หนึ่งในปัญหาสุดคลาสสิกของชาวออฟฟิศแทบทุกคนคงหนีไม่พ้นการถืองานไว้ในมือมากเกินไป จนไม่มีเวลาสะสางงานทั้งหมดให้เสร็จทันเวลา ยิ่งเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงๆ อย่างเมเนเจอร์และหัวหน้าทีมที่ต้องดูแลลูกทีมด้วยแล้ว นอกจากที่ต้องทำงานในความรับผิดชอบของตัวเอง ก็ยังต้องคอยดูแลภาพรวมการทำงานในทีม รวมถึงต้องคอยเช็กงานที่ลูกทีมแต่ละคนทำด้วย ว่ามีอะไรผิดพลาดหรือมีสิ่งที่ต้องแก้ไขหรือเปล่า
ทำให้หัวหน้าทีมหลายๆ คน ต้องพบกับสภาวะที่งานกองโตตั้งอยู่ตรงหน้า แต่ไม่รู้จะเลือกทำอะไรก่อนดี จนกลายเป็นกองงานอันยุ่งเหยิงที่เห็นแล้วไม่อยากทำเลยสักนิด (แต่ไม่ทำก็ไม่ได้) และวิธีที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ เพื่อจัดการกับงานกองโตอันยุ่งเหยิง ก็คือการอดตาหลับขับตานอน อดทนทำงานให้เสร็จไปเลยทีเดียว แล้วหวังให้ทุกอย่างมันจบๆ ไป
แต่เชื่อหรือไม่ว่า การฝืนทำงานให้เสร็จไปเลยในครั้งเดียวโดยไม่พัก ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานแย่กว่าการทำงานเป็นสล็อตเวลา และมีเวลาพักที่ชัดเจนเสียอีก
ข้อมูลจาก The Wellbeing Thesis เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยดาร์บี (University of Derby) ประเทศอังกฤษที่สร้างสรรค์คอนเทนต์จากวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับสุขภาวะทางใจ ระบุว่า การพักผ่อนเป็นช่วงสั้นๆ ระหว่างการทำงาน ช่วยให้ความเครียดที่เกิดจากการทำงานลดลง เพิ่มความโปรดักทีฟและคุณภาพของงาน เพราะสมองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังทำให้ไม่รู้สึกว่า เหนื่อยหรือล้าจากการทำงานมากเกินไป ป้องกันการเกิดภาวะหมดไฟ (Burnout) ได้เป็นอย่างดี
เมื่อการทำงานเป็นสล็อตเวลา ได้รับการพิสูจน์จากงานวิจัยต่างๆ มากมายว่า ช่วยให้การจัดการงานอันยุ่งเหยิงมีประสิทธิภาพมากขึ้นจริงๆ วันนี้ เราจึงนำหนึ่งในเทคนิคการทำงานเป็นสล็อตเวลาที่ได้รับการยอมรับ และใช้อย่างแพร่หลายในต่างประเทศมาฝากกัน เป็นเทคนิคที่มีชื่อเรียกน่ารักๆ ว่า ‘Pomodoro’ นั่นเอง
Pomodoro เป็นเทคนิคการแบ่งเวลาที่คิดค้นโดย ‘ฟรานเชสโก ซิริลโล’ (Francesco Cirillo) ที่ในตอนนั้น เขาเป็นเพียงนักศึกษาที่ประสบปัญหากับการแบ่งเวลาของตัวเอง จริงๆ แล้ว คำว่า Pomodoro เป็นคำในภาษาอิตาลีที่มีความหมายว่า ‘มะเขือเทศ’ ซึ่งนาฬิกาที่เขาใช้จับเวลามีลักษณะเหมือนกับลูกมะเขือเทศ ทำให้เขาตัดสินใจตั้งชื่อเทคนิคนี้ว่า Pomodoro
เทคนิค Pomodoro เป็นการแบ่งสล็อตเวลาในการทำงาน 25 นาที สลับกับพักสั้นๆ 5 นาที เน้นทำไปเรื่อยๆ แบบวนลูป โดยขั้นตอนในการแบ่งเวลาตามเทคนิค Pomodoro สามารถทำได้ดังนี้
การใช้เทคนิค Pomodoro ทำให้หัวหน้าทีมสามารถ จัดสรรงานทุกอย่างที่เข้ามาได้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น เพราะมีการแบ่งเวลาในการโฟกัสงานแต่ละประเภทอย่างชัดเจน เช่น 25 นาทีแรก โฟกัสที่งานด่วนก่อน 25 นาทีต่อมา โฟกัสที่การประสานงานกับฝ่ายอื่น เป็นต้น
ถึงแม้ว่า ในความเป็นจริง เราเองก็ไม่รู้ว่า งานด่วนจะเข้ามาเมื่อไร แต่อย่างน้อยหากเราสามารถจัดการงานที่ถืออยู่ในมือได้ก่อนแล้ว งานด่วนที่แทรกเข้ามา จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป และต่อให้งานที่เข้ามา จะมีเยอะกว่าเดิม เราก็สามารถรับมือกับมันได้ดียิ่งขึ้น จนไม่รู้สึกซัฟเฟอร์กับการทำงาน
ด้วยความที่เทคนิค Pomodoro มีการสร้างกรอบเวลาในการทำงานที่ชัดเจน ทำให้เราโฟกัสกับการทำงานได้ดีขึ้น และมีแรงจูงใจในการทำงานให้เสร็จโดยเร็ว จากที่แต่เดิม เรารู้อยู่แล้วว่า มีงานอะไรที่ต้องทำให้เสร็จบ้าง แต่พอไม่มีการแบ่งเป็นสล็อตเวลาการทำงานที่ชัดเจน เราก็จะทำงานแบบไปเรื่อยๆ เสร็จเมื่อไรเมื่อนั้น พอมีงานด่วนแทรกเข้ามา กลายเป็นจัดสรรเวลาในการทำงานไม่ได้ จนไม่มีงานชิ้นไหนที่ทำเสร็จเลย
เมื่อหัวหน้าทีมใช้เทคนิค Pomodoro ในการจัดการงานของตัวเองจนสำเร็จ ก็สามารถนำเทคนิคนี้ มาแชร์ให้กับลูกทีมได้ เพื่อช่วยพัฒนาให้ลูกทีมมีวินัยในการทำงานมากขึ้น และยังเป็นวิธีที่ช่วยให้หัวหน้าทีมไม่ต้องเหนื่อยกับงานในส่วนของลูกทีมเพิ่มขึ้นด้วย เพราะเมื่อลูกทีมทำงานอย่างมีคุณภาพตั้งแรก หัวหน้าทีมก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจนาน
เทคนิค Pomodoro ถือเป็นหนึ่งในเทคนิคที่มีการออกแบบให้เข้ากับกลไกการทำงานของร่างกายมนุษย์มากที่สุด ทำให้ความโปรดักทีฟที่เกิดขึ้นมาจากความพร้อมของร่างกายจริงๆ เมื่อร่างกายของเราอยู่ในสภาวะที่พร้อมทำงาน การทำงานก็ย่อมมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย
อีกทั้งเทคนิค Pomodoro ยังทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมมากกว่าทำงาน เพราะการทำงานภายใต้ความกดดันจากเวลา ก็เหมือนกับการทำภารกิจในเกมที่มีเวลากำหนด พอเราทำภารกิจสำเร็จ จะได้ของรางวัลตอบแทน เหมือนกับเทคนิค Pomodoro ที่พอเราทำงานเสร็จ ก็จะมีเวลาพักเป็นของรางวัล ซึ่งช่วยให้เรามีความสุขกับการทำงานมากขึ้นด้วย
หวังว่า เทคนิค Pomodoro ที่นำมาฝากกันในวันนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับหัวหน้าทีมที่ต้องการพัฒนาการทำงานภายในทีม และคนที่ถืองานเยอะๆ ในมือ แล้วไม่รู้จะจัดลำดับความสำคัญอย่างไร ถึงแม้ว่า ในช่วงแรก การทำงานแบบที่มีกรอบเวลามากำหนดไว้ด้วย จะทำให้รู้สึกกดดันมากขึ้น แต่เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง เราก็จะเกิดความเคยชิน จนกลายเป็นสไตล์การทำงานที่ติดตัวเราไปอย่างแน่นอน
Sources: https://bit.ly/3npRcER
https://bit.ly/3u6JFym
https://bit.ly/39YcYfK