างๆ นานา ว่า ฝ่ายอื่นๆ ไม่ยอมทำตามหน้าที่ให้ดีพอ การบ่นทำได้ แต่ต้องไม่หยุดแค่นั้น เพราะการบ่นไม่ทำให้เกิดการแก้ไขปัญหา หัวหน้ามักชอบคนที่คิดวิธีแก้ปัญหาในแต่ละเรื่องมาล่วงหน้าแล้ว ผมเองได้มีโอกาสตอบคำถามหลายครั้งว่า หัวหน้าชอบลูกทีมแบบไหนก็ต้องตอบแบบตรงๆ ว่า คนที่จะไม่ทำให้เราปวดหัวส่วนใหญ่คือ ลูกทีมที่มาพร้อมคำตอบและวิธีการแก้ไขปัญหานั่นเอง

3. Be the expert of something meaningful

เชี่ยวชาญในด้านที่ไม่มีใครเหมือน : ความต่างของสิ่งที่คุณทำได้ดีเทียบกับคนอื่นๆ ในองค์กรนั้น เปรียบเหมือน Rare Item ในบริษัท ความเชี่ยวชาญมาจากการฝึกฝน และได้นำความชำนาญมาทำให้เกิดประโยชน์ได้มากมายกับองค์กร ตัวอย่างเช่น นักการเงินที่ช่ำชองเรื่องการบัญชีต่างๆ ในบริษัท หรือโปรแกรมเมอร์มือฉมัง แม้แต่นักกฎหมายที่จำเป็นต่อความอยู่รอดของกิจการก็สำคัญไม่แพ้แผนกอื่นๆ เช่นกัน เวลาที่ใช้สร้างทักษะเฉพาะตนจึงสำคัญ และคุณต้องใช้เวลาฝึกฝนมันให้ดีอยู่เสมอ

4. Lead changes

ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง : อย่าเปลี่ยนเมื่อคุณโดนบังคับให้เปลี่ยน กล่าวคือ จงยกมือเสนอการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้องค์กรก้าวไปข้างหน้า ป้องกันเหตุที่ต้องทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง หรือสิ่งที่ทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้นโดยไม่ถูกร้องขอ การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในยุคนนี้ เช่น Digital Transformation ที่หลายองค์กรต้องการจะทำให้สำเร็จ ถ้าคุณลุกขึ้นมานำตรงจุดนี้ได้ จะทำให้ตัวเองมีคุณค่า มากกว่าเงินเดือนคุณเสียอีก และความก้าวหน้าเกิดขึ้น เพราะหลายคนเห็นถึงความเป็นผู้นำในตัวคุณที่โดดเด่นกว่าใคร

5. Know internal politics

รู้รอบการเมืองภายใน : ในองค์กรไม่ว่าขนาดเล็กหรือใหญ่ล้วนมีการเมืองภายใน แบ่งเป็นทีมของใครของมัน การเมืองแบบมีความโปร่งใสและเน้นการแข่งขันเพื่อทำความดีย่อมมีประโยชน์กับบริษัท สมมติว่า หัวหน้าแต่ละฝ่ายย่อมมีคนโปรดของตัวเอง การเป็นมิตรและทำงานได้กับทุกฝ่ายย่อมมีผลดีมากกว่าเป็นศัตรูกับบางฝ่าย แล้วถ้าเข้าใจว่า ใครคือคนที่มีผลต่อความก้าวหน้าของเราจริงๆ จะมีประโยชน์

ตัวอย่างเช่น คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับอาชีพเราจะเป็น one-up manager หรือเจ้านายของเจ้านายของเราอีกที เพราะฉะนั้น ต้องมีการพูดคุยกับนายของนายเราอย่างสม่ำเสมอเรื่องความก้าวหน้าในสายงาน เจ้านายบางคนมีความกลัวว่า ลูกน้องจะเก่งแซงหน้าตัวเองเลยไม่สนับสนุนความก้าวหน้าเท่าที่ควร ดังนั้น คุณถึงควรมี One-up Manager รีวิวเมื่อคุณเริ่มที่จะเข้าสู่ระดับผู้บริหาร

6. Externally focus

เข้าใจโลกภายนอก : เมื่อเข้าใจการเมืองภายในต้องมองไปข้างนอกว่า คู่แข่งเราหรือเทคโนโลยีไปถึงไหนกันแล้ว ไม่ใช่มัวแต่เล่นการเมืองภายใน เมื่อเรามองหาวิธีใหม่ๆ ในการทำงานหรือธุรกิจย่อมเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ และทำให้ผลงานของคุณมีความยั่งยืนมากขึ้น เพราะวิธีการใหม่ๆ มีการเทียบกับตัวอย่างที่ดีเลิศจากข้างนอกมาอย่างดีแล้วนั่นเอง การที่คุณไปหาตัวชี้วัดเทียบกับชาวบ้านที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันจะทำให้คุณรอบรู้มากขึ้นและดูดีมากในสายตาผู้นำหลายคนในองค์กร

เมื่อคุณทำทั้ง 6 ข้อ เหล่านี้ได้ดี ย่อมมีโอกาสก้าวหน้าเร็วกว่าคู่แข่งในองค์กรของคุณ แต่เหนือสิ่งอิ่นใดคือความจริงใจของคุณและมองเพื่อนร่วมงานแบบต่างเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เพราะเราไม่รู้ว่า อนาคตเขาเหล่านั้นอาจจะมาทำงานให้คุณ หรือมาเป็นหัวหน้าของคุณด้วยซ้ำไป

ฉะนั้น อย่า “เผาทำลายสะพาน” หรือทำตัวแย่ๆ เพื่อความก้าวหน้าของตัวเองผู้เดียว โดยไม่สนใจการเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี! ความสำเร็จนั้นมีอยู่มากมายไม่จำเป็นว่าต้องเป็น “Zero-Sum Game” ทุกคนเป็นผู้ชนะในมุมของตัวเองได้เสมอ!

เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ หวังว่าคุณจะมีแผนการดีๆ ในใจแล้ว

Tags::