LOADING

Type to search

จะเป็น ‘New S-Curve’ ได้ต้องใช้ ‘MarTech’ เข้าช่วย : เพราะอะไรธุรกิจจึงเติบโตก้าวกระโดดได้ด้วยเครื่องมือ Marketing Technology

จะเป็น ‘New S-Curve’ ได้ต้องใช้ ‘MarTech’ เข้าช่วย : เพราะอะไรธุรกิจจึงเติบโตก้าวกระโดดได้ด้วยเครื่องมือ Marketing Technology
Share

บรรยากาศทางสังคมในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความผันผวนอย่างหนัก จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด นอกจากผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาพใหญ่แล้ว ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นยังทำให้ภาคธุรกิจและผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็กต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ยากจะคาดการณ์เหมือนในอดีตที่ผ่านมาได้ ทว่า ในสภาวะที่ความไม่แน่นอนสูงเช่นนี้แต่ก็ยังมีธุรกิจที่สามารถสเกลอัป เติบโตสวนกระแส และเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้

‘New S-Curve’ กลายเป็นบิซิเนส โมเดล แบบใหม่ที่คนทำธุรกิจให้ความสนใจและต้องการผลักดันองค์กรหรือธุรกิจของตนเองสู่ ‘New S-Curve’ เจ้าใหม่ของตลาด S-Curve โดดเด่นด้านความเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการสเกลอัปธุรกิจ ด้วยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่การเข้ามาดิสรัปต์โดยดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ จนกระทั่งวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ก็ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวอย่างหนัก ที่สำคัญ การลดความเสี่ยงใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการหยิบจับโปรดักต์ใหม่ๆ ก็เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน ‘faild fast faild cheap’ คือสิ่งที่คนทำธุรกิจปักธงไว้ แต่จะทำอย่างไรให้ลุกเร็วและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงได้

วันนี้ Future Trends จะมาแนะนำสกิลที่จะช่วยปลดล็อก-วิเคราะห์ข้อมูลตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค และแนวโน้มต่างๆ ให้แม่นยำมากขึ้น ด้วยศาสตร์แห่ง ‘MarTech’ หรือ Marketing Technology จากคอร์สเรียน ‘Chief Marketing Technologist’

MarTech สำคัญกับธุรกิจยังไง ช่วยปั้น ‘S-Curve’ ได้จริงไหม?

หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือรู้จักมักคุ้นกับ MarTech กันมาบ้างแล้ว เพราะองค์ความรู้ดังกล่าวไม่ได้เพิ่งถูกพูดถึงภายใน 1-2 ปีมานี้เท่านั้น แต่ยังถูกพัฒนาและตกผลึกมาสักระยะหนึ่งจนทำให้ภาคธุรกิจทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่หันมาให้ความสนใจ เพราะมองว่า MarTech นี่แหละที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มศักยภาพการแข่งขัน วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดได้เป็นอย่างดี

MarTech เป็นทักษะที่ใช้ในการวางแผนเพื่อดำเนินการและวัดผลทางการตลาด ช่วยปรับปรุงขั้นตอนการทำงาน วิเคราะห์ข้อมูล และมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่ง MarTech โดดเด่นในเรื่องความเร็ว เป็นเหมือนกุญแจที่จะพาธุรกิจหลุดจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ สู่การทำงานในยุคดิจิทัลให้มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และยังสามารถวางแผนระยะยาวได้อีกด้วย 

หากศึกษาศาสตร์ของ MarTech ลงลึกไปอีกก็จะพบว่า อันที่จริงแล้ว เครื่องมือ MarTech นั้นมีเป็นร้อยๆ อย่าง pain point สำคัญก็คือผู้ใช้งานไม่รู้จะหยิบจับเลือกใช้งานอย่างไร ต้องวางกลยุทธ์แบบไหนเพื่อจะได้มองเห็นภาพรวมของทีมและแผนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมาย โดยใช้ MarTech เป็นตัวช่วยให้ทีมและธุรกิจแข็งแกร่งมากขึ้น

หลังจากนี้ เราจะพาทุกคนไปเจาะลึกคอร์สเรียนกันต่อว่า ในวันที่ MarTech มีบทบาทสำคัญกับคนทำธุรกิจมากขนาดนี้ คอร์สเรียน ‘Chief Marketing Technologist’ มีรายละเอียดแบบไหน และจะช่วยต่อเติมศักยภาพให้กับผู้เรียนได้อย่างไรบ้าง

ทำความรู้จัก ‘Chief Marketing Technologist’ จาก Future Class

เล่าให้ฟังคร่าวๆ ก่อนว่า จุดเริ่มต้นของหลักสูตรนี้เกิดจากจิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ Program Director คอร์สเรียน CMT ก่อตั้งกลุ่ม Marketing Tech Thailand ขึ้นในเฟซบุ๊ก ซึ่งผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ก็จะมีตั้งแต่ผู้บริหาร คนทำงานเอเจนซี รวมถึงผู้ประกอบการสตาร์ตอัป และเอสเอ็มอี 

จากนั้น เขาได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับสมาชิกในกลุ่มและพบปัญหาสำคัญหลายอย่าง เช่น หลายคนไม่รู้ว่าเครื่องมือ MarTech ที่มีอยู่จะต้องหยิบจับมาใช้งานยังไง การทำแคมเปญการตลาดของเอเจนซีที่ต้องมีการวัดผลด้วย Data-Driven มากขึ้นจะนำศาสตร์ MarTech มาเปฌนตัวช่วยในแง่ปฏิบัติการได้ยังไงบ้าง ไปจนถึงผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องเริ่มศึกษาศาสตร์ของ MarTech เพื่อลดขั้นตอนการทำงานลงจะต้องเริ่มต้นจากตรงไหน หรือกระทั่งองค์กรขนาดใหญ่ที่เริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด

ด้วย pain point ทั้งหมดที่ได้มานี้ จึงนำมาสู่การพัฒนาปรับปรุงจาก ‘problem’ สู่ ‘solution’ เกิดเป็นหลักสูตร Chief Marketing Technologist ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้าน MarTech สามท่าน ได้แก่ บอล-จิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ เจ้าของหนังสือ Marketing Technology Trend 2021 ร่วมด้วยที่ปรึกษาหลักสูตรอย่างดร.ศักดิ์ เสกขุนทด – Advisor (Digital Transformation), ETDA และตูน สุธีรพันธุ์ สักรวัตร – EVP Head of Marketing, SCBX 

 ไฮไลต์ที่น่าสนใจของคอร์สนี้ยังประกอบไปด้วย 20 สปีกเกอร์ ซึ่งต้องเน้นย้ำว่าคอร์ส CMT ให้ความสำคัญกับการถอดบทเรียนและประสบการณ์เป็นหลัก เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ โดยสปีกเกอร์ที่จะผลัดเปลี่ยนมาแชร์ประสบการณ์ก็มีทั้งสาโรจน์ อธิวิทวัส Founder & CEO at Wisible, ฐากร ปิยะพันธ์ Ex-CEO Thai Group Holdings, เอกลักษณ์ ยิ้มวิไล Founder, OCEAN SKY NETWORK, CEO at Mandala Analytics, สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม Executive Director, rgb72 Company Limited เป็นต้น

สำหรับครั้งนี้ คอร์สเรียน Chief Marketing Technologist เดินทางมาถึงรุ่นที่ 2 กันแล้วด้วย ซึ่งไดเรกเตอร์ทั้งสามท่านก็ได้มีการปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรเพิ่มเติมจากครั้งที่ 1 ให้มีความเข้มข้น ตอบโจทย์ผู้เรียนมากขึ้น โดยเน้นให้มีการเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์จริง ได้เห็น case study ที่หลากหลายเพื่อทำความเข้าใจ และเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับผู้เรียน ซึ่งภายในชั่วโมงเรียนยังมีโชว์เคสเครื่องมือ MarTech ระดับโลก โดยเป็นการเชิญบริษัทเทคฯ ระดับโลกมาเดโม่เครื่องมือที่ใช้งานจริงให้ได้เห็นกันในคลาสเลยด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของ Program Curriculum จะแบ่งออกเป็น 4 หมวด 12 Module ปูพื้นฐานกันตั้งแต่

MarTech Foundation, Advance Technology  for Marketing, Technology Implementation Strategy และ Web 3.0 & Metaverses for Marketing โดยในส่วนสุดท้ายจะมีทั้งตัว Blockchain, NFT และ Metaverse Marketing เข้ามาเสริมทัพด้วย เห็นโปรแกรมดูอัดแน่นขนาดนี้หลายคนที่ไม่เคยมีพื้นฐานด้าน MarTech มาก่อนอาจจะกังวลว่า จะสามารถเรียนคอร์สนี้ได้ไหม ต้องปูพื้นฐานมาก่อนรึเปล่า ต้องบอกว่าคอร์ส CMT ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน MarTech หรือมีทักษะด้านนี้มาก่อนก็ได้ เพราะเน้นการลงมือทำ ปฏิบัติจริง เรียนรู้จากประสบการณ์เป็นหลัก ฉะนั้น สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานก็ไม่ต้องกังวลกันไป

ทำไมต้อง ‘Chief Marketing Technologist’

อย่างที่กล่าวไปตอนต้นแล้วว่า องค์ความรู้ด้าน MarTech มีเครื่องมือหลายร้อยชนิด หากลงมือศึกษาเองก็อาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่คอร์สเรียน CMT นั้นเหมือนเป็นการย่อยข้อมูลมาให้ผู้เรียนด้วยแล้วบางส่วน ที่สำคัญ มีผู้เชี่ยวชาญด้าน MarTech ร่วมออกแบบและชี้ให้เห็นถึงจุดแข็งและข้อได้เปรียบต่างๆ เพื่อให้นำสกิลที่ได้ไปปรับใช้กับธุรกิจได้อย่างเหมาะสม

ถึงตอนนี้ CMT เดินทางมาถึงครั้งที่ 2 กันแล้ว โดยก่อนหน้านี้ ผู้เรียนรุ่นแรกให้ความเห็นไว้หลากหลายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณข้อมูลศาสตร์ของ MarTech ที่ค่อนข้างเยอะ หากใช้เวลาเรียนรู้เองอาจจะต้อง ‘take time’ ค่อนข้างมาก แต่ในคอร์สนี้ได้ย่อยและสรุปสิ่งที่เป็นไฮไลต์มาให้แล้ว โดยใช้เวลาเรียนเพียง 13 ครั้ง นอกจากนี้ คอร์สเรียนที่เจาะลึกด้าน MarTech อย่างเข้มข้นจริงๆ ในเมืองไทยก็ยังมีค่อนข้างน้อย ในขณะที่ตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจะมีเครื่องไหนที่เข้ามาช่วยให้ธุรกิจ ‘move faster’ ได้บ้าง Chief Marketing Technologist จึงเป็นหนึ่งไฮไลต์คอร์สเรียนที่คนทำงานด้านการตลาดไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หากใครสนใจและอยากเข้าไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://bit.ly/3BI6tXZ โดยเปิดรับสมัครผู้เรียนรุ่นที่ 2 แล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 29 มีนาคม 2565 สำหรับแฟนเพจ Future Trend ในราคา130,000 บาท (จากราคาปกติ 150,000 บาท) เรียนทั้งหมด 13 สัปดาห์ ทุกวันเสาร์ 13.00 – 17.00 น.ตั้งแต่ 7 พฤษภาคม – 30 กรกฎาคม 2022  ลงทะเบียนเรียนได้ที่ https://bit.ly/3BRMeHq 

Tags::

You Might also Like