LOADING

Type to search

AI-Deate แพลตฟอร์ม Generative AI ฝีมือคนไทย เปิดใช้ฟรี เพราะไม่อยากให้มี ‘คนตายหน้าคอมฯ’

AI-Deate แพลตฟอร์ม Generative AI ฝีมือคนไทย เปิดใช้ฟรี เพราะไม่อยากให้มี ‘คนตายหน้าคอมฯ’
Share

“ผมเกลียด Hustle Culture (วัฒนธรรมความเร่งรีบ) มาก ผมไม่อยากให้ใครตายในธุรกิจนี้ ดังนั้น สิ่งที่ผมทำ ผมจะให้ทุกคนใช้ฟรี”

‘โอห์ม’ ดิศรา อุดมเดช ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Yell Advertising บริษัทเอเจนซีโฆษณาชื่อดัง ประกาศเจตนารมย์ชัดเจนถึงที่มาของ AI-Deate (เอไอดีเอท) แพลตฟอร์ม Generative AI ของคนไทย ที่สามารถเปลี่ยนข้อความเป็นรูปภาพคล้าย Midjourney และค่าย OpenAI ของอเมริกา 

ความพิเศษของ AI-Deate ที่แตกต่างจาก Midjourney คือ การใช้งานที่ง่าย และสะดวกสบายกว่า เนื่องจากขั้นตอนทุกอย่างถูกนำมารวมไว้บน Dashboard เดียว

นอกจากนี้ยังออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้คนวงการโฆษณาในการทำ prototype (แบบจำลอง) เพื่อนำไปเสนอลูกค้า ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญ แต่สิ้นเปลืองทั้งเวลาและพลังงานมากเกินไป

จาก Mad Men สู่ยุค AI

“Mad Men (ซีรีส์) พูดถึงคนโฆษณาในยุค ’60s – ‘70s ใช่ป่ะ จนถึงตอนนี้ยุค 2000s คนก็ยังไม่เปลี่ยน” โอห์มให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Future Trends อธิบายลักษณะการทำงานของคนในวงการโฆษณาโดยเปรียบเทียบให้เห็นภาพจากละครซีรีส์ย้อนยุคเรื่องดังของคนวงการโฆษณาในนิวยอร์ก

“ธุรกิจโฆษณาเป็นอุตสาหกรรมที่มีมาเป็นร้อยปี แต่ก็ยังใช้ ‘ดาบ’ นี้ ไม่เคยมีการเปลี่ยนมาใช้ ‘ปืน’ เลย” เขาเปรียบเปรยถึงเครื่องมือในการทำงานที่ขาดการพัฒนา

“สิ่งที่ผมต้องการทำให้เกิดขึ้น อย่างแรกเลยมันเกิดจากพวก ‘Hustle Culture’ อุตสาหกรรมโฆษณาการสร้างคอนเทนต์ มีคนตายกันเยอะที่สุด ตายหน้าคอมฯ นะครับ

“บางทีเราไม่ได้บังคับเขานะครับ เขาตั้งใจ เขาอยากทำเอง มันเลยทำให้เกิดสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่ดี”

“ทีนี้การเข้ามาของ Generative AI มันช่วยอะไรเราบ้าง คิดดูว่าถ้าเราจะหัดให้ครีเอทีฟคนหนึ่ง ซึ่งทั้งชีวิตเขาใช้ (โปรแกรม) Adobe มาตลอด ต้องมาเข้าใจเรื่องการทำ prompt, ใช้ prompt generator ให้เป็น, ใช้ Discord ให้เป็น แล้วต้องมา readjust (ปรับใหม่อีกครั้ง) ใน Midjourney โพรเซสมันไม่ได้ง่ายขึ้น

“แต่เราแก้แค่จุดเล็กๆ จุดเดียวครับ โดยใช้โมเดลของ stable diffusion (AI แปลงข้อความเป็นรูปภาพ) ก็คือพื้นฐานของ Midjourney และเราสร้างเหมือน Midjourney ของเราเองขึ้นมาให้อยู่บน single Dashboard อันนี้คือข้อที่หนึ่ง

“ข้อที่สอง สิ่งที่แตกต่างก็คือ Midjourney มันกว้างเกิน สมมติเราทำแบรนด์นั้น แบรนด์นี้ แต่จริงๆ ในมิติการทำแบรนด์ให้คอร์ปอเรต ต้องทำให้มันตรงกับ brand identity ของเขา

“สิ่งนั้นเราเอามาเทรนด้วยในโมเดลแพลตฟอร์มของเรา เพราะฉะนั้น ครีเอทีฟมีหน้าที่แค่ใช้รสนิยมของเขา, ใช้ wisdom (สติปัญญา) ของเขาตัดสินว่างานนี้ดีหรือไม่ดี แล้วเขาจะได้ prototype จาก 48 ชั่วโมง ได้แค่ 3 – 5 prototype ก็คือพวก artwork เอาไว้ส่งให้ลูกค้าดู อันนี้แค่ 4 ชั่วโมง ใช้คนแค่คนเดียว”

แพลตฟอร์ม AI ฝีมือคนไทย

โอห์ม อธิบายให้เห็นภาพความอัจฉริยะของ AI-Deate แพลตฟอร์มจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ฝีมือคนไทย โดยผู้อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมชิ้นนี้ คือ ทีมงานของ kohlife.com ผู้ให้บริการจองการเดินทางตามเกาะต่างๆ ของไทย ซึ่งเป็นธุรกิจที่ Yell Advertising ดึงมาร่วมงานกันได้ประมาณ 2 ปีแล้ว

ผู้บริหารหนุ่มจาก Yell Advertising ประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์ม AI-Deate ต่อสาธารณชนครั้งแรกในงาน ‘Marketing Technology & Innovation Expo 2023 Presented by SC ASSET’ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 พร้อมย้ำกับทาง Future Trends ว่า เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้คนในวงการโฆษณา และไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ใครตกงาน

“ต้องบอกว่าตัว prototype ไม่ใช่ artwork จริงที่ publish (เผยแพร่) ออกไปนะครับ มันคือ artwork ที่ใช้ขายงานลูกค้า สุดท้ายเรายังต้องมา reproduction อีก เพราะว่าทุกแบรนด์ต้องการเป็นเจ้าของ เราอาจจะต้องไปถ่ายทำโปรดักชั่นมา หรือเขียน CG ขึ้นมาใหม่ หรืออาจจะซื้อ stock photo เข้ามา retouch เพื่อให้ได้ตามไอเดียที่เราขายลูกค้า

“แต่เวลาของการทำตรงนี้ในอุตสาหกรรมโฆษณามัน bottle neck (เป็นคอขวด) ถ้าเกิดว่าดู Mad Men จะเห็นว่า มันเตรียมตัวก่อนไปพรีเซนต์งานกันโคตรนาน แต่ของเราย่อมันลงไปจาก 48 ชั่วโมง เหลือแค่ 4 ชั่วโมง

“คิดซะว่ามันคือ Photoshop ยุคใหม่ครับ แต่ว่าเราไม่ต้องมานั่งคัดภาพ ประกอบภาพเอง ใส่คำสั่งเข้าไปปุ๊ป มันจะออกมาเอง”

ช่วยลดการทำงานหนักโดยไม่จำเป็น

ผู้บริหารจาก Yell Advertising กล่าวว่า นอกจาก AI-Deate จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการนำเสนอไอเดียได้ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์แล้ว สิ่งที่เขาเน้นย้ำและให้ความสำคัญมากที่สุด คือ การลดปริมาณการทำงานหนักโดยไม่จำเป็น ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่อยู่คู่อุตสาหกรรมโฆษณามาช้านาน

“ผมเกลียด Hustle Culture มาก ผมไม่อยากให้ใครตายในธุรกิจนี้ ดังนั้น สิ่งที่ผมทำนะ ผมจะให้ทุกคนใช้ฟรี ตอนนี้ผมทดลองภายในบริษัทอยู่ ช่วง Q3 (ไตรมาส 3 ปี 2023) ผมจะเปิดให้เป็น professional use ใช้ฟรีเลย ก็คือ เอเจนซีไหน หรือคนที่ทำคอนเทนต์ หรือแบรนด์เองที่อยากลองใช้สิ่งนี้ ผมเปิดให้ใช้ฟรีเลย

“ครีเอทีฟจะได้ทำงานครีเอทีฟจริงๆ ไม่ต้องมานั่ง craft (ปั้นงานขึ้นมาด้วยมือ) ประเด็นของผมอยู่ที่ตรงนี้”

โอห์ม บอกกับ Future Trends ด้วยสีหน้าแววตาจริงจัง พร้อมเปิดเผยโปรเจคต์ต่อไปว่า เขาอยากพัฒนา AI ให้สามารถเปลี่ยนข้อความเป็นภาพเคลื่อนไหว เพื่อทำให้ storyboard มีความแปลกใหม่ และช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงไอเดียของครีเอทีฟได้ง่ายขึ้น

“ในเฟสต่อไป ผมกำลังจะพัฒนาเป็น text-to-motion storyboard ขาย storyboard ลูกค้าไม่ได้ง่ายนะ มันต้องใช้ศิลปะในการเล่า แต่ถ้าเกิดเราสามารถทำให้เป็น motion เป็น text-to-motion storyboard เลยนี่ มันสุดยอดเลย”

ผู้ก่อตั้ง Yell Advertising มองถึงขั้นต่อไป ซึ่งบ่งบอกให้เห็นความตั้งใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมโฆษณาให้ก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นเครื่องมือนำทาง เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญ จะไม่ต้องมีใครมาสังเวยชีวิตให้กับการทำงานนี้ที่ตนเองรักอีกต่อไป

ผู้สนใจทดลองใช้งาน AI-Deate สามารถลงทะเบียนได้ที่: https://aideatelab.com/

หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถอ่าน White Paper ที่มาและการทำงานของ AI-Deate ได้ที่: https://github.com/YellGroup/AI-DEATE-LAB


เขียนโดย Phanuwat Auaudomchaisakun

Tags::