เพราะหัวหน้าแบบ ‘Partner’ คือหัวใจสำคัญ 3 วิธีบริหารอย่างไรให้ได้ทั้งงาน และใจทีม
![3-ways-to-be-manager-like-a-partner](https://futuretrend.co/wp-content/uploads/2023/03/22.3.23-7.00-02.jpg)
ในโลกของการทำงาน การมีงานที่ใช่ เงินเดือนที่ชอบ หัวหน้าที่ดี เพื่อนร่วมงานที่น่ารักนับเป็นหมุดหมายสูงสุดของมนุษย์ออฟฟิศหลายๆ คน เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้อยากตื่นไปทำงานทุกวันเท่านั้น แต่ก็ยังทำให้ทำงานได้ดี และมีประสิทธิภาพด้วย
สอดคล้องกับผลการศึกษาเรื่อง ‘Happiness at Different Ages: The Social Context Matters’ ของจอห์น เอฟ เฮลลิเวลล์ (John F. Helliwell), แม็กซ์ บี นอร์ตัน (Max B. Norton), ไฮเฟิง ฮวง (Haifang Huang) และชัน หวัง (Shun Wang) ที่พูดถึงเรื่องหัวหน้าเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า การมีหัวหน้าแบบ ‘พาร์ตเนอร์’ ที่คอยช่วยเหลือ เกื้อกูลซึ่งกันและกันช่วยให้ความสุขในชีวิตของลูกน้องเพิ่มขึ้นมากกว่าการมีหัวหน้าแบบ ‘บอส’ ที่คอยออกคำสั่งเพียงอย่างเดียว
เห็นได้จากคะแนนความพึงพอใจที่เพิ่มขึ้น 0.4 คะแนน จากทั้งหมด 10 คะแนนเต็ม อย่างไรก็ตาม แม้ 0.4 คะแนน จะเป็นตัวเลขที่น้อย แต่จริงๆ แล้ว เทียบเท่าได้กับการมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว
อีกทั้ง ผลการศึกษาก็ยังชี้ให้เห็นว่า ตามปกติแล้ว ตลอดช่วงชีวิตหนึ่งความสุขของคนเรามักเป็นไปตาม ‘รูปโค้งตัว U’ ตอนเด็กๆ เรามักจะมีความสุข และพอใจกับชีวิตสูง แต่พอเข้าสู่วัยกลางคนที่ต้องแบกรับความกดดันจากการทำงาน และการเลี้ยงลูก ความสุขเหล่านี้ก็จะลดต่ำลง แต่เมื่อใกล้บั้นปลายชีวิตหรืออายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป ความสุขก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
นักวิจัยยกตัวอย่างปัจจัยที่ส่งผลกับการลดลงของความสุขในวัยกลางคนว่า อาจเกิดจากความเครียดของงาน และการแต่งงานที่หลายคนมองว่า เต็มไปด้วยความสุข นอกจากนี้ ผลสำรวจของเว็บไซต์แกลแลป (Gallup) ก็ระบุว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของการมีส่วนร่วมในทีมขึ้นอยู่กับหัวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ของลูกน้อง ระดับความผูกพันของหัวหน้า หรือแม้กระทั่งความสามารถของหัวหน้าก็ด้วย
แล้วถ้าเราอยากเป็นหัวหน้าแบบ ‘พาร์ตเนอร์’ ที่ช่วยกระตุ้น Performance และ Productivity ของลูกน้องให้ดีขึ้นต้องทำอย่างไร? บทความนี้ Future Trends จะพาไปดูกัน
1. ฟีดแบ็กแบบเน้น ‘รายบุคคล’
![3-ways-to-be-manager-like-a-partner 1](https://futuretrend.co/wp-content/uploads/2023/03/business-meeting-1024x683.jpg)
ถึงการฟีดแบ็กจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ว่า เป็นหน้าที่ ความรับผิดชอบของหัวหน้า แต่ในความเป็นจริง ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำมันได้ดี
หัวหน้าควรฟีดแบ็กอย่างจริงใจ และเปิดเผย โดยเน้น ‘รายบุคคล’ เป็นสำคัญ ทั้งแรงจูงใจ จุดแข็ง จุดอ่อน ข้อบกพร่อง ปัญหา และเป้าหมายที่แตกต่างกัน รวมไปถึงการฟีดแบ็กในเชิงลบ แม้จะสร้างความอึดอัดให้แก่หัวหน้า และลูกน้อง แต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะจะช่วยให้พวกเขาปรับปรุง พัฒนาตัวเองได้ถูก และรับรู้ในความหวังดีของเรา
2. อยากให้งานพัฒนา ต้อง ‘พัฒนาคน’
![3-ways-to-be-manager-like-a-partner 2](https://futuretrend.co/wp-content/uploads/2023/03/female-speaker-giving-presentation-hall-workshop-audience-conference-hall-1024x683.jpg)
แม้การพัฒนาลูกน้องจะต้องใช้ต้นทุนกับพลังงานพอสมควร และถ้าวันหนึ่ง พวกเขาเกิดลาออกขึ้นมา นั่นเท่ากับ ทั้งหมดที่ลงทุนไปเท่ากับศูนย์
แต่ในยุคที่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอด การพัฒนาทักษะให้ลูกน้องถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ เนื่องจาก เป็นการสร้างความสัมพันธ์ การมีส่วนร่วมฉันท์ ‘พาร์ตเนอร์’ ที่แนบแน่น และเมื่อพวกเขาเก่งขึ้น ก็สามารถกลับมาตอบแทนองค์กรด้วยผลงานที่ดีขึ้น แถมการไม่พัฒนาก็เป็นสร้างต้นทุนการเสียโอกาสไปพร้อมๆ กันด้วย
3. ใช้ ‘พลังมนุษย์เพื่อน’ ให้เป็นประโยชน์
![3-ways-to-be-manager-like-a-partner 3](https://futuretrend.co/wp-content/uploads/2023/03/group-asia-young-creative-people-smart-casual-wear-discussing-business-celebrate-giving-five-after-dealing-feeling-happy-signing-contract-agreement-office-coworker-teamwork-concept-1024x683.jpg)
นอกจากหัวหน้าแล้ว ความร่วมแรงร่วมใจของคนในทีมก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกับ Productivity ไม่แพ้กัน ดังนั้น หัวหน้าควรเปิดโอกาสให้ลูกน้องในทีมได้ทำงานร่วมกัน เพื่อแบ่งปัน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
หากนำมาปรับใช้กับปรัชญาของ อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ชาวกรีก คงพูดได้ว่า “The partnership of a manager and their employee is greater than the sum of its parts.” จริงๆ แล้ว ความเป็นพาร์ตเนอร์ของ Manager และพนักงานนั้นยิ่งใหญ่กว่าผลรวมของส่วนต่างๆ ด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุด แม้เงินเดือนที่ดีจะซื้อความสุขได้ แค่มีเงิน ความสุขก็พร้อมมาประเคนตรงหน้าหลังเลิกงานแล้ว แต่คงจะดีกว่ามาก หากออฟฟิศเราได้ขึ้นชื่อว่า ‘ดีต่อใจทั้งงาน และเงิน’ นั่นเอง…
Sources: https://wapo.st/3yQCzjv