McKinsey แนะนำเทรนด์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเหตุผลที่ว่า ทำไม ‘CEO’ ยุคนี้ควรจะมีความคิดแบบนักกีฬา?
ลองจินตนาการว่าคุณคือหัวหน้าทีมที่ต้องเผชิญหน้ากับการแข่งขันระดับโลกทุกวัน ไม่มีวันหยุดแม้แต่วันเดียว สำหรับคุณทุกการตัดสินใจที่คุณทำเปรียบเสมือนวินาทีที่ต้องยิงลูกโทษในรอบชิงชนะเลิศ ทุกความผิดพลาดอาจทำให้คุณเสียโอกาส และทุกความสำเร็จมาพร้อมกับแรงกดดันที่มากขึ้น
มันทำให้ CEO ยุคนี้แทบจะไม่ต่างอะไรกับนักกีฬามืออาชีพ ยกเว้นเพียงแค่สนามแข่งขันเท่านั้น ที่ CEO ต้องแข่งขันในตลาดธุรกิจ
คุณรู้ไหม? ว่า LeBron James ไม่ได้เล่นบาสเกตบอลเก่งเพราะพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่เพราะเขาจัดการเวลาและพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทางด้าน Simone Biles เธอก็ไม่ได้คว้าเหรียญทองมาได้เพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะเธอฟื้นตัวจากความล้มเหลวได้เร็ว หรือแม้แต่ทีม F1 อย่าง Mercedes ไม่ได้ครองแชมป์เพราะมีนักแข่งที่เร็วที่สุด แต่เพราะพวกเขาใช้ Data และ AI วิเคราะห์ทุกจุดของเกม
วันนี้ Future Trends จะชวนคุณมาดูวิธีการแบบนักกีฬามืออาชีพจากการแนะนำของ McKinsey ที่ CEO จะต้องยึดเป็นแบบอย่างเพื่อชนะในโลกธุรกิจ
[ LeBron James และศาสตร์แห่งการใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่า ]
ลองจินตนาการว่าคุณต้องเล่นในลีกที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในโลกเป็นเวลา 21 ปี อย่างไม่มีทีท่าว่าได้พักในเร็ววันนี้ นั่นคือสิ่งที่ LeBron James ทำได้ใน NBA อะไรที่ทำให้เขายังคงเป็นผู้เล่นระดับท็อป แม้อายุจะเข้าใกล้ 40? คำตอบไม่ได้อยู่ที่พรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่มาจาก การบริหารเวลาและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกวินาทีในแต่ละวันของเขามีเป้าหมายที่ชัดเจน
6:30 น. – ตื่นนอน → อาบน้ำเย็น เพื่อปลุกระบบประสาท
7:00 น. – ฟื้นฟูร่างกายด้วยการยืดกล้ามเนื้อและวอร์มอัพเบาๆ
12:00 – 14:00 น. – นอนพักกลางวัน (เพราะการฟื้นตัวมีผลต่อสมรรถภาพสูงสุด)
15:30 น. – เตรียมตัวก่อนแข่ง → การนวด, การออกกำลังกายเบาๆ, โภชนาการ
19:00 น. – ลงแข่งขัน (เต็มที่ 100% ทุกเกม)
23:00 น. – เข้านอน 7-9 ชั่วโมง (ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีแสงรบกวน)
ทั้งหมดนี้เป็นการวางแผนล่วงหน้า เพื่อให้ LeBron อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด สำหรับช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขายอมลงทุน มากกว่า 1 ล้านเหรียญต่อปี ไปกับนักโภชนาการ โค้ชส่วนตัว และนักกายภาพบำบัด
LeBron ไม่ได้แค่ฝึกซ้อมหนัก แต่เขาบริหารเวลาของตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะเล่นได้ในระดับสูงสุดให้นานที่สุด
สิ่งที่ CEO สามารถเรียนรู้และเอาแบบอย่างจาก LeBron ได้ คือ ‘พลังแห่งการบริหารเวลา’ ซึ่งการบริหารเวลาของ CEO อาจจะไม่ได้เหมือนกับนักกีฬา 100% แต่ก็สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจได้
✅ วางแผนล่วงหน้าอย่างมีกลยุทธ์ CEO หลายคนวางแผน 12 เดือนล่วงหน้า โดยกำหนดช่วงเวลาสำคัญล่วงหน้า เช่น ไตรมาสไหนควรโฟกัสเรื่องอะไร? สัปดาห์ไหนควรใช้กับลูกค้า/นักลงทุน? วันไหนเป็น ‘Deep Work’ สำหรับการคิดกลยุทธ์?
✅ โฟกัสงานที่มีผลกระทบสูงสุดไม่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ให้เลือกทำในสิ่งที่ CEO เท่านั้นที่สามารถทำได้ งานที่ไม่จำเป็นต้องถึงมือก็ปล่อยให้ทีมจัดการ
✅ บริหารพลังงาน ไม่ใช่แค่เวลา CEO ระดับโลกไม่ใช่คนที่ทำงานหนักที่สุด แต่คือคนที่ทำงานในเวลาที่พวกเขามีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น บางคนตัดสินใจประชุมช่วงเช้า เพราะเป็นช่วงที่สมองสดชื่นที่สุด
✅ รู้จักการพักอย่างมีเป้าหมาย เช่นเดียวกับที่ LeBron มีช่วงพักกลางวัน เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว
CEO หลายคนใช้ Micro-Breaks เช่น การออกไปเดิน 10 นาทีทุกชั่วโมง เพื่อเพิ่ม Productivity
[ Eliud Kipchoge นักวิ่งมาราธอนที่เร็วที่สุดในโลก ไม่ใช่เพราะซ้อมหนักที่สุด แต่เพราะเขารู้จักจังหวะของตัวเอง ]
ถ้าคุณคิดว่า Eliud Kipchoge ซ้อมหนักทุกวันโดยไม่มีวันพัก คุณคิดผิด! แน่นอนว่าเขาต้องมีวินัยในการซ้อมอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ Kipchoge เป็น GOAT (Greatest of All Time) ของวงการไม่ใช่แค่การฝึกหนัก แต่คือศาสตร์แห่งการฟื้นตัว
Kipchoge ใช้หลักการที่เรียกว่า ‘Peaking & Tapering’ ซึ่งเป็นเทคนิคที่นักวิ่งระดับโลกใช้ในการเตรียมตัวก่อนการแข่งขัน
Peaking (การเร่งการฝึกซ้อม): เขาจะซ้อมหนักมากขึ้น 4-6 สัปดาห์ก่อนการแข่งขัน เพื่อกระตุ้นศักยภาพร่างกาย
Tapering (การลดความเข้มข้นของการฝึก): 2 สัปดาห์สุดท้ายก่อนแข่ง เขาจะค่อยๆ ลดการฝึกลง อย่างมีระบบ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวเต็มที่ ก่อนวันสำคัญ
แนวคิดนี้ตรงข้ามกับสิ่งที่คนทั่วไปคิด หลายคนเชื่อว่าการซ้อมหนักตลอดเวลาจะทำให้เราเก่งขึ้น แต่ Kipchoge รู้ว่า “การรู้ว่าเมื่อไหร่ควรพัก” สำคัญพอๆ กับการฝึกซ้อม นักกีฬาหลายคนล้มเหลวเพราะ Overtraining ดังนั้น ต้องรู้จักสมดุลระหว่างการผลักดันตัวเอง และการให้ร่างกายได้ฟื้นตัว
สิ่งที่ CEO สามารถเรียนรู้ได้จาก Kipchoge คือพลังแห่งการฟื้นฟูและการสร้างสมดุล CEO ในยุคปัจจุบันเผชิญกับแรงกดดันสูงกว่าที่เคยเป็นมา การแข่งขันทางธุรกิจรุนแรงขึ้นทุกวัน การทำงาน 24/7 ไม่ได้ทำให้คุณเป็นผู้นำที่ดีขึ้น แต่มันทำให้คุณ Burnout
✅ อย่าทำงานหนักตลอดเวลา แต่ให้รู้จักจังหวะ ‘เร่ง’ และ ‘พัก’ ใช้หลักการ Peaking ในช่วงสำคัญ เช่น ช่วงปิดดีลสำคัญ หรืองานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และใช้หลักการ Tapering ในช่วงที่ต้องถอยหลังเล็กน้อย เช่น หลังจากประชุมหนัก ขอเวลา 1 สัปดาห์ ให้มีเวลาพักคิดกลยุทธ์บ้าง
✅ พักอย่างมีกลยุทธ์ ไม่ใช่แค่หยุดงาน CEO หลายคน ออกกำลังกายเป็นกิจวัตร ไม่ใช่เพราะอยากดูดี แต่เพราะมันช่วยเคลียร์สมอง และเพิ่ม Productivity
✅ สร้างวัฒนธรรมการฟื้นตัวในองค์กร สนับสนุนพนักงานให้พักอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่แค่ทำงานหนัก
[ Bryson DeChambeau นักกอล์ฟที่เปลี่ยนเกมด้วยวิทยาศาสตร์ ]
ในโลกของกอล์ฟ Bryson DeChambeau คือนักกอล์ฟที่แตกต่างจากทุกคน แทนที่จะพึ่งพา พรสวรรค์ และประสบการณ์ เขาเลือกใช้ฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์ มาเปลี่ยนแปลงวิธีการเล่นของเขา
ย้อนกลับไปในปี 2019 เขาเป็นนักกอล์ฟฝีมือดี ติดอันดับ Top ของโลก แต่เขารู้ตัวว่าเขายังเก่งได้มากกว่านี้ ทำให้เขาเปลี่ยนทุกอย่าง ตั้งแต่ร่างกายไปจนถึงวงสวิง
เขาเพิ่มน้ำหนักตัวขึ้น 18 กิโลกรัม ภายในปีเดียว
เขาปรับองศาไม้กอล์ฟทั้งหมดให้เหมือนกันทุกไม้
เขาฝึกไดร์ฟด้วยพลังสูงสุด และเพิ่มระยะการตีขึ้นอีก 20 หลา
นำไปสู่ผลลัพธ์ → เขากลายเป็นนักกอล์ฟที่ตีไกลที่สุดใน PGA Tour → เขาคว้าแชมป์ US Open และเปลี่ยนแนวทางการเล่นกอล์ฟไปตลอดกาล → นักกอล์ฟคนอื่นเริ่มปรับตัวใช้วิทยาศาสตร์มากขึ้น เพราะ DeChambeau พิสูจน์ให้เห็นว่า “คนที่เรียนรู้และพัฒนาได้เร็วที่สุดคือผู้ชนะ”
นั่นคือแนวคิดที่ CEO สามารถนำไปใช้ได้ กับความพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกอย่างใหม่ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่คุณเชี่ยวชาญมากก็ตาม
✅ อย่าเป็น Know-it-all จงเป็น Learn-it-all ดังคำกล่าวของ Satya Nadella CEO ของ Microsoft ที่มักจะพูดเสมอว่า “The learn-it-all does better than the know-it-all”
✅ เรียนรู้จากคนที่แตกต่างจากคุณ CEO ที่ฉลาดไม่ได้เรียนรู้แค่จากผู้เชี่ยวชาญระดับสูง แต่ยังเรียนรู้จากพนักงานรุ่นใหม่ Reed Hastings อดีต CEO ของ Netflix เคยบอกว่า “การนั่งฟังพนักงาน Junior พูด อาจนำไปสู่ Insight ที่สำคัญกว่าการประชุมระดับผู้บริหารเสียอีก”
✅ เรียนรู้จากอุตสาหกรรมอื่น อย่าง DeChambeau ที่ใช้ศาสตร์ของวิทยาศาสตร์มาศึกษาการตีกอล์ฟ
[ Formula 1 กับการใช้เซ็นเซอร์มากกว่า 300 ตัวในรถแข่ง ]
คุณเคยสังเกตไหมว่าทีมแข่ง Formula 1 (F1) ใช้เซ็นเซอร์มากกว่า 300 ตัวในรถแข่งของพวกเขา?
แค่หนึ่งสนามแข่ง สามารถสร้างข้อมูลได้กว่าพันล้านจุด แต่พวกเขาไม่ได้เก็บข้อมูลเพื่อดูย้อนหลังเท่านั้น พวกเขาใช้ข้อมูล เพื่อปรับกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ ขณะการแข่งขัน
ทุกการตัดสินใจที่ถูกต้อง = โอกาสชนะเพิ่มขึ้น
ตัวอย่าง ทีม Mercedes AMG Petronas F1 กับกลยุทธ์ข้อมูลขั้นสูง ขณะที่ Lewis Hamilton กำลังขับด้วยความเร็ว 300 กม./ชม. ทีมวิศวกรสามารถ วิเคราะห์ข้อมูลยาง เชื้อเพลิง การสึกหรอของเบรก และสถานการณ์คู่แข่งแบบเรียลไทม์ ข้อมูลช่วยให้พวกเขาเลือกเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเปลี่ยนยาง เพราะเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว ก็สามารถสร้างมอบความพ่ายแพ้ หรือชัยชนะให้คุณได้เลย
ทีมแข่งที่ดีที่สุดไม่พึ่งพาโชค แต่พวกเขาใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์แบบเรียลไทม์
ซึ่ง CEO สามารถศึกษาแนวทางการใช้งาน Data & AI ในการทำธุรกิจได้ ถึงแม้ในอดีต CEO อาจต้องใช้สัญชาตญาณเป็นหลัก แต่ในโลกปัจจุบันข้อมูลเชิงลึกคือตัวตัดสินชัยชนะ
✅ ตัดสินใจโดยใช้ Data ไม่ใช่แค่ Gut Feeling CEO ที่ดีที่สุด ไม่ใช่คนที่ ‘คิดว่ารู้’ แต่เป็นคนที่ ‘รู้จากข้อมูล’
✅ ใช้ข้อมูลเพื่อปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
✅ ทำให้ Data เป็นวัฒนธรรมองค์กร
[ Simone Biles จากจุดต่ำสุด สู่การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ]
โตเกียวโอลิมปิก 2021 Simone Biles นักกายกรรมที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ถูกคาดหวังว่าจะกวาดเหรียญทองทุกประเภทที่เธอลงแข่งขัน แต่จู่ๆ เธอกลับตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขัน เพราะอาการ Twisties (ภาวะที่นักกายกรรมสูญเสียการควบคุมร่างกายในอากาศ อันตรายถึงชีวิต)
เธอไม่ได้ถอนตัวเพราะร่างกายไม่พร้อม แต่เพราะจิตใจของเธอกำลังบอบช้ำ Biles ต้องเผชิญกับความกดดันมหาศาลจากความคาดหวังของคนทั้งโลก เธอตัดสินใจถอยออกมาเพื่อรักษาสุขภาพจิตของตัวเอง นักกีฬาหลายคนอาจมองว่านี่คือ ‘จุดจบ’ ของอาชีพเธอ
แต่เธอไม่ยอมแพ้…
เธอกลับมาแข่งอีกครั้งในปี 2024 และคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้อีกครั้ง
พิสูจน์ว่า “การถอยหนึ่งก้าว เพื่อก้าวกระโดดไปข้างหน้า” คือกลยุทธ์ที่สำคัญ
ดังนั้น CEO จะต้องรู้จักการถอยหนึ่งก้าว เพื่อการกระโดดไปข้างหน้าให้ไกลขึ้น
✅ เปลี่ยนมุมมองต่อความล้มเหลว อย่ามองว่าความล้มเหลวคืออุปสรรค ให้มองว่ามันคือประสบการณ์ที่จะช่วยให้คุณเติบโต
✅ ฝึก Mental Resilience หรือความแข็งแกร่งทางจิตใจ CEO ควรฝึก Mindfulness หรือการฝึกสมาธิเพื่อควบคุมอารมณ์
✅ ฟื้นตัวให้เร็ว (Fail Fast, Recover Faster) ถ้าคุณเจอปัญหา อย่าเสียเวลาโทษตัวเอง แต่ให้โฟกัสที่การแก้ไข
✅ สร้างวัฒนธรรมที่ให้คนกล้าล้มเหลวในองค์กร
CEO ที่คิดแบบนักกีฬา = ผู้นำที่พร้อมสำหรับอนาคต
โลกธุรกิจในศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่เพียงสนามแข่งขันของกลยุทธ์และนวัตกรรม แต่ยังเป็นเกมแห่งความแข็งแกร่งของร่างกาย จิตใจ และความสามารถในการปรับตัว ผู้นำที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ไม่ได้เป็นเพียงคนที่ทำงานหนักที่สุด แต่คือคนที่รู้จักบริหารพลังงาน ฟื้นตัวจากความล้มเหลว ใช้ข้อมูลตัดสินใจ และไม่หยุดเรียนรู้ เช่นเดียวกับนักกีฬาระดับโลกที่ฝึกฝน เตรียมความพร้อม และพัฒนาตัวเองอย่างไม่สิ้นสุด
เมื่อ CEO นำแนวคิดจากโลกของกีฬามาปรับใช้ พวกเขาจะกลายเป็นผู้นำที่สามารถรับมือกับความกดดัน ตัดสินใจอย่างเฉียบคม และสร้างองค์กรที่พร้อมสำหรับอนาคต เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่ใช่แค่การอยู่รอดในเกม แต่คือการเป็นผู้ชนะในสนามธุรกิจที่ไม่มีวันหยุดนิ่ง
เขียนโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์