10 สัญญาณเตือน เมื่อ ‘Work ไร้ Balance’ หรือการขาดสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว
Work-life Balance หรือสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว เป็นสิ่งที่หลายๆ คนออกตามหา เพื่อให้ได้มาซึ่งความลงตัวในการจัดสรรเวลาหาความสุขให้กับชีวิต แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสมหวังดั่งที่ใจปรารถนา
ยิ่งในประเทศไทยที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจและมีการแข่งขันที่สูงอยู่เสมอยิ่งแล้วไปกันใหญ่ รู้ไหมว่ากรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 ใน 5 เมืองที่มีปัญหาเรื่อง Work-Life Balance มากที่สุดในปี 2022 เลยนะ โดยวัดจาก Work-Life Balance Index ที่จัดทำขึ้นโดย Kisi บริษัทเทคโนโลยีให้คำปรึกษาด้านการทำงานที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับสมดุลชีวิต
แน่นอนว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะการที่เราขาดสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว จะทำให้เกิดผลเสียตามมาไม่ใช่น้อยเลยล่ะ เพราะคำว่า Work-Life Balance ไม่ได้เกี่ยวข้องแค่กับเวลาอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับด้านอื่นๆ อีก เช่น สุขภาพกาย สุขภาพจิต เป็นต้น
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าตัวเองกำลังประสบปัญหา Work-life (ไม่) Balance อยู่หรือเปล่า? วันนี้ Future Trends มีตัวอย่างสัญญาณเตือนจากร่างกายและจิตใจที่บ่งบอกว่าเรากำลังเจอกับปัญหาเข้าแล้ว จะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
1. เหนื่อยตลอดเวลา
ไฟแรงไม่ผิด แต่การทำงานที่มากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหวนั้นไม่ดีแน่ หากรู้สึกว่าตัวเองมีความรู้สึกเหนื่อยเกิดขึ้นตลอด ไม่ว่าจะเป็นในเวลา หรือเวลาส่วนตัว แสดงว่าเราอาจจะมีปัญหาในการบาลานซ์เวลาแล้วล่ะ
2. เครียดอยู่บ่อยๆ
ความเหนื่อยไม่ได้มีเพียงทางกาย แต่มีทางใจด้วย ซึ่งการเหนื่อยล้าทางใจสะสมนั้นสามารถนำเราไปสู่ภาวะ ‘เครียด’ ได้ ความเครียดเล็กๆ อาจเป็นแรงกระตุ้นในการทำงานให้หลายๆ คนได้ แต่ถ้าเครียดมากเกินไปก็ไม่ดีหรอก
3. สุขภาพย่ำแย่
กลับมาที่ความเหนื่อยทางกาย แน่นอนว่ามันส่งผลต่อสุขภาพด้วย โดยอาจจะเริ่มจากการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ อย่างการการมีผื่นคันขึ้นตามร่างกาย หรือมีอาการปวดหัวในบางจังหวะ อาการเหล่านี้สามารถรักษาด้วยตัวเองได้ไม่ยาก แล้วถ้าเราเป็นมากกว่านี้ล่ะ? น่าคิดใช่มั้ย
4. กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับครอบครัวและเพื่อน
เมื่อเราไม่สามารถรักษาสมดุลเวลาเอาไว้ได้ ปัญหาเรื่องความห่างเหินในความสัมพันธ์กับคนรอบข้างจะเกิดขึ้น เราจะเริ่มห่างหายไปจากคนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการไปตามนัดในวันเกิดเพื่อนไม่ได้ หรือการทำงานจนไม่สามารถไปงานวันเด็กของลูกน้อยได้ก็ตาม
5. คิดถึงงานเสมอ
รักงานชิ้นนี้ 24 ชั่วโมง เช้าสายบ่ายเย็นก็ยัง I love งาน! หากชีวิตเริ่มมีแต่งาน งาน งาน ไปเที่ยวก็ยังนึกถึงงาน ก่อนจะนอนก็ยังนึกถึงงาน ไม่สามารถสลัดความคิดเกี่ยวกับ ‘งาน’ ออกไปจากความคิดได้ นั่นแหละ ปัญหาได้เกิดขึ้นแล้ว
6. ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
การพักผ่อนที่น้อยลง ความเครียดที่เพิ่มขึ้น ทำให้เราผลิตผลงานที่แย่ออกมา แม้จะทำงานหนักอยู่เสมอจนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อน แต่ประสิทธิภาพของงานก็ไม่ได้ดีขึ้น แถมลดเอาๆ จนสามารถสังเกตได้อย่างชัดเจน
7. เป็นคนแรกและคนสุดท้าย
ค่านิยมอย่างหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักคิดว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ดีในที่ทำงานคือการมาแต่เช้าเพื่อเป็นคนแรก และกลับบ้านเป็นคนสุดท้าย เพื่อแสดงให้ผู้อื่นเห็นถึงสปิริตในการทำงานของเรา ทั้งยังดีอีกด้วยที่เราได้มีเวลาในการทำงานเพิ่ม แต่อะไรที่มากไปก็ไม่ดีหรอกนะ
8. ไม่รู้จักวันเสาร์-อาทิตย์
ในเย็นวันศุกร์ที่หลายๆ คนพร้อมโยนงานตรงหน้าทิ้งไป แต่เราจะเอามันกลับมาทำต่อที่บ้าน
ทำงาน ทำงาน ทำงาน จะวันไหนๆ ก็ยังทำงานจนไม่มีวันที่จะหยุดให้สมองได้พักผ่อน คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากมายว่าเรานั้นทำงาน ‘เยอะ’ เกินไปแล้ว
9. ไม่มีเวลาว่างให้กับงานอดิเรก
หากเราเป็นคนที่เวลาว่างชอบไปเที่ยวคาเฟ่ ดูเน็ตฟลิกซ์ อ่านการ์ตูน หรือไถเฟซบุ๊กไปเรื่อยๆ อยู่ตลอด แต่แล้ววันหนึ่ง เราแทบไม่เหลือเวลาในการทำกิจกรรมเหล่านั้นให้เหมือนเดิม เพราะต้องเอาเวลา ‘ว่าง’ ไปทำงาน สัญญาณเล็กๆ นี้ก็บอกถึงปัญหาที่กำลังจะเกิดได้
10. ไม่มีความสุข
‘I’m unhappy’ เป็นคำตอบที่ชัดเจนของการใช้ชีวิตแบบ Work ไร้ Balance เพราะเมื่อขาดความสมดุล ความกะตือรือร้นในการทำงานก็จะให้ลดลง ทำให้ไม่มีแรงใจ และการทำงานให้สำเร็จลุล่วงก็คงเป็นเรื่องที่ยากไม่ใช่น้อย .
แน่นอนว่าปัญหา Work-life ที่ไม่ Balance นั้นสามารถเกิดได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และทุกสายงาน ไม่มีใครที่เหนื่อยมากกว่าหรือเหนื่อยน้อยกว่า เพราะแต่ละคนมีปัจจัยและวิธีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตาม ถ้าเรารู้ตัวว่ากำลังประสบปัญหาข้อใดข้อหนึ่งจาก 10 ข้อด้านบนแล้วล่ะก็ ลองพยายามปรับพฤติกรรมเพื่อทำให้ Work-life กลับมา Balance อีกครั้งหนึ่ง Future Trends เป็นกำลังใจให้นะ!
เขียนโดย ชนัญชิดา พลอยพลาย
Source:
https://hackspirit.com/signs-your-work-life-balance-is-way-out-of-sync/